เล่มที่ 15 เล่มที่ 15 ตอนที่ 445 เหตุใดอาบน้ำยาใช้ไม่ได้?

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

ซูจิ่นซีอธิบายแผนการรักษาอย่างคร่าวๆ ขณะเดียวกันก็พยายามพูดถึงกรณีศึกษาในการรักษาโรคผีดูดเลือด โดยใช้คำพูดที่เหมาะสมกับยุคสมัยนี้

อย่างไรเสีย ทฤษฎีการแพทย์เกี่ยวกับโรคพอร์ไฟริน (โรคผีดูดเลือด) ของทางตะวันตก คนในยุคนี้ย่อมรู้สึกไม่คุ้นเคยและไม่สมเหตุสมผลอย่างสิ้นเชิง ต่อให้ซูจิ่นซีอธิบายอย่างชัดเจน พวกเขาก็ไม่อาจเข้าใจได้โดยง่าย

“พระอาการประชวรของกุ้ยเฟย เกิดจากสาเหตุการอุดตันของหลอดเลือดในร่างกาย เนื่องจากเลือดไม่สามารถไหลเวียนได้เป็นระยะเวลานาน ส่งผลให้เลือดลมบกพร่อง และพระวรกายอ่อนแอลงเรื่อยๆ อีกทั้งผิวหนังบอบบางถูกกระตุ้น ทำให้ไม่สามารถมองเห็นแสงสว่างได้ หากต่อมาไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาการทั้งสองจะยิ่งรุนแรงขึ้น พระองค์จะทรงประชวรหนักจนทำให้ไม่อาจมองเห็นแสงได้อีก”

คำอธิบายของซูจิ่นซีเกี่ยวกับโรคประหลาดของกุ้ยเฟย คือโรคผิวหนังชนิดหนึ่ง กอปรกับภาวะการไหลเวียนของโลหิตหยุดชะงัก

แท้จริงแล้ว นางไม่มีหลักฐานใดๆ อ้างอิง ข้อมูลทั้งหมดมีจุดประสงค์เพื่อปิดคำพูดของผู้อื่น และใช้เป็นเหตุผลในการรักษาตามหลักทางการแพทย์ปกติของตนเท่านั้น

กุ้ยเฟยฟังแล้วพอเข้าพระทัยอยู่บ้าง

“เช่นนั้น ตามวิธีการรักษาของคุณชาย โรคนี้ต้องรักษาอย่างไร? ”

ซูจิ่นซีหลับตาลง พลางหยิบถุงเข็มเงินออกมาจากแขนเสื้อ

“ในเมื่อหลอดเลือดอุดตัน ดังนั้นต้องฝังเข็มเพื่อเพิ่มการไหลเวียนของเลือดในหลอดเลือด กระหม่อมจะฝังเข็มรักษาให้กุ้ยเฟยเป็นเวลาสามวัน รอให้หลอดเลือดเริ่มไหลเวียนราบรื่นดีแล้ว ค่อยใช้วิธีอาบน้ำยารักษาโรคผิวหนัง”

“อาบน้ำยา… ”

กุ้ยเฟยตรัสอย่างแผ่วเบาที่มุมปาก มองดูท่าทางเหมือนทรงลังเลอยู่เล็กน้อย

ซูจิ่นซีฉลาดหลักแหลม นางจับสังเกตได้ถึงการเปลี่ยนแปลง “กุ้ยเฟยรู้สึกว่ามีที่ใดไม่สะดวกหรือพ่ะย่ะค่ะ? ”

“ไม่… ไม่มีอันใด… ในเมื่อเป็นเช่นนี้ คุณชาย พวกเรามาเริ่มรักษากันเถิด! ”

ซูจิ่นซีพยักหน้า ก่อนจะกำชับให้นางกำนัลไปจัดเตรียมสมุนไพรเฮียเฮียะที่ห้องเก็บยาในวังหลวง

ขณะที่เข็มเงินสีขาวดุจหิมะฝังอยู่บนพระวรกายของกุ้ยเฟยตามหลักการทางการแพทย์ ซูจิ่นซีได้เพิ่มสมุนไพรเฮียเฮียะไว้ข้างเข็มเงินด้วย

นี่เป็นการฝังเข็มรักษาประเภทหนึ่งซึ่งสืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน เป็นแก่นแท้ทางการรักษาของแพทย์แผนจีน ทั้งยังเป็นทักษะทางการแพทย์ที่ซูจิ่นซีถนัดที่สุด

ได้ยินว่าวันนี้มีคุณชายท่านหนึ่งดึงประกาศของราชสำนักและกำลังรักษาพระอาการประชวรให้กุ้ยเฟย เหล่าหมอหลวงในสำนักหมอหลวงที่เคยรับผิดชอบรักษาพระอาการให้กุ้ยเฟยมาก่อน และบรรดาหมอหลวงที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการรักษา ต่างมารวมตัวกันอยู่ด้านนอกห้องบรรทมของกุ้ยเฟย เนื่องจากพวกเขาต้องการตรวจสอบข้อมูลให้ชัดเจนว่า คุณชายร่างผอมบางผู้นั้นใช้สิ่งใดรักษากุ้ยเฟยกันแน่?

รักษาได้หรือรักษาไม่ได้

เมื่อบรรดาหมอหลวงทราบจากพวกนางกำนัลว่า ซูจิ่นซีใช้เพียงเข็มเงินและเฮียเฮียะห่อหนึ่ง ทั้งยังไม่ได้เตรียมยาอย่างอื่น พวกเขาต่างแสดงท่าทางดูแคลนออกมา

“น่าขัน โรคประหลาดของกุ้ยเฟยไม่มีทางรักษาให้หายโดยใช้เพียงเข็มเงินกับเฮียเฮียะห่อหนึ่งแน่นอน หากวิธีนี้สามารถรักษาโรคประหลาดได้ ข้าคงรักษากุ้ยเฟยให้หายดีนานแล้ว”

“ไร้สาระ ไร้สาระยิ่งนัก กุ้ยเฟยมีสถานะสูงศักดิ์ จะใช้วิธีรักษาแบบง่ายๆ หยาบๆ ได้อย่างไร ช่างไร้สาระอย่างที่สุด”

“ข้าคิดว่าคุณชายผู้นี้เป็นพวกต้มตุ๋นในยุทธภพเสียมากกว่า! พวกข้าต้องผ่านการสอบหลายครั้งกว่าจะได้เข้ามาทำงานที่สำนักหมอหลวง ทั้งยังทำงานในสำนักหมอหลวงมาหลายปี พูดได้ว่ามีความโดดเด่นทางด้านวิชาแพทย์ กระทั่งพวกเรายังรักษาไม่ได้ เด็กหนุ่มในยุทธภพคนหนึ่งจะสามารถรักษาให้หายดีได้อย่างไร? ”

“ใช่ ข้าก็เคยบอกแล้วว่าการติดประกาศของราชสำนัก เพื่อหาวิธีรักษาจากหมอชาวบ้านนั้น ไม่มีประโยชน์อันใด ทว่ามหาอุปราช ฉีอ๋อง และท่านแม่ทัพใหญ่ก็ไม่เชื่อ”

“คำพูดเช่นนี้จะพูดจาเหลวไหลไม่ได้! การตัดสินพระทัยของมหาอุปราช ฉีอ๋อง และท่านแม่ทัพใหญ่ พวกเราจะวิพากษ์วิจารณ์ได้หรือ? ”

……

ซูจิ่นซีใช้วิธีการฝังเข็มเช่นนี้อยู่สามวัน บรรดาหมอหลวงก็รวมตัวอยู่ด้านนอกทั้งสามวัน ทว่าพวกเขามองไม่เห็นสถานการณ์ด้านใน อย่างไรก็ตาม เสียงบทสนทนายังคงดังอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย

จนกระทั่งวันที่สาม ซูจิ่นซีเดินออกจากห้องบรรทมของกุ้ยเฟยด้วยท่าทีสง่างาม ใบหน้าของบรรดาหมอหลวงต่างเผยให้เห็นความยินดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งสีหน้าที่มีความสุขยามได้เห็นผู้อื่นตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก

“หึ ข้าว่าแล้ว จอมหลอกลวงในยุทธภพอย่างไรก็คือจอมหลอกลวงในยุทธภพ ดูท่าทางคงถูกห้ามไม่ให้รักษาแล้วเป็นแน่ หากเขาสามารถรักษาพระอาการประชวรของกุ้ยเฟยให้หายดีได้ พวกข้าคงเป็นหมอเทวดาไปแล้วกระมัง? ”

“ใช่! น่าเสียดายที่ไม่มีผู้ใดเชื่อข้า กลับปล่อยให้จอมหลอกลวงมาวุ่นวายถึงที่นี่”

“หึ จะรีบอันใด? คอยดูเถิด! เขาคงยืนหยัดได้ไม่นาน รอจนถึงเวลาที่ความจริงถูกเปิดเผย ดูสิว่าท่านแม่ทัพใหญ่จะจัดการเขาอย่างไร”

“ใช่ ข้าจะรอดูละครฉากใหญ่! ”

“ใช่ ใช่! ”

ซูจิ่นซีเดินออกจากห้องบรรทมของกุ้ยเฟย สีหน้ายังคงเคร่งขรึม นางนิ่งเงียบไม่แสดงออกสิ่งใด ทำเพียงเดินกลับไปที่ห้องปีกข้าง

อู๋จุนนั่งไขว้ขาอย่างสบายอารมณ์ เขาเอนตัวกินองุ่นอยู่บนตั่งผ้าไหม เมื่อเห็นซูจิ่นซีเดินมาก็รีบลุกขึ้นทันที

“แม่นางพิษน้อย เป็นอย่างไรบ้าง? สีหน้าเจ้าไม่สู้ดีนัก มีปัญหาอันใดใช่หรือไม่? ”

ซูจิ่นซีนั่งลงข้างโต๊ะด้วยท่าทีเศร้าโศก นางรินน้ำให้ตนเองจอกหนึ่ง พลางส่ายศีรษะอย่างครุ่นคิด “พูดยาก เรื่องนี้พูดยาก… พูดยาก”

“เรื่องอันใดพูดยาก เจ้าพูดออกมา พี่จุนจะช่วยเจ้าคิด หรือเจ้าค้นพบพระอาการประชวรใหม่ของกุ้ยเฟย? ”

อู๋จุนเด็ดองุ่นยื่นใส่ปากซูจิ่นซี ซูจิ่นซีมองแล้วยื่นมือออกไปรับมาทาน

ครู่หนึ่ง ซูจิ่นซีจึงกล่าวอย่างเคร่งขรึม “อู๋จุน ไม่แน่ว่าครั้งนี้ เจ้ากับข้าคงพบเจอเรื่องยุ่งยากครั้งใหญ่เข้าเสียแล้ว”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ อู๋จุนอดมีท่าทีเคร่งเครียดไม่ได้

“แม่นางพิษน้อย คงไม่ร้ายแรงถึงเพียงนั้นกระมัง? กุ้ยเฟยประชวรด้วยโรคอันใดกันแน่? เจ้ายังไม่ได้บอกพี่จุนเลย! จนถึงตอนนี้ พี่จุนยังไม่เข้าใจนัก”

เรื่องนี้ นางจะพูดกับอู๋จุนอย่างไร?

ซูจิ่นซีคร้านอธิบายซ้ำในเรื่องที่นางเคยทูลกุ้ยเฟยก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นางไม่อยากพูดถึงโรคพอร์ไฟริน

สีหน้าของนางบึ้งตึงเล็กน้อย “ข้าขอไปพักสักหน่อย วิธีรักษาโดยการอาบน้ำยาคงใช้ไม่ได้แล้ว ดังนั้นข้าต้องคิดหาหนทางอื่น”

ไม่สามารถใช้วิธีการอาบน้ำยาได้หรือ?

การอาบน้ำยาเป็นวิธีรักษาที่ใช้กันโดยทั่วไป ไม่ว่าจะป่วยด้วยโรคใด ล้วนสามารถใช้วิธีนี้ได้ทั้งสิ้น มีเพียงส่วนน้อยที่ไม่สามารถใช้วิธีการอาบน้ำยาได้

การรักษาโรคประหลาดให้กุ้ยเฟย นางพบอุปสรรคอันใดกันแน่?

ซูจิ่นซีนอนลืมตาอยู่บนเตียงตลอดทั้งคืนโดยไม่ได้หลับ

เช้าวันรุ่งขึ้น ซูจิ่นซียังคงไปที่ห้องบรรทมของกุ้ยเฟยตามปกติ

ทว่าขณะที่เดินอยู่ไม่ไกลจากประตูทางเข้าห้องบรรทมของกุ้ยเฟย ซูจิ่นซีพลันหยุดฝีเท้าลง นางจ้องมองด้านหน้าด้วยความประหลาดใจ

โดยปกติจะมีหมอหลวงจำนวนไม่น้อยที่มาดูนางรักษาโรคให้กุ้ยเฟย ทว่าวันนี้จำนวนหมอหลวงมีมากกว่าทุกวันหลายเท่า ทั้งบางคนยังดูโดดเด่น สถานะคงสูงศักดิ์ไม่ธรรมดา

นี่… มันเกิดอันใดขึ้น

ซูจิ่นซีลังเลอยู่เล็กน้อย นางเดินหน้าต่อ ทว่าเดินไปได้เพียงสองก้าว อู๋จุนก็กระโดดลงมาจากหลังคาและยืนขวางซูจิ่นซีไว้

“แม่นางพิษน้อย เจ้าไม่ต้องไปแล้ว รีบหนีไปกับพี่จุนเถิด”

“นี่มันเรื่องอันใดกัน? ” ซูจิ่นซีถามเสียงต่ำ

“หลังจากที่เจ้ากลับมาเมื่อวาน ข้ายิ่งรู้สึกว่าเรื่องนี้มีความผิดปกติ วันนี้จึงตื่นแต่เช้าและแอบเข้าไปในห้องบรรทมของกุ้ยเฟยเพื่อช่วยเจ้าตรวจสอบก่อน กลับนึกไม่ถึงว่า กุ้ยเฟยอะไรนั่นช่างบัดซบที่สุด ข้าสงสารแต่เจ้ามู่หรงฉี หวังว่าเขาจะรอดจากอันตรายครั้งนี้ได้อย่างราบรื่น”

ซูจิ่นซีกำลังสับสน

“รีบไปกับพี่จุน พี่จุนจะพาเจ้าไปจากที่นี่”

“เจ้าพูดว่ามู่หรงฉี? เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเขาอย่างไร? ”

“เรื่องนี้ ให้อธิบายตอนนี้คงไม่ชัดเจนนัก หลังจากออกไปแล้วข้าจะบอกเจ้า รีบไปกันเถิด! ”

อู๋จุนดึงตัวซูจิ่นซีเพื่อพานางหนีไป ทว่าซูจิ่นซีกลับไม่ขยับตัวแม้แต่ครึ่งก้าว

นางส่ายศีรษะและพูดว่า “ไม่ได้ ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาหนี เรื่องนี้ต้องไม่ธรรมดาแน่นอน ข้าไม่สามารถยืนดูเฉยๆ ได้ ห้องบรรทมของกุ้ยเฟยเกิดอันใดขึ้น เจ้าพาข้าไปดูที”