ตอนที่ 364 ปมด้อย

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 364

ปมด้อย

“พี่ชิงชิวขอรับ ท่านอย่าลืมนะขอรับเรื่องของกระผมเนี่ย”อวิ๋นอี้พูดพลางเดินตามชิงชิวต้อยๆหลังจากได้ทราบแล้วว่าตำแหน่งของชิงชิวคืออะไร เจ้าหมอนี่ลดตัวมาเรียกชิงชิวที่เด็กกว่าตนเองร่วม 3 ปีว่าพี่ได้อย่างหน้าตาเฉย แถมยังขอร้องมันเหมือนลืมสิ่งที่ตัวเองใส่ความชิงชิวไปเสียหมด

“เรื่องคนที่บ้านน่ะข้าไม่ว่าหรอก ท่านจะทำอะไรก็เรื่องของท่าน”ชิงชิวถอนหายใจพลางเร่งความเร็วอีกหน่อย อวิ๋นอี้ไม่ใช่ผู้ฝึกพลังวิญญาณเพียงเดินเร็วขึ้นหน่อยมันก็ต้องวิ่งตามเสียแล้ว สิ่งที่มันกำลังขอร้องชิงชิวนั่นก็คืออย่าเอาเรื่องของอวิ๋นอี้ไปบอกคนที่บ้าน ถึงจะทำงานในวังหลวงจริงๆแต่อวิ๋นอี้ก็เป็นเพียงบ่าวรับใช้ในวังเท่านั้นไม่ได้เป็นบัณฑิตจอหงวนอะไรนั่นแต่อย่างไร

“ไม่ได้นะขอรับ อย่างน้อยก็ช่วยพูดชื่อกระผมให้องค์หญิงได้ยินบ้างก็ยังดี”อวิ๋นอี้ว่าพลางวิ่งตามชิงชิวจนเริ่มหอบ

“เรื่องนั้นยังไงก็ไม่ได้ ท่านไม่เห็นหรือยังไงว่าวันนี้มันวุ่นวายแค่ไหน”ชิงชิวถามพลางถอนหายใจออกมา นอกจากเรื่องปกปิดความลับแล้วอวิ๋นอี้ยังหน้าด้านขอร้องให้ชิงชิวพูดชมมันให้องค์จักรพรรดิหรือองค์หญิงฟังอีกต่างหากเพราะมันหวังจะได้เป็นพี่เลี้ยงขององค์ชายที่กำลังจะประสูตมานั่นเอง

“ข้าจะบอกองค์หญิงให้ก็แล้วกัน”ชิงชิวว่าพลางถอนหายใจออกมา แต่ก่อนที่อวิ๋นอี้จะยิ้มออกมากว้างกว่านี้ชิงชิวก็ค้อนขวับใส่อวิ๋นอี้ทันที

“ข้าจะเล่าให้องค์หญิงฟังให้หมดเลยว่าท่านโกหกคนที่บ้านไว้อย่างไรบ้าง แถมยังมีหน้ามาสงสัยข้าอีก”ชิงชิวขู่พลางยิ้มเหี้ยม ทำเอาอวิ๋นอี้หน้าซีดเผือด

“มะ ไม่เป็นไร พี่ชิงชิวไม่ต้องบอกก็ได้”อวิ๋นอี้ว่าพลางถอยหลังออกห่างจากชิงชิวไป ทำเอาชิงชิวเริ่มเสียใจแล้วที่ปล่อยให้อวิ๋นอี้รู้จำแหน่งของตนเอง

“ชิงชิว ทำไมเจ้ายังไม่ไปหาองค์หญิงอีกล่ะ”ทหารอสูรตนหนึ่งถามพลางมองชิงชิวที่กำลังเดินอ้อมทางไปวังของมเหสีเสียอย่างนั้น

“ข้าต้องจัดการปัญหาอื่นก่อนนิดหน่อยขอรับ”ชิงชิวตอบพลางยิ้มเจื่อนๆ มันไม่อยากลากอวิ๋นอี้เข้าไปในวังส่วนในเพราะหากมันตามชิงชิวไปก็ไม่มีใครเข้ามาขวางหรอกแม้อวิ๋นอี้จะไม่มีสิทธิ์เข้าไปก็ตาม ชิงชิวเลยเดินอ้อมกำแพงวังหวังว่าจะสลัดอวิ๋นอี้สักหัวโค้งหนึ่ง แต่พอโดนขู่มันก็ถอยไปทำให้ชิงชิวไม่ต้องหนีจากมันแต่อย่างไร

“เจ้ารีบไปเถอะ ใกล้จะได้เวลาแล้ว”ทหารอสูรว่าพลางจ้องชิงชิวนิ่ง ยามนี้คนทั้งวังหลวงวุ่นวายไปหมดโดยเฉพาะเหล่าอสูร ไม่ว่าจะเหล่าทหารหรือขุนนางพวกมันอยู่กันไม่สุขเลยทีเดียว เพราะองค์ชายตัวน้อยกำลังจะลืมตาดูโลกอยู่แล้วนั่นเอง

“องค์หญิง เป็นอย่างไรบ้างขอรับ”ชิงชิวถามพลางเดินเข้ามาหาไป๋หลินที่กำลังยืนรออยู่หน้าห้อง แต่เห็นได้ชัดเลยว่าตอนนี้ไป๋หลินกำลังใช้ความสามารถของดวงตาตนเองมองเข้าไปในห้องของมารดาด้วยท่าทีสงสัย

“ทุกอย่างปกติดี อีกไม่นานก็น้องก็คงคลอดแล้ว”ไป๋หลินตอบพลางกระพริบตาปริบๆ ตัวนางมีความสามารถด้านการแพทย์ติดตัว ใช้ดวงตาสีม่วงมองสภาพพลังวิญญาณของมารดาแล้วก็พอจะทราบสภาพร่างกายของมารดาได้ นางเลยไม่เป็นห่วงเท่าไหร่ ยิ่งคนที่ทำตลอดยังเป็นท่านน้ามังกรกับท่านน้าจิ้งจอกอีก ไม่มีอะไรต้องกังวลเลยแม่แต่น้อย

“งั้นหรือขอรับ”ชิงชิวว่าพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา ปกติเวลาทำคลอดคนข้างนอกจะกังวลกันหมด กลายเป็นว่าองค์หญิงไม่กังวลเลย ตรงกันข้ามกับเหล่าข้ารับใช้และทหารที่อยู่รอบๆ พวกมันกังวลจนถึงขั้นเริ่มอ้อนวอนต่อพระเจ้าให้องค์ชายและตัวมเหสีปลอดภัยเลยทีเดียว

“แหว้…..”หลังจากชิงชิวมาถึงได้ไม่กี่นาที เสียงร้องของเด็กก็ดังออกมาจากภายในห้องทำให้เหล่าข้ารับใช้และทหารภายนอกโล่งใจกันเป็นแถว

“ไป๋หลิน ลูกเข้ามาสิ”หลังจากได้ยินเสียงเด็กไม่นานไป๋จูเหวินก็เปิดประตูออกมาพลางบอกให้ไป๋หลินเข้าไปในห้องได้ ทำให้ชิงชิวและเหล่าอสูรแมงมุมกับไป๋ไป่ที่โดนกันออกมาข้างนอกในตอนแรกเดินเข้าไปอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา

ทันทีที่เดินเข้ามาก็พบว่าองค์มเหสีนั่งอยู่บนเตียงด้วยท่าทีสบายๆไม่ได้ทรมานอะไร ท่าทางการคลอดรอบนี้จะไม่ได้ลำบากเหมือนตอนคลอดไป๋หลินออกมา เพราะตอนนั้นเจอปัญหาทั้งเรื่องพลังอสูรที่ตีกันและพลังวิญญาณที่ไป๋หลินมีมาตั้งแต่เกิดอีกต่างหาก

“ไป๋หลิน มาดูน้องสิ”เหม่ยหลินพูดพลางยิ้มบางๆออกมา ตอนนี้องค์ชายตัวน้อยกำลังถูกห่อด้วยผ้ากำลังถูกเหม่ยหลินอุ้มเอาไว้อย่างทะนุถนอม ในสายตาชิงชิวแล้วทุกอย่างญอดเยี่ยมมาก การคลอดปลอดภัยองค์ชายเองก็แข็งแรง แต่พอถึงตรงนี้ไป๋หลินกลับไม่ยอมเดินเข้าไปหามารดาของนางเสียอย่างนั้น

“องค์หญิง เป็นอะไรหรือขอรับ”ชิงชิวถามพลางมองสีหน้าของไป๋หลินด้วยท่าทีประหลาดใจ ใบหน้าสบายๆตอนมารดาตนเองกำลังคลอดหายไปจนหมด ตอนนี้ไป๋หลินกำลังกังวลอะไรบางอย่างจนไม่กล้าเดินเข้ามาหามารดาเลย

“ไป๋น้อย”ไป๋ไป่ที่อยู่ข้างหลังสะกิดไป๋หลินเบาๆทำให้นางได้สติ ไป๋หลินเดินเข้าไปหามารดาด้วยท่าทีกล้าๆกลัวๆอย่างเห็นได้ชัดทำเอาชิงชิวอดประหลาดใจไม่ได้ว่าทำไมไป๋หลินถึงมีท่าทีแบบนั้น

“นี่จ่ะ”เหม่ยหลินยิ้มพลางส่งตัวองค์ชายให้ไป๋หลินอุ้ม แต่ทันทีที่องค์เหม่ยหลินปล่อยลูกชายออกจากมือ ใบหน้าขององค์ชายก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแพงก่อนจะ…

“แอว้……….”ทันทีที่ไป๋หลินอุ้มองค์ชายก็ร้องออกมาเสียงดังทันทีทำเอาไป๋หลินทำอะไรไม่ถูก นางหันซ้ายหันขวามองไปรอบๆเหมือนทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะส่งตัวน้องชายคืนมารดาไป

“โอ๋ๆ ไม่ร้องนะจะ พี่สาวแค่อยากอุ้มลูกเฉยๆ”เหม่ยหลินปลอบบุตรชายพลางมองไปทางไป๋หลิน แต่กลับพบว่าไป๋หลินถอยออกไปเสียแล้ว

“ไม่เป็นไรหรอกลูก”เหม่ยหลินว่าพลางยิ้มให้บุตรสาวตนเอง เด็กทารกกับการร้องให้เป็นเรื่องคู่กันอยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องใหญ่แต่อย่างไร

“เจ้าค่ะ”ไป๋หลินตอบเสียงหงอยๆก่อนจะเดินหลบไปอีกมุมหนึ่งของห้อง

“องค์หญิง เป็นอะไรหรือขอรับ”ชิงชิวถามเพราะเห็นได้ชัดว่าไป๋หลินหดหู่อย่างชัดเจน

“พี่ชิว น้องจะเกลียดข้าหรือเปล่า”ไป๋หลินถามด้วยน้ำตาคลอเบ้า ทำเอาชิงชิวสะดุ้งโหยง

“เทียนหมิงก็เหมือนกัน พอข้าอุ้มแล้วก็ร้องให้ใหญ่เลย ไม่ยอมให้ข้าเล่นด้วยเลยด้วย”ไป๋หลินพูดด้วยน้ำตาคลอเบ้า หรือว่าเรื่องขององค์ชายอู๋เทียนหมิงจะเป็นแผลใจขององค์หญิงงั้นหรือ ที่นางทำท่าเหมือนไม่กล้าเข้าไปอุ้มเพราะกลัวน้องชายจะเกลียดตนเองเหมือนกับอู๋เทียนหมิงสินะ

“ไม่หรอกขอรับองค์หญิง องค์ชายเป็นน้องชายแท้ๆขององค์หญิงนะขอรับ”ชิงชิวว่าพลางยิ้มบางๆ

“แล้วถ้าน้องทำเหมือนเทียนหมิงล่ะ ข้าก็อยากให้เรียกว่าพี่หญิงเหมือนกันนะ”เหม่ยหลินทำหน้ามุ่ยทันที ทำเอาชิงชิวได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ นี่นางกังวลเรื่องน้องชายจะไม่รักตนเองขนาดนั้นเลยเหรอ

“ตอนน้องๆของข้าเกิดมาก็ไม่ยอมให้ข้าอุ้มเหมือนกันขอรับ”ชิงชิวว่าพลางคุกเข่าลงให้ตนเองอยู่ในระดับสายตาเดียวกันกับไป๋หลิน

“เหรอ”ไป๋หลินเช็ดน้ำตาช้าๆพลางมองมาทางชิงชิวเหมือนจะถามหาความจริง

“ขอรับ เด็กๆจะกังวลมากขอรับเวลาโดนแยกจากแม่ ถึงจะเป็นพี่ชายแบบข้าก็ไม่ยอมให้อุ้มเลยขอรับ แต่ตอนนี้พวกน้องก็เป็นเด็กดีกันทุกคนเลยขอรับ”ชิงชิวพูดพลางนึกถึงน้องๆของตนเอง พวกมันแม้จะไม่ได้ติดพี่ชายมาก แต่วันแรกที่มันจะมาทำงานที่วังหลวงพวกมันก็ร้องให้ออกมาเช่นกัน ไม่มีพี่น้องที่ไหนที่ไม่รักกันตั้งแต่เกิดหรอก

“จริงเหรอ แล้วพวกน้องๆรักท่านหรือเปล่า”ไป๋หลินถามพลางมองชิงชิวด้วยท่าทีคาดหวัง

“ขอรับ น้องๆดีใจมากที่ข้ากลับไปหาเมื่อวันก่อน น้องชายคนเล็กยังมาขอให้ข้าไปนอนด้วยกันอยู่เลย”ชิงชิวเล่าพลางเลื่อนมือไปเช็ดน้ำตาที่แก้มของไป๋หลินเบาๆ แม้จะดูไม่สมควรเท่าไหร่แต่คนในห้องก็ไม่มีใครจะต่อว่าชิงชิวหรอก

“ไป๋หลิน ทำไมไม่ลองมาอุ้มน้องชายอีกทีละจะ”เหม่ยหลินถามพลางยิ้มมาให้บุตรสาวที่เริ่มอารมณ์ดีขึ้นแล้ว

“เจ้าอย่าทำหน้ากังวลตอนอุ้มน้องก็พอ น้องต้องชอบตอนพี่สาวยิ้มแน่ๆ”ไป๋จูเหวินว่าพลางเดินมาหาไป๋หลิน พลางจูงมือบุตรสาวเข้าไปหาภรรยาและบุตรชายของมัน

“เจ้าค่ะ”ไป๋หลินว่าพลางจ้องมองน้องชายในอ้อมกอดของมารดานิ่ง นางหายใจเข้าลึกๆพลางเอื้อมมือไปรับตัวน้องชายมาอุ้มช้าๆ

“……….”ไป๋หลินฝืนยิ้มพลางมองน้องชายที่ถูกผ้าห่อจนเหลือแค่ส่วนหัวและมือน้อยๆที่โผล่ออกมาเท่านั้น เพราะพึ่งเกิดได้ไม่นานตัวก็เลยยังย่นๆอยู่บ้าง แต่สำหรับไป๋หลินแล้วไม่มีเด็กคนไหนน่ารักเท่านี้อีกแล้ว

“เห็นไหมไม่ร้องแล้ว ตอนแรกน้องก็แค่ตกใจเท่านั้นเอง”เหม่ยหลินว่าพลางลูบหัวบุตรสาวอย่างอ่อนโยน นางเองก็ไม่นึกว่าไป๋หลินจะกังวลเรื่องน้องชายจะไม่ชอบตนเองถึงขนาดนี้เหมือนกัน

“ท่านแม่ น้องยิ้มด้วย”ไป๋หลินมีท่าทีดีใจมากที่เห็นร้องชายมองตนเองพลางยิ้มออกมา ดวงตาสีดำขององค์ชานนั้นกลมโตและน่ารักมากเลยทีเดียว

“เบาๆนะจะ”เหม่ยหลินทักพลางเอามือไปช้อนส่วนหัวของบุตรชายเอาไว้ เด็กทารกร่างกายบอบบาง เห็นไป๋หลินดีใจก็ดีอยู่หรอกแต่เห็นนางขยับตัวเร็วแบบนี้แม่ก็ใจหายเหมือนกัน

“ขอโทษเจ้าค่ะ”ไป๋หลินหัวเราะแฮะๆออกมาพลางหันไปมองทางชิงชิว

“พี่ชิว ท่านลองมาอุ้มบ้างไหม”ได้ยินไป๋หลินถามเช่นนั้นชิงชิวก็เอานิ้วชี้มาชี้ใส่หน้าตนเอง

“ข้างั้นเหรอ”ชิงชิวอึ้งไปเพราะมันไม่คิดว่าไป๋หลินจะให้มันเข้าไปอุ้มน้องชายด้วย แต่เมื่อมองไปทางองค์จักรพรรดิและมเหสีพวกท่านก็ยิ้มและพยักหน้าช้าๆเหมือนให้ชิงชิวเข้ามาได้

“ถะ ถ้าอย่างนั้น”ชิงชิวเดินเข้าไปด้วยท่าทีเก้ๆกังๆ พร้อมรับร่างขององค์ชายมาอุ้มด้วยร่างกายที่เกร็งสุดขีด

“แอว้…..”อาจจะเพราะมันเกร็งจนเกินไปหรือเพราะมันเป็นคนแปลกหน้าก็ไม่ทราบ ทันทีที่มาอยู่ในมือของชิงชิวองค์ชายก็ร้องให้จ้าทันที แต่ชิงชิวไม่ใช่ไป๋หลิน มันอุ้มน้องมา 3 คนแล้วแม้จะเกร็งเพราะเป็นองค์ชาย แต่ชิงชิวก็ไม่ได้แตกตื่นเพราะองค์ชายร้องให้แต่อย่างไร มันพยายามปลอบองค์ชายให้หยุดร้อง เพียงแต่ความพยายามของมันเหมือนจะดูไร้ผลเพราะองค์ชายยังร้องไม่ยอมเลิกเลยทีเดียว

“ท่าทางคนโดนเกลียดจะเป็นข้านะขอรับ”ชิงชิวยอมแพ้พลางส่งตัวองค์ชายคืนให้พระมเหสี กลายเป็นว่าคราวนี้คนทำหน้าหงอยกลายเป็นชิงชิวเสียอย่างนั้น