ตอนที่ 625 ฟางหลิงซู่ปรากฏกาย

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

ตอนที่ 625 ฟางหลิงซู่ปรากฏกาย

อันหลิงเกอคิดได้ดังนั้นก็เริ่มรู้สึกมีความหวัง

ทว่าในตอนนั้นเองที่ด้านหลังก็เหมือนมีความเคลื่อนไหวเกิดขึ้น

ไม่รู้ว่าพวกเขากำลังวุ่นวายอันใด เหมือนกำลังตามจับคนอยู่แต่อันหลิงเกอก็มิได้สนใจ นางคิดแค่ว่าต้องปกป้องบุตรเอาไว้ให้ได้และพาเขากลับไปหามู่จวินฮานอย่างปลอดภัย !

มิว่ามู่จวินฮานลืมนางเพราะยานั้นไปแล้วหรือไม่ นางต้องกลับไปอยู่ข้างกายเขาให้ได้!

เมื่อนึกถึงตรงนี้แล้วอันหลิงเกอก็รวบรวมเรี่ยวแรง กระชับกระโปรงและแขนเสื้อขึ้นเพื่อให้วิ่งได้เร็วขึ้น

แต่เพราะกำลังตั้งครรภ์ ร่างกายของนางจึงหนักกว่าปกติ ทุกย่างก้าวทำให้อันหลิงเกอรู้สึกอ่อนล้ามาก

มิรู้ว่าเหตุใดตอนนี้นางถึงรู้สึกว่าภาพตรงหน้ากำลังเลือนรางจนขาก้าวมิออก

ในระหว่างที่กำลังหน้ามืดนั้น อันหลิงเกอก็เห็นใครบางคนเดินเข้ามาหา นางอยากขัดขืนแต่ถูกคนผู้นั้นดึงเอาไว้แล้วอุ้มขึ้นมา

“อันหลิงเกอ ข้าหาเจ้าพบแล้ว” ก่อนที่จะหมดสติไป อันหลิงเกอได้ยินเสียงหนึ่งที่คุ้นเคยดังขึ้นแต่นางยังมิทันได้ตอบรับ

มู่จวินฮาน เป็นท่านหรือไม่ ?

เมื่อนางลืมตาขึ้นมาอีกครา รอบกายไร้ผู้คนแต่บรรยากาศช่างดูคุ้นเคยเป็นอย่างมากทั้งที่นางจำได้ดีว่าไม่เคยมาที่นี่เลย

ที่นี่เหมือนมีบางอย่างที่นางรู้สึกคุ้นเคย ก่อนหน้านี้…

“กู่เหนียง ท่านตื่นแล้วหรือ ? ”

คนแปลกหน้าทำให้อันหลิงเกอหวาดระแวงขึ้นมาทันที

“เจ้าคือ…”

“คุณหนูให้ข้ามาคอยดูแลท่านเจ้าค่ะ” สาวใช้คนนี้ยิ้มอย่างสดใสดูจริงใจยิ่งนัก

“มิทราบว่าคุณหนูของเจ้าคือ…”

“ข้าเอง ! ”

น้ำเสียงที่คุ้นเคยทำให้อันหลิงเกอจิตใจสงบ

หนานกงหลิงเยว่ !

คาดมิถึงว่าตนจักถูกหนานกงหลิงเยว่ช่วยเอาไว้ พอลองคิดแล้วที่นั่นก็ใกล้กับเผ่าปิงชวนจริง ๆ การได้พบหนานกงหลิงเยว่จึงถือว่าเป็นวาสนามิน้อย

“แต่ข้ามิได้พาเจ้ากลับมาหรอก คนที่พาเจ้ามาคือพี่ชาย เพียงแต่ตอนนี้เขาออกไปจัดการบางอย่าง ! ”

หนานกงหลิงเยว่เหมือนกลับไปเป็นเหมือนอดีตที่ดูกระปรี้กระเปร่ายิ่งนัก

เมื่อนึกถึงก่อนหน้านี้ตอนที่หอพิษกู่ย้ายออกไป อันหลิงเกอคิดว่าคงมิได้พบพวกเขาอีกแล้ว คาดมิถึงว่าเพียงไม่นานก็จักได้พบกันอีก ทั้งยังเป็นตอนที่ตนกำลังลำบากด้วย

“จริงสิ บุตรในครรภ์ข้า…”

อันหลิงเกอกังวลมิน้อย ทว่าตั้งแต่ตื่นมาจนถึงตอนนี้นางมิได้รู้สึกป่วยซึ่งถือเป็นเรื่องดี

“บุตรของเจ้ามิเป็นไร เพียงแต่ท่านหมอบอกว่าตอนนี้ชีพจรของเจ้าไม่มั่นคง อาจ…”

อันหลิงเกอพยักหน้ารับรู้ เรื่องนี้นางรู้ดีเพียงแต่มิทราบสาเหตุก็เท่านั้น

ตั้งแต่ตั้งครรภ์มาจนถึงตอนนี้ชีพจรของนางไม่เคยมั่นคงเลย บุตรคนนี้อาจมิสามารถรักษาไว้ได้

“เหตุใดเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ ? ” หนานกงหลิงเยว่มิรู้เรื่องสงครามก่อนหน้านี้เพราะเรื่องพวกนี้พี่ชายเป็นคนดูแล นางจึงมิรู้อันใดมากนัก

“เรื่องมันยาวเหลือเกิน”

อันหลิงเกอรู้ดีว่าไม่เหมาะที่จักกล่าวเรื่องนี้และนางแค่อยากกลับไปหามู่จวินฮานเพื่อดูว่าเขายังสบายดีหรือไม่

“ช่วงนี้มีข่าวของเมืองหลวงหรือไม่ ? ”

นางรู้ว่าข่าวของหอพิษกู่รวดเร็ว หนานกงหลิงเยว่แม้ไม่รู้ว่านางมีอันตรายแต่ก็น่าจะรู้เรื่องในราชสำนักบ้าง

“หลายวันมานี้มู่จวินฮานมิได้เข้าวัง แต่ได้ยินว่าเขากำลังกลับมาทำงานเร็ว ๆ นี้ ที่แท้เพราะเจ้าตกอยู่ในอันตรายนี่เอง”

เมื่อเขาจะกลับเข้าวังแล้วก็แสดงว่าปลอดภัยดี

ขณะเดียวกันก็เป็นการยืนยันว่าตอนนี้เขาลืมอันหลิงเกอไปแล้วจริง ๆ

หากมิใช่ เช่นนั้นมู่จวินฮานต้องมาตามหานางแน่นอน อันหลิงเกอยังมั่นใจอยู่ แต่ในเมื่อตอนนี้เขามิได้ออกตามหานางก็เกรงว่า…

แววตาของอันหลิงเกอเคร่งขรึมทันที

“เอาล่ะ เจ้ามิต้องกังวลเรื่องลูกเกินไป เขาต้องมิเป็นอันใด” หนานกงหลิงเยว่คิดว่าอันหลิงเกอกังวลเรื่องบุตรในครรภ์จึงปลอบนางเช่นนี้

“พี่ชายมาแล้ว พวกเจ้าคุยกันไปก็แล้วกัน” หนานกงหลิงเยว่ยิ้มแล้วเดินออกไป

ในสายตาของหนานกงหลิงเยว่คือแม้อันหลิงเกอชอบมู่จวินฮาน ทว่าพี่ชายก็ชอบนางมิแพ้มู่จวินฮาน

“อันหลิงเกอ”

“ขอบใจมาก”

อันหลิงเกอยังเกรงใจเขาเหมือนเดิม ฟางหลิงซู่ฟังออกและอดรู้สึกเสียใจมิได้

“เจ้ามิต้องเกรงใจข้าถึงเพียงนี้หรอก ต้องให้ข้าบอกเจ้ากี่ครั้ง ? ”

ฟางหลิงซู่ขมวดคิ้ว มิพอใจต่อท่าทางของอันหลิงเกอมาก

อันหลิงเกอก็รู้สึกอึดอัดมิน้อยจึงทำได้เพียงเงียบเสียง

“เจ้าจะกลับไปหรือไม่ ? ” ผ่านไปครู่ใหญ่กว่าที่ฟางหลิงซู่จักเอ่ยออกมา

“อืม” อันหลิงเกอพยักหน้า

“เอาล่ะ รอเจ้าพักอีกสักสามสี่วัน แล้วข้าจะไปส่ง”

นางมิคิดว่าฟางหลิงซู่จะกล่าวออกมาเช่นนี้ อันหลิงเกอจึงเงยหน้าขึ้นและมีทีท่าประหลาดใจ

“ขอบคุณ” อันหลิงเกอเอ่ยขอบคุณแล้วก็รีบแก้ตัว “ขอโทษที ข้า…”

ฟางหลิงซู่หัวเราะแล้วส่ายหน้า “ช่างเถิด เจ้ามิต้องทำเช่นนี้หรอก ข้าแค่มิอยากให้เจ้ามาโทษข้าก็เท่านั้น”

ความจริงฟางหลิงซู่รู้ดีว่าอันหลิงเกอไม่มีทางหวั่นไหวและรู้สึกอันใดต่อเขาแน่นอน

“อันหลิงเกอ เด็กคนนี้…”

ฟางหลิงซู่ก็พอมีความรู้วิชาแพทย์อยู่บ้าง วันนั้นตอนที่ช่วยนางไว้เขาดูออกว่าเด็กในครรภ์ของนางคงรักษาไว้มิได้

“เด็กคนนี้ ข้าต้องรักษาไว้ให้ได้” อันหลิงเกอขบกรามแน่น ท่าทางหนักแน่นทำให้ฟางหลิงซู่มิกล้าปริปาก

“กลุ่มคนที่จับตัวเจ้าไปเป็นชนเผ่าที่เคยเอาชนะมู่จวินฮานอย่างนั้นหรือ ? ”

แข็งแกร่งเพียงนั้นเชียวหรือ? ฟางหลิงซู่มิอยากเชื่อเลย

“อืม” อันหลิงเกอพยักหน้า แววตาของนางพยายามหลบเลี่ยงขณะที่คุยกับเขา

ตอนนี้นางรู้แล้วว่าคนที่นี่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับหอพิษกู่นั้นแล้ว

เผ่าพิษหนอนกู่ เผ่าหมอเทวดาและหอพิษกู่…คงชื่อใกล้เคียงกันเท่านั้น

“มิเป็นไร เรื่องพวกนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า”

ฟางหลิงซู่วางมือไว้บนศีรษะของนางคล้ายกำลังปลอบโยน

“ฟางหลิงซู่…”

“มิต้องขอบคุณข้า”

ฟางหลิงซู่ยิ้มอย่างอ่อนใจ ตอนนี้คำที่อันหลิงเกอกล่าวกับเขาบ่อยสุดก็คือคำว่าขอบคุณ

“ข้าแค่อยากบอกว่าการได้รู้จักเจ้าช่างดีเสียจริง”

อันหลิงเกอเอียงคอพลางยิ้มออกมา การได้รู้จักเขาช่างเป็นเรื่องโชคดี

หากมิได้พบฟางหลิงซู่ นางคงตายไปมิรู้กี่หน

“เฮ้อ แต่งงานกับข้าก็คงดีกว่านี้”

กล่าวจบ ฟางหลิงซู่ก็ถอนหายใจออกมาพลางลอบสำรวจสีหน้าของอันหลิงเกอ

อันหลิงเกอทำได้เพียงส่ายหน้าอย่างจนใจ หากพบเขาเร็วกว่านี้ นางอาจเลือกเขาก็ได้

“เจ้าพักผ่อนให้มากเถิด หากดีขึ้นแล้วข้าจักไปส่งเจ้าเอง”

เมื่อวานนี้เขาให้คนส่งจดหมายไปที่จวนอ๋องมู่แต่ไม่มีจดหมายตอบกลับ เขาไตร่ตรองแล้วว่าหากมิใช่เพราะมู่จวินฮานไม่ได้รับจดหมายก็คงเพราะมิสนใจว่าอันหลิงเกอจักเป็นหรือตาย

หรือภายในจวนอาจมีผู้ไม่ประสงค์ดีต่ออันหลิงเกออยู่

เดิมทีเขาคิดว่าการได้พบนางอีกครั้งคงเพราะมีวาสนาต่อกัน แต่คาดมิถึงว่าต้องพาอันหลิงเกอที่ตั้งครรภ์กลับไปส่งให้มู่จวินฮานด้วยตนเอง

ผ่านไปสามวัน ร่างกายของอันหลิงเกอดีขึ้นมาก ทว่ายังมิทันได้ออกเดินทาง นางก็รู้สึกมีบางอย่างผิดปกติโดยกะทันหัน