ตอนที่ 461: สถานที่อันตราย

Crazy Leveling System

CLS ตอนที่ 461: สถานที่อันตราย

 

อย่างรวดเร็ว พวกเขาทั้งสี่ก็พาขึ้นไปบนเรือ พร้อมกับใช้ไม้พายเริ่มแล่นเรือออกไป ความเร็วในการแล่นของพวกเขาไม่เร็วไม่ช้า ในตอนนี้ พวกเขาดูราวกับเป็นแค่คนธรรมดาที่กำลังล่องเรืออย่างระมัดระวัง ไม่มีใครกล้าเอาร่างกายไปสัมผัสน้ำ ไม่อย่างนั้น คนผู้นั้นคงไม่สามารถไปถึงโลกวิญญาณ แต่จะตายเพราะน้ำพิษแทน

 

และในขณะที่เรือกำลังแล่น ก็ได้มีพลังงานสีดำปล่อยออกมาจากแม่น้ำใต้พิภพไม่หยุด พร้อมกับตรงเข้าห่อหุ้มพวกเขา แต่อี้เทียนหยุนมีฉายาคอยปกป้องอยู่ จึงทำให้พลังงานสีดำนี้ถูกดีดออกไปราวกับลูกหนัง ส่วนคนอื่นๆ ไม่ได้โชคดีเหมือนกันกับเขา พวกเขาต่างก็ถูกพลังงานสีดำแทรกซึมเข้าไปในร่าง จนต้องโคจรพลังในร่างขับไล่พลังงานสีดำนี้ออกมา ไม่อย่างนั้น หากปล่อยให้พลังงานสีดำลุกล้ำเข้าไปในร่างมากเข้า พวกเขาคงไม่มีทางไปถึงโลกวิญญาณได้ แต่จะตายระหว่างทางเข้าเสียก่อน

 

อี้เทียนหยุนก็ได้รับไม้พายมาเช่นเดียวกัน เขาทำการบังคับเรือพร้อมกับทุกคน และเมื่อไม้พายพายลงไปในน้ำ เขาก็รู้สึกเหมือนกับกำลงพายอยู่ของเหลวที่เหนียวหนืด เป็นการพายที่ค่อนข้างยาก แต่ด้วยพลังของเขาแล้ว มันก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคอะไร ส่วนคนอื่นๆ กลับพายได้อย่างเชื่องช้ายิ่ง ดังนั้น เขาจึงต้องพายให้ช้าลงด้วยเช่นกัน ไม่อย่างนั้น ด้วยพลังของเขา หากอยากจะไปให้เร็วกว่านี้ ความเร็วของเขาย่อมต้องเร็วกว่าคนอื่นๆ อยู่ช่วงใหญ่อย่างแน่นอน

 

ในขณะที่พายเรือกันอยู่ สีหน้าของทุกคนต่างก็เคร่งเครียด พร้อมกับมองดูรอบๆ อย่างระมัดระวัง ราวกับกังวลว่าจะมีอะไรบางอย่างมาโจมตีเข้า ขนาดส่วนนอกยังมีต้นไม้ปีศาจที่แสนอันตรายเข้าโจมตี อย่าว่าแต่ที่นี่เลย

 

อี้เทียนหยุนเหลือบมองพวกเขา อยากจะถามจริงๆ ว่าทำไมถึงไม่ไปโลกสวรรค์ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ถามออกไป แม้ที่นี่จะถูกแบ่งออกเป็นสามโลก แต่ก็ไม่รู้ว่าโลกสวรรค์นั้นต้องไปยังไง มีแต่โลกวิญญาณนี้แหละที่รู้ว่าต้องลงไปจากที่นี่ ดังนั้นจึงพากันมาที่นี่

 

“พวกเราต้องใช้แรงให้สุดๆ เร่งความเร็วออกจากที่นี่ไปให้ถึงจุดหมาย! ยิ่งอยู่ที่นี่นานเท่าไหร่ พวกเราก็จะยิ่งอันตรายมากเท่านั้น! ตราบเท่าที่ไปถึงโลกวิญญาณ พวกเราก็จะพ้นไปจากที่นี่ มุ่งสู่อนาคตใหม่! ได้ยินมาว่าโลกวิญญาณมีสมุนไพรวิญญาณจำนวนมาก ไม่ว่าที่ไหนก็เจอ เมื่อถึงตอนนั้น ข้าจะพาพวกเจ้าไปหามัน!” เสียงของหลิวหลงลอยมา คำพูดของเขาทำให้ผู้ฝึกตนฝ่ายเขาใจร้อนแรง พร้อมกับเร่งฝีพายให้เร็วขึ้นไปอีก

 

“พี่ใหญ่หลิว พวกเราฟังคำท่าน!”

 

ในสายตาของพวกเขาเผยความบ้าคลั่งออกมา เต็มไปด้วยความคาดหวังต่ออนาคตอย่างสุดๆ

 

“ระดับของพวกเขาก็ไม่ต่ำ กับคำพูดปลุกใจพวกนี้ พวกเขายังเชื่ออยู่อย่างงั้นเหรอ?” อี้เทียนหยุนขมวดคิ้ว นี่เหมือนกับการล้างสมองอย่างหนึ่ง ทำไมยังมีคนโง่เชื่ออยู่อีก?

 

ถ้าระดับปรับแต่งกายา ไม่เชื่อระดับก่อแกนวิญญาณ หรือระดับผันแปรวิญญาณไม่เชื่อผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งกว่า งั้นจะให้ไปเชื่อใคร?

 

“น้องอี้ ที่เขาสามารถทำให้คนทั้งหลายเชื่อเขาได้นั้น ก็เพราะว่าเขามีแผนที่โลกวิญญาณอยู่! และยังมีเศษสมบัติอะไรสักอย่างที่ทำให้ผ่านทางผ่านใต้พิภพนี้ไปได้อย่างไม่มีปัญหาออกมาแสดงให้คนอื่นดูนิดหน่อย ดังนั้น คนทั้งหลายจึงพากันเอาความเป็นตายวางไว้ที่เขา” หยางจื้อเหวินพูดอย่างดูถูก “ข้านั้นไม่เชื่อเขา ชื่อเสียงของหลิวหลงเลวร้ายมาก แต่ก็ยังมีคนมากมายที่เชื่อเขาอยู่”

 

“ใช่ ไม่รู้ว่าเขาไปได้แผนที่มาจากที่ไหน มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าเป็นของจริงหรือปลอม พวกเราแค่มุ่งไปตามทางของเราก็พอ” เริ่นเหลียงเฉินพูดออกมา

 

อี้เทียนหยุนไม่รู้ว่าหลิวหลงผู้นี้เป็นใคร และเขาก็ไม่สนใจอะไรเรื่องนี้ด้วย ฟังจากที่เขาพูด อีกฝ่ายจะต้องมีของดีติดตัวอย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นคงไม่มีใครเชื่อเขา แต่มีบางคนเชื่อ ก็ย่อมมีบางคนไม่เชื่อเช่นกัน ดังนั้น เชื่อตัวเองจึงดีที่สุด

 

จากนั้น เขาก็เพ่งสายตามอง มองเห็นรอบๆ มีเรือสองลำที่อยู่ในท่าเรือ จากนั้นก็พากันปีนขึ้นไปบนกำแพงหิน เห็นได้ชัดว่าต้องการขึ้นไปเก็บสมุนไพรและดอกไม้วิญญาณ ไม่ใช่ว่าทุกคนต้องการไปยังโลกวิญญาณ เนื่องจากไม่มีเส้นทางที่ปลอดภัยแน่นอน ดังนั้นจึงไม่ได้มีคนมากมายเท่าไหร่ที่ต้องการไป

 

นอกจากจะไม่มีทางออกแล้ว ไม่อย่างนั้น คงไม่มีใครอยากจะไปยังโลกวิญญาณจริงๆ เพราะความเสี่ยงของมันสูงเกินไป

 

เพิ่งจะปีนขึ้นไปยังหน้าผาได้ไม่ทันไร ผนังหินก็พลันสั่น พร้อมกับเปิดปากขนาดใหญ่ขึ้น งับเอาผู้เชี่ยวชาญระดับผันแปรวิญญาณเข้าไป แต่อีกฝ่ายรู้ตัวอย่างรวดเร็ว จึงได้กระโดดหลบออกมา แต่ในขณะที่กำลังจะคว้าก้อนหินตามหน้าผาเพื่อพยุงตัวอยู่นั้น หน้าผาก็ได้เคลื่อนตัวอีกครั้ง พร้อมกับเปิดปากขนาดใหญ่งับเข้าใส่เขาอีก!

 

คราวนี้แม้แต่จะหลบก็หลบไม่พ้น พริบตาก็ถูกกลืนเข้าไปในหน้าผาอย่างรวดเร็ว ผู้คนที่มองดูอยู่ต่างก็ตกตะลึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกเขาที่ไม่เคยเจอะไรแบบนี้มาก่อน ยิ่งพากันผวาหนักขึ้นไปอีก

 

ด้านนอกมีต้นไม้คอยโจมตี ที่นี่ก็มีหน้าผาโจมตีเช่นกัน! ไม่มีที่ไหนปลอดภัยเลยจริงๆ แค่ประมาทเพียงนิดเดียว ก็สามารถถูกโจมตีได้แล้ว

 

“ปัง!”

 

ในตอนนี้เอง ก็มีเสียงระเบิดดังมาจากหน้าผา ผู้เชี่ยวชาญระดับผันแปรวิญญาณผู้นั้นถูกคายออกมา ทั้งร่างของเขามีสภาพน่าสมเพช และเพราะไม่สามารถบินได้ จึงทำให้เขาตกลงมาจากกลางอากาศอย่างรวดเร็ว

 

“ตูม!”

 

ผู้เชี่ยวชาญระดับผันแปรวิญญาณผู้นี้ตกลงไปในน้ำ และในพริบตาที่ตกลงไป เขาก็ทำการเหวี่ยงมือแหวกว่ายเข้าไปหาเรือที่อยู่ด้านข้างไม่หยุด แต่ความเร็วกลับช้าเกินไป ราวกับคนเป็นง่อย และในขณะที่เขากำลังว่ายอยู่นี้ สีหน้าของเขาก็ยิ่งดำคล้ำลงเรื่อยๆ เห็นได้ชัดว่าถูกพิษของแม่น้ำใต้พิภพเข้าไปอย่างจัง

 

“เร็ว ดึงข้าขึ้นไปเร็ว!” ผู้เชี่ยวชาญระดับผันแปรวิญญาณร้องออกมา น้ำเสียงของเขาค่อนข้างแหบแห้ง ราวกับไม่สามารถพูดเสียงดังได้

 

อย่างรวดเร็ว สหายของเขาก็พายเรือเข้าไปหา แต่เมื่อเรือได้ไปถึง เขาก็ไม่กล้ายื่นมือออกไปดึงอีกฝ่ายขึ้นมา แต่กลับยื่นไม้พายในมือออกไปแทน เมื่อสหายของเขาคว้าไม้พายได้มั่นแล้ว เขาก็ทำการฉุดอีกฝ่ายขึ้นมา หลังจากช่วยขึ้นมาได้ ร่างของอีกฝ่ายกลับกลายเป็นสีดำสนิท ราวกับไม่มีส่วนไหนที่ไม่ถูกพิษ โดยเฉพาะก่อนหน้านี้ยังได้รับบาดเจ็บมาด้วย ทำให้สภาพของเขาเปื่อยยุ่ย น่าสังเวชอย่างแท้จริง

 

“ยา ขอยา ขอยาถอนพิษ…..” ผู้เชี่ยวชาญระดับผันแปรวิญญาณผู้นั้นนอนอยู่บนพื้นเรือ ปากของเขาอ้าพะงาบๆ ราวกับจะขาดใจตาย

 

สหายของเขาเอายาถอนพิษให้เขากินอย่างรวดเร็ว แต่ก็ดีขึ้นเพียงเล็กน้อย ดูแล้วไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ พริบตาก็ทำให้ผู้เชี่ยวชาญระดับผันแปรวิญญาณผู้หนึ่งบาดเจ็บหนักจนสูญเสียการเคลื่อนไหว แม่น้ำใต้พิภพนี้ช่างน่ากลัวจริงๆ

 

ยังไงก็ตาม การรักษาของสหายของเขาก็ไม่ได้เสียเปล่า อย่างน้อยอาการบาดเจ็บก็ยังทรงตัว

 

“พวกเขาคงมาจากขุมอำนาจชั้น 3 วิชาที่ใช้ก็ถือว่าร้ายกาจ เพียงแต่โชคร้ายเกินไป จึงทำให้ต้องตกอยู่ในสภาพนั้น” เริ่นเหลียงเฉินพูดอยู่ข้างๆ

 

อี้เทียนหยุนพยักหน้า เขารู้เกี่ยวกับที่นี่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น อย่างมากก็รู้ว่าแม่น้ำใต้พิภพมีพิษอยู่ หากว่าตกลงไปพร้อมกับร่างกายที่มีบาดแผลแล้วล่ะก็ ถ้าไม่มีคนรักษา ก็คงได้แต่รอความตายเท่านั้น

 

“อึก น่ากลัวจริง พวกเราคงไม่ตกไปในแม่น้ำใต้พิภพหรอกใช่ไหม?”

 

“ทางผ่านใต้พิภพอันตรายมาก…. หรือว่าข้าควรจะกลับตอนนี้ดี?”

 

ในตอนนี้เอง คนทางฝั่งหลิวหลงก็เผยท่าทางขลาดเขลาออกมา ต้องการออกไปจากที่นี่

 

“มาถึงที่นี่แล้วยังจะพูดอย่างนี้อีก?” หลิวหลงมองไปยังเขาอย่างกรุ่นโกรธ พร้อมกับพูดอย่างหัวเสียว่า “หากไร้ความกล้าหาญและสติปัญญา จากนี้จะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ได้ยังไง? เชื่อข้า ข้าจะพาพวกเจ้าไปถึงโลกวิญญาณได้สำเร็จอย่างแน่นอน!”

 

ภายใต้คำปลอบขวัญของเขา ภายนอกของพวกเขาก็สงบลงนิดหน่อย แต่ว่าภายในยังคงกังวลมากอยู่ดี

 

“ก็แค่กลุ่มคนที่รวมตัวกัน อาศัยเพียงคำพูดจูงใจก็คิดจะไปโลกวิญญาณ ช่างรนหาที่ตายจริงๆ!” เหลิงหู่แค่นเสียงอย่างเย็นชา ทั้งยังเต็มไปด้วยความดูถูก จากนั้นก็มองมายังอี้เทียนหยุน แล้วพูดขึ้นว่า “เจ้าคงไม่คิดอย่างพวกนั้นหรอกนะ? หากกลัว ตอนนี้ยังมีเวลาที่จะกลับไปได้! อย่าได้กลัวเสียหน้า ยังไงชีวิตก็สำคัญที่สุด หากว่าตายไป ต่อให้เสียใจแค่ไหนก็เอาคืนไม่ได้”

 

น้ำเสียงของเหลิงหู่ยังคงเต็มไปด้วยความไม่แยแส แต่คำพูดของเขากลับทำให้ในใจของผู้คนรู้สึกอบอุ่น แม้สีหน้าจะเฉยชา แต่ในใจกลับอบอุ่น

 

อี้เทียนหยุนพูดด้วยรอยยิ้มว่า “พี่ใหญ่เหลิง แค่นี้ไม่ทำให้ข้าหรอก”

 

“งั้นก็ดี เตรียมตัวให้ดี พวกเราอยู่ระหว่างทางไปโลกวิญญาณแล้ว หากเชื่อฟังคำสั่งพวกเรา โอกาสไปถึงที่นั่นย่อมมีสูง!” เหลิงหู่เห็นสีหน้ามั่นใจของอี้เทียนหยุนก็เผยรอยยิ้มที่หาได้ยากออกมา แต่รอยยิ้มนั้นกลับน่าเกลียดยิ่งกว่าร้องไห้อีก แต่นี่ก็เป็นหลักฐานว่าเขายอมรับในตัวอี้เทียนหยุนขึ้นมาหน่อยแล้ว อย่างน้อยก็คิดว่าเขาเป็นพวกเดียวกัน ไม่อย่างนั้นคงไม่แสดงสีหน้าแบบนั้นออกมา