ตอนที่ 624 สตรีผู้ช่วยเหลือมู่จวินฮาน
“กู่เหนียง คือว่าเปิ่นหวาง…”
“แท้จริงคนที่ข้าช่วยไว้เป็นท่านอ๋อง ช่างดีเหลือเกิน”
ได้ยินคำพูดเช่นนี้แล้วมู่จวินฮานก็อดตกตะลึงมิได้ นาง…
นางเหมือนซ้อนทับเงาของใครบางคนที่อยู่ในใจของเขา
เมื่อเดินเข้าไปใกล้ก็ได้กลิ่นสมุนไพรจากกายของนาง ยิ่งทำให้ความรู้สึกคุ้นเคยบางอย่างผุดขึ้นมา
“วันนั้น เกิดอันใดขึ้นแน่…”
มู่จวินฮานจดจำสิ่งใดมิได้เลย ผ่านไปครู่หนึ่งแม่นางผู้นั้นจึงเอ่ยออกมา
พวกนางเป็นคนบังคับรถม้าที่มาส่งมู่จวินฮาน แต่ระหว่างทางโดนลอบโจมตี นางจึงช่วยเขาเอาไว้
ได้ยินดังนั้นแล้วมู่จวินฮานก็รู้สึกผิดต่อนางมากขึ้นอีก เพราะช่วยเขาไว้นางจึง…
“มิทราบว่ากู่เหนียงชื่อ…”
“เฝิงเยว่เอ๋อ”
มู่จวินฮานรู้สึกมิคุ้นกับชื่อนี้เลย ทว่ารู้สึกสั่นไหวไปกับความคุ้นเคยบางอย่างจากตัวของนาง
“เจ้าพักรักษาตัวที่จวนนี้เถิด” ตอนนี้มู่จวินฮานมีอีกหลายเรื่องที่ยังคาใจ เขาจึงต้องไปตรวจสอบ
“เจ้าคอยดูแลเฝิงกู่เหนียงด้วย”
ปี้จูคาดมิถึงว่าคนที่ท่านอ๋องพากลับมาด้วยมิใช่พระชายาของนาง
แต่นางก็โดนมู่เหล่าหวางเฟยข่มขู่เอาไว้ว่าหากพูดออกไปก็มิอาจรักษาชีวิตของชิงเฟิงเอาไว้ได้
นางรู้ว่าชิงเฟิงอยู่ในมือของมู่เหล่าหวางเฟย
ปี้จูจึงมิสามารถเอาชีวิตของชิงเฟิงมาเสี่ยงได้ ดังนั้นนางจึงทำได้เพียงอยู่เงียบ ๆ
ด้านหนึ่งคือชิงเฟิงชายที่ตนพึงใจ ส่วนอีกด้านหนึ่งคือพระชายาที่มีบุญคุณ นางจึงทำได้เพียงรอวันที่อันหลิงเกอหวนคืนมาเท่านั้น
“เจ้าค่ะ”
จากนั้นปี้จูก็เดินเข้ามา สตรีผู้นี้มิได้ทำอันใดผิดและสภาพตอนนี้ก็ดูน่าสงสารมิน้อย
มิรู้ว่าเหตุใดความรู้สึกของนางจึงคุ้นเคยกับสตรีตรงหน้า ช่างเหมือนอันหลิงเกอยิ่งนัก
“ทำไมหรือ ? ” พอได้ยินเสียงถอนหายใจของปี้จูแล้ว เฝิงเยว่เอ๋อจึงเอ่ยถามขึ้นมา
“ไม่มีอันใดเจ้าค่ะ ข้าน้อยเพียงคิดถึงอดีตพระชายาเท่านั้น”
เฝิงเยว่เอ๋อมิได้ถามอันใดต่อเพราะรู้ดีว่าการที่ภายในจวนมีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว สาวใช้คนหนึ่งอาจตั้งรับมิทัน
การที่นางอยู่ในจวนอ๋องก็ดูเหมือนมู่จวินฮานตั้งใจให้นางได้อยู่อย่างสงบสุข ไม่มีผู้ใดมารบกวนและไม่มีใครมาหาเรื่องนางด้วย
เมื่อคิดให้ดีแล้วผู้ใดอยากหาเรื่องคนตาบอดกันเล่า เฝิงเยว่เอ๋อจึงยิ้มอย่างขมขื่น
“ท่านอ๋อง”
“เป็นอย่างไรบ้าง ? ”
หลายวันมานี้มู่จวินฮานมาเยี่ยมนางทุกวัน แม้บอกว่ามาเยี่ยมแต่ดูเหมือนมายืนยันความรู้สึกบางอย่างจากนางเสียมากกว่า
ความรู้สึกที่เขามีต่ออันหลิงเกอ
“ดีขึ้นแล้วเจ้าค่ะ”
สำหรับผู้ที่เกิดมายากจนเยี่ยงเฝิงเยว่เอ๋อแล้ว การได้พบมู่จวินฮานก็เหมือนการที่ได้พบแสงสว่าง
“เช่นนั้นก็ดีแล้ว”
เพียงแต่ทุกวันมู่จวินฮานมิได้มาอยู่กับนางนานนัก คล้ายกลัวที่จะมองดวงตาของนางเพราะรู้สึกผิด
เฝิงเยว่เอ๋อก็มิโทษเขาเช่นกัน
หลังมู่จวินฮานออกไปแล้ว ทัวป๋าถิงฟางก็เข้ามาพอดี
“นี่คงเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยท่านอ๋องเอาไว้สินะ เท่ากับว่าเป็นผู้มีพระคุณของข้าเช่นกัน”
ทันทีที่เห็นทัวป๋าถิงฟางแล้วปี้จูก็รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ประสงค์ดีแน่นอน เพียงแต่เฝิงเยว่เอ๋อผู้นี้จิตใจดีงามจึงทำดีกับทุกคนหมด
“เช่อเฟยเจ้าคะ เมื่อครู่เฝิงกู่เหนียงเพิ่งคุยกับท่านอ๋องจบ ตอนนี้รู้สึกเหนื่อยแล้ว…”
มิรู้ว่าเหตุใดปี้จูจึงรู้สึกอยากปกป้องสตรีคนนี้ บางทีอาจเพราะมีบางอย่างที่คล้ายกับอันหลิงเกอก็ได้
“เป็นแค่สาวใช้กล้ามาสั่งสอนข้าหรือ ? ”
ทัวป๋าถิงฟางมีดวงตาวาวโรจน์ขึ้นมาทันที แต่เฝิงเยว่เอ๋อมิอยากให้ปี้จูโดนลงโทษจึงรีบเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม
“สาวใช้คนนี้มิรู้เรื่องอันใด ขอเช่อเฟยได้โปรดอย่ามีโทสะเลย ทว่าตอนนี้ข้ามองมิเห็น จึงมิอาจดูแลเช่อเฟยได้เจ้าค่ะ” เมื่อได้ยินเฝิงเยว่เอ๋อกล่าวเช่นนี้ ทัวป๋าถิงฟางจึงปล่อยปี้จูไป
ปี้จูรู้จักทัวป๋าถิงฟางดีเพราะในจวนนี้ทัวป๋าถิงฟางชอบหาเรื่องอันหลิงเกอบ่อยที่สุด ดังนั้นนางจึงรู้ดีว่าการที่อีกฝ่ายมาหาเฝิงเยว่เอ๋อในครั้งนี้ต้องเป็นเพราะอิจฉาจึงลองมาสืบบางอย่าง
แต่เฝิงเยว่เอ๋อก็มิใช่คนโง่เพราะแค่ได้ฟังก็รู้ถึงความไม่เป็นมิตรจากทัวป๋าถิงฟางแล้ว
เพียงได้ยินน้ำเสียงของทัวป๋าถิงฟางแล้ว เฝิงเยว่เอ๋อก็รู้ทันทีว่ากำลังมิพอใจอยู่
น่าเสียดายที่นางเป็นเพียงคนตาบอดจึงมิได้เห็นสีหน้าของทัวป๋าถิงฟาง
ทัวป๋าถิงฟางยังมิรู้ว่าตอนนี้ในใจของเฝิงเยว่เอ๋อคิดเช่นไรจึงตั้งใจมาแสดงอำนาจของตนให้รับรู้เท่านั้น
“ตอนนี้เจ้าเข้ามาในจวนอ๋อง หากมีเรื่องอันใดที่ไม่รู้ก็สามารถบอกข้าได้”
ปี้จูยืนมองอยู่ด้านข้างก็อดดูแคลนมิได้ ตอนนี้พระชายามิอยู่ ดูท่าแล้วนางคงคิดว่าตนเป็นนายหญิงของจวนแล้วจริง ๆ
แต่ปี้จูเชื่อว่าพระชายาต้องกลับมา !
“เจ้าค่ะ”
เฝิงเยว่เอ๋อส่งทัวป๋าถิงฟางกลับไปแล้วก็คาดมิถึงว่ามู่เหล่าหวางเฟยจักมาหาต่อ ดีที่มู่เหล่าหวางเฟยมิได้เป็นศัตรูกับเฝิงเยว่เอ๋อเพราะอย่างไรก็มิใช่อันหลิงเกอ นางจึงมิได้วางอำนาจใส่
อีกฝ่ายยังช่วยชีวิตมู่จวินฮานเอาไว้ มู่เหล่าหวางเฟยจึงเกรงใจมิน้อย
ทว่าเฝิงเยว่เอ๋อยังไม่ชินกับการรับมือเรื่องเช่นนี้จึงทำให้รู้สึกอ่อนเพลียยิ่งนัก
เมื่อเห็นเฝิงเยว่เอ๋อมีท่าทีอ่อนเพลียเช่นนี้ ปี้จูจึงป้อนยาให้แล้วนั่งลงด้านข้างเพื่อรอให้นางหลับ
“ท่านเหมือนพระชายาของข้ายิ่งนัก สักวันหนึ่งพวกท่านอาจได้พบกันก็ได้”
“อืม” ที่จริงแล้วในสายตาของเฝิงเยว่เอ๋อเห็นว่าปี้จูเป็นคนที่จงรักภักดีซึ่งหาได้ยากนัก
“เจ้ารู้จักดูแลเอาใจใส่เช่นนี้ นายเก่าของเจ้าต้องชอบมากแน่ ๆ ” กล่าวจบ เฝิงเยว่เอ๋อก็หัวเราะออกมาเบา ๆ
“ใช่แล้ว เรื่องพวกนี้พระชายาเป็นคนสอนข้าและนางยังเป็นหมอหญิงที่เก่งมากด้วยเจ้าค่ะ”
เฝิงเยว่เอ๋อได้ยินดังนั้นก็ตกตะลึง ดูท่าแล้วผู้หญิงในใจของมู่จวินฮานคงเป็นพระชายาคนนี้กระมัง
“เอาล่ะ กู่เหนียงพักผ่อนเถิดเจ้าค่ะ ปี้จูขอตัวก่อน” เมื่อเห็นว่าเฝิงเยว่เอ๋อใกล้หลับแล้วปี้จูจึงช่วยเก็บชายผ้าห่มให้แล้วเดินออกไป
ขณะเดียวกัน ทางฝั่งของอันหลิงเกอก็กำลังประสบความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสอยู่
คนพวกนั้นต้องการให้นางกำจัดบุตรทิ้งโดยเร็ววันจึงสั่งคนนำยามามอบและให้เวลานางเพียง 1 ก้านธูป
สำหรับอันหลิงเกอแล้ว เด็กคนนี้สำคัญมาก นางมิอยากเอาเด็กออก เพียงแต่ตอนนี้การจะปกป้องบุตรคงมิง่ายเสียแล้ว
“เจ้าออกไปก่อน ขอข้าอยู่กับลูกตามลำพังอีกสักครู่เถิด” คนผู้นั้นมิได้กล่าวอันใดและยอมเดินออกไปแต่โดยดี
อันหลิงเกออยู่ที่นี่มาไม่รู้กี่วันแล้ว ทุกวันนางจะอยู่แต่ในกระโจม บัดนี้อันหลิงเกอมองครรภ์อีกครั้งก่อนตัดสินใจ
นางจะเอาบุตรออกเช่นนี้มิได้ !
หลายวันมานี้อันหลิงเกอทำความเข้าใจเกี่ยวกับกระโจมหลังนี้มิน้อย ด้านหลังอยู่ติดกับป่า หากหลบหนีออกไปทางนี้ก็อาจไม่มีผู้ใดพบเห็นก็ได้
เพียงแต่นางต้องขึ้นเขาสูงและจักผ่านไปได้หรือเปล่าก็มิมั่นใจนัก
บางทีทั้งนางและบุตรอาจมิรอดก็ได้
เมื่อไตร่ตรองดีแล้ว สุดท้ายนางก็ปาดน้ำตาทิ้งและตัดสินใจหนี ! ไม่ว่าเกิดอันใดขึ้นนางก็ต้องลอง
อันหลิงเกออ้อมไปด้านหลังกระโจม ตอนนี้ท้องฟ้ามืดสลัวจึงไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นและนางเดินไปได้มิกี่ก้าวก็ต้องขึ้นเขา
นางต้องรีบหนี !
ทว่าตอนนั้นเอง จู่ ๆ ก็มีเสียงตะโกนอย่างตกใจดังขึ้น
“มีคนอยู่ทางนี้ ! ”
อันหลิงเกอตื่นตระหนกเป็นอย่างมากจึงเพิ่มความเร็วขึ้นอีกและนับว่าโชคดีที่นางสามารถวิ่งขึ้นไปได้เรื่อย ๆ และเกือบข้ามไปเขาอีกลูกหนึ่งได้แล้ว
อีกเพียงนิดเดียวนางก็จักหนีพ้นจากที่แห่งนี้ !