ตอนที่ 462: ฉลามใต้พิภพ

Crazy Leveling System

CLS ตอนที่ 462: ฉลามใต้พิภพ

 

เหลิงหู่พูดออกมาแต่ละครั้ง ล้วนแต่พุ่งเข้าตรงเป้า แต่ในคำพูดที่เปล่งออกมายังแฝงไปด้วยคำแนะนำ ซึ่งอี้เทียนหยุนย่อมฟังออก ดังนั้นเขาจึงไม่คิดมากกับคำพูดตรงๆ ของเหลิงหู่

 

กับคนนอก พวกเขาย่อมมีหวาดระแวงเป็นธรรมดา บางคนตอนแรกพูดจาอบอุ่น แต่กลับทำให้เกิดปัญหาอย่างง่ายดาย แต่เหลิงหู่ผู้นี้กลับธรรมดา แม้เขาจะเป็นคนพูดตรงจนทำให้แสลงหู แต่เมื่อไหร่ที่เขายอมรับในตัวคนอื่นแล้วล่ะก็ เขาก็จะให้การช่วยเหลืออย่างสุดใจ

 

“ท่านรู้ทางจะไปอย่างงั้นเหรอ?” อี้เทียนหยุนตาเป็นประกาย เขาไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อน ก่อนหน้านี้เขาก็คิดว่าพวกเขาจะไปกันตามยถากรรม

 

“ก็พอรู้อยู่บ้าง แต่ข้อมูลต่อจากนี้พวกเราไม่ค่อยแน่ใจนัก นี่เป็นข่าวที่ได้มาจากคนที่กลับมาจากโลกวิญญาณ ซึ่งกระจัดกระจายกันออกไป พวกเราทำการรวบรวบแต่ละส่วนเข้าด้วยกันจนรู้สึกว่าถูกต้อง ไม่อย่างนั้นคงไม่กล้าเข้ามาในนี้แบบสุ่มๆ หรอก” เริ่นเหลียงเฉินแสดงยิ้มคลุมเครือออกมา

 

อี้เทียนหยุนไม่สนใจเรื่องนี้ อย่างน้อยก็คิดว่าพวกเขาไม่ได้เป็นพวกไปตายเอาดาบหน้า

 

ภายใต้การล่องเรือของพวกเขา อย่างรวดเร็วก็ผ่านทางมาไกลขึ้นเรื่อยๆ ทิ้งห่างเรือลำอื่นๆ ไว้ด้านหลังอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เหลือกันอยู่แค่สามกลุ่มที่ยังล่องไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง นี่จึงจะเป็นกลุ่มที่จะไปยังโลกวิญญาณอย่างแท้จริง ส่วนกลุ่มอื่นนั้นเพียงแค่มาเก็บสมุนไพรวิญญาณเท่านั้น

 

“ที่นี่เริ่มพายยากขึ้นเรื่อยๆ จำเป็นต้องใช้แรงเพิ่มอีกนิดถึงจะไปต่อได้” เหลิงหู่มองไปยังอี้เทียนหยุนแล้วพูดอย่างจริงจัง “เจ้ายังไหวไหม? หากไม่ไหวล่ะก็ พวกเราจะได้ช้าลง”

 

คนที่พูดแสดงความห่วงใยเกี่ยวกับอี้เทียนหยุนเป็นคนแรกกลับเป็นเหลิงหู่ เขาถามว่าเขายังพายต่อไหวไหม ดูเหมือนว่าเขาจะเข้าใจผิดว่าเขานั้นมีระดับต่ำที่สุด ดังนั้นจึงให้ความห่วงใยเขาเป็นพิเศษ ถึงยังไงกลิ่นอายที่อี้เทียนหยุนปล่อยออกมาก็อ่อนแออย่างมาก นี่เป็นผลมาจากการยับยั้งของเขา ทำให้กลิ่นอายที่อีกฝ่ายสัมผัสได้ค่อนข้างอ่อนแอ

 

พวกเขาสามพี่น้องมีพลังอยู่ระดับผันแปรวิญญาณขั้นที่ 5 ที่ 6 พูดได้ว่าสำหรับผู้ฝึกตนพเนจรแล้ว การที่มีพลังระดับนี้ถือว่าดีอย่างมาก และผู้ฝึกตนระดับนี้ก็ไม่ได้หายาก กลับกัน พูดได้ว่ามีอยู่มากกันเลยทีเดียว เพียงแต่นี่ไม่อาจจะเอาไปเทียบกับผู้ฝึกตนที่มีสำนักได้

 

“ใช่แล้ว ที่นี่พอจะช้าได้ ช้านิดช้าหน่อยไม่ได้สำคัญอะไร”

 

หยางจื้อเหวินพยักหน้า พร้อมกับพูดออกมาจากอีกฝั่ง ตามจริงแล้วพวกเขาก็ค่อนข้างเหนื่อย การพายเรือนี้ผลาญพลังวิญญาณพวกเขาไปเป็นจำนวนมาก การลงฝีพายแต่ละครั้ง ราวกับกำลังดันภูเขาอย่างไงอย่างงั้น

 

“ข้าไม่เป็นไร นี่ไม่มีปัญหา สำหรับข้าแล้ว ใช้ความเร็วเท่ากับก่อนหน้านี้ก็ได้ ข้าก็ไม่อยากอยู่ที่นี่นานๆ เหมือนกัน” อี้เทียนหยุนยิ้ม สำหรับเขาแล้ว ไม่มีแรงกดดันแม้แต่น้อย

 

“ตกลง หากว่ามีอะไรก็รีบพูดล่ะ พวกเราลงเรือกันแล้ว จำเป็นต้องช่วยเหลือกันให้ดี” เริ่นเหลียงเฉินพูด

 

พวกเขาคิดว่าอี้เทียนหยุนแค่พูดแสดงพลังไปอย่างนั้นเอง ดังนั้นจึงพากันลดความเร็วลงนิดหน่อย หากให้พูดตรงๆ แล้ว หากเทียบกับทางฝั่งหลิวหลง ความเร็วของพวกเขาช้ากว่านิดหน่อย

 

ดังนั้น ทางฝั่งหลิวหลงจึงพากันแสดงสีหน้าดูถูกออกมา พร้อมกับพูดขึ้นว่า “เริ่นเหลียงเฉิน พวกเจ้าพายช้ากันอย่างนี้ หรือว่าจะไม่มีแรงแล้ว? หากไม่มีแรงก็รีบๆ ไสหัวกลับไปดื่มนมที่บ้านเลยไป!”

 

เริ่นเหลียงเฉินแย่งคนกับเขา ทำให้เขารู้สึกไม่พอใจอย่างมาก ดังนั้นจึงอดพูดจาเสียดสีเริ่นเหลียงเฉินออกมาไม่ได้

 

“ไอ้ลูกสำส่อนนี่ ข้า….” ขณะที่หยางจื้อเหวินกำลังจะพูดอะไรอยู่นั้น เริ่นเหลียงเฉินก็ได้ส่ายหัว พร้อมกับบอกให้เขาอย่าไปใส่ใจ

 

“อย่าไปสนใจเขา พวกเราไปของเราแบบนี้ต่อไปก็พอ ที่นี่ไม่ควรสร้างปัญหา อย่าให้คนอื่นฉวยโอกาสกับพวกเราได้” นัยน์ตาของเริ่นเหลียงเฉินฉายประกายเย็นชาวาบผ่าน ในใจของเขาย่อมรู้สึกไม่พอใจอย่างแน่นอน แต่ยังไงสถานการณ์ในตอนนี้ก็ไม่เหมาะที่จะก่อเรื่องขึ้นมา

 

อี้เทียนหยุนมองไปทางด้านนั้น ก็พบว่าหลิวหลงมีท่าทางสบายอย่างมาก เพราะคนที่พายก็คือผู้ฝึกตนที่ถูกเขาหลอก พวกนั้นเป็นคนทำหน้าที่พายเรือให้กับเขา

 

เพราะมีคนมาก ดังนั้นความเร็วในการพายจึงเร็วกว่าเล็กน้อย

 

และเมื่อตรงไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง สายตาของอี้เทียนหยุนเป็นประกายวาบ จากนั้นก็พูดขึ้นมาว่า “พี่ใหญ่เริ่น ข้ารู้สึกว่าข้างหน้าไม่ปลอดภัยเท่าไหร่ พวกท่านจงระวังรอบๆ ให้ดี”

 

“หืม? ไม่ปลอดภัยอย่างงั้นเหรอ ทำไมข้าไม่รู้สึกอะไรเลยล่ะ” เริ่นเหลียงเฉินมองไปข้างหน้า แต่ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติอะไร นอกจากว่าเรือจะพายยากขึ้นกว่าเดิมแล้ว ก็ไม่มีปัญหาอะไรอีก

 

ยังไงก็ตาม พวกเขาต่างก็เชื่อในคำพูดของอี้เทียนหยุน ดังนั้นจึงได้พากันผ่อนฝีพายลง เห็นได้ชัดว่านี่เป็นผลจากแต้มบัญชาการที่มหาศาลของอี้เทียนหยุน เป็นผลให้อีกฝ่ายให้ความเชื่อใจต่อเขา

 

ส่วนทางฝั่งหลิวหลงนั้น นอกจากความเร็วจะไม่ลดลงแล้ว กลับยังเดินหน้าต่อโดยไม่สนใจอะไร

 

และก็จริง หลังจากนั้นสักพัก ก็ได้มีเงาสีขาวโผล่ขึ้นมาจากน้ำ พร้อมกับพุ่งเข้าใส่พวกหลิวหลง ทางด้านนั้นไม่ทันตั้งตัว ทำให้มีบางคนตกลงน้ำ แม้แต่เสียงกรีดร้องก็ยังไม่ทันได้ส่งออกมา ก็จมหายไปในแม่น้ำ ไม่โผล่ขึ้นมาอีก

 

“เป็นฉลามใต้พิภพ!” สีหน้าเริ่นเหลียงเฉินดำคล้ำ พวกเขามองเห็นเงาที่กระโจนเข้าใส่พวกหลิวหลงได้อย่างชัดเจน ที่นี่เป็นถิ่นของฉลามใต้พิภพ ซึ่งเป็นสัตว์อสูรที่มีพลังค่อนข้างร้ายกาจ!

 

ฉลามใต้พิภพ : สัตว์อสูรระดับผันแปรวิญญาณขั้นที่ 1, สามารถต้านทานพิษในแม่น้ำได้, ในร่างกายมีพิษร้าย และมีพิษเคลือบตามร่างกาย หากถูกกัด จะถูกพิษแพร่เข้าไปในร่างอย่างรุนแรง หากในอึดใจไม่สามารถหายาถอนพิษมาได้ จะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย! ศักยภาพสัตว์เลี้ยงระดับ 3, จุดอ่อน : แพ้ไฟแบบสุดๆ, เมื่อสังหารจะได้รับยาถอนพิษ, หนังฉลามใต้พิภพ, พิษน้ำลึก

 

ข้อมูลของฉลามใต้พิภพปรากฏอยู่ในสายตาของอี้เทียนหยุน จากข้อมูลที่ได้มา เจ้าสิ่งนี้ถือว่าดุร้ายอย่างมาก ไม่เสียทีที่เป็นถึงระดับผันแปรวิญญาณ ยิ่งกว่านั้นยังสามารถเคลื่อนไหวในน้ำลึกได้ด้วย ซึ่งนี่ถือเป็นเรื่องที่จัดการได้ยากที่สุด

 

ฉลามใต้พิภพสามารถเคลื่อนไหวในน้ำได้ แต่พวกเขาทำไม่ได้ ไม่ยากสิแปลก

 

“ซ่า!”

 

ในตอนนี้ ฉลาดใต้พิภพก็ได้โผล่ขึ้นมาจากน้ำอีกครั้ง คราวนี้เป้าหมายไม่ใช่พวกหลิวหลง แต่เป็นอี้เทียนหยุน! มันอ้าปากเตรียมเขมือบอี้เทียนหยุน คงจะคิดว่าอี้เทียนหยุนมีระดับต่ำที่สุด ดังนั้นจึงได้ตกเป็นเป้าหมายของมัน

 

คนของหลิวหลงที่ตกลงไปก่อนหน้านี้ก็มีพลังเพียงระดับก่อแกนวิญญาณ ซึ่งถือว่าเป็นผู้ที่มีระดับต่ำที่สุด

 

อี้เทียนหยุนตาเป็นประกาย แต่ในขณะที่กำลังจะลงมือจัดการกับฉลามใต้พิภพอยู่นั้น ก็พลันมีแสงเย็นเยียบพุ่งเข้ามา พร้อมกับฟันเข้าใส่ฉลามใต้พิภพที่กำลังพุ่งเข้ามา พริบตา ก็จัดการจนอีกฝ่ายกระเด็นไป พร้อมกับทิ้งรอยแผลลึกเอาไว้ที่หนังแข็งๆ ของมัน

 

และคนที่ลงมือก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นเหลิงหู่ที่อยู่ใกล้ๆ เขานั่นเอง ในมือของอีกฝ่ายถือขวานใหญ่ระดับจิตวิญญาณขั้นสูง ช่วยจัดการสังหารเจ้าฉลามใต้พิภพตัวนี้ให้กับเขา

 

“พายกันต่อเถอะ พวกเราต้องรีบออกไปจากที่นี่!” เริ่นเหลียงเฉินพูดออกมาอย่างเร่งร้อน “มีเพียงออกไปจากอาณาเขตของฉลาดใต้พิภพ พวกเราจึงจะปลอดภัย!”

 

อี้เทียนหยุนทำการตรวจสอบแผนที่ทางผ่านใต้พิภพ ที่นี่ถูกแบ่งออกเป็นอาณาเขต แล้วก็จริงอย่างที่เริ่นเหลียงเฉินบอก หลังจากออกไปจากที่นี่ก็จะปลอดภัย แต่ยังไงก็ตาม ตลอดทางก็ต้องเผชิญกับการจู่โจมของฉลามใต้พิภพ ซึ่งนี่ทำให้รู้สึกปวดหัวอย่างมาก

 

ส่วนทางฝั่งหลิวหลงก็เร่งความเร็วฝีพายอย่างบ้าคลั่ง พากันพุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วที่ยิ่งกว่าเดิม ระหว่างนั้นหลิวหลงก็สบถออกมาอย่างเกรี้ยวกราด “พายให้เร็วขึ้นอีก! พวกเจ้าจะเก็บแรงไว้หาอะไร รีบเร่งความเร็วฝีพายให้บิดาเดี๋ยวนี้!”

 

ขณะเดียวกันก็ให้ผู้เชี่ยวชาญระดับผันแปรวิญญาณคอยช่วยต้านรับการจู่โจมของฉลามใต้พิภพที่พุ่งเข้ามา แม้จะยากเล็กน้อย แต่ก็พอที่จะทนได้

 

ภายใต้ฝีพายที่จ้วงกันสุดแรง ความเร็วของเรือก็เร็วขึ้น หากเทียบกันแล้ว ก่อนหน้านี้กลายเป็นช้าไปเลย ตอนนี้พวกเขาต่างก็พากันทุ่มแรงทั้งหมดออกมา

 

มีเพียงอี้เทียนหยุนเท่านั้นลดความเร็วลง ยิ่งกว่านั้น อี้เทียนหยุนยังไม่ยอมพายเรืออีก! ซึ่งนี่ทำให้พวกเขาตกใจ ในเวลาอย่างนี้ ทำไมอี้เทียนหยุนยังไม่เร่งพายเรืออีก?

 

แน่นอนว่าอี้เทียนหยุนย่อมไม่อยากพาย หลังจากที่เห็นฉลามใต้พิภพพวกนี้ ทันใดนั้นเขาก็เกิดความคิดอยากได้พวกมันมาเป็นสัตว์เลี้ยง! จากนั้นก็ให้พวกมันทำหน้าที่ลากเรือ อย่างนี้ไม่ดีกว่าพายเองหรือไง!