บทที่ 439 ทัศนคติเพื่อความรู้แจ้ง

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

บทที่ 439 ทัศนคติเพื่อความรู้แจ้ง
ลูเซียนมีเหตุผลให้ต้องระมัดระวังตัวอย่างยิ่งเกี่ยวกับทฤษฎีทวิภาคของคลื่น – อนุภาค นอกเหนือจากเรื่องที่เขายังคงสำรวจโลกฌานสมาธิของตนอยู่ เหตุผลสำคัญที่สุดก็คือเรื่องนี้เป็นแนวคิดที่หักล้างสีเดิมและปฏิวัติทฤษฎีใหม่ซึ่งอาจทำให้หวงของจอมเวทชั้นกลางร้อยละเก้าสิบเก้าในสภาเวทมนตร์ระเบิดออกได้ หากเขายัดเยียดความคิดเรื่องนี้ใส่ และหากไม่มีการสนับสนุนจากสภา ลูเซียนก็มั่นใจว่าเขาจะทำเรื่องนี้ด้วยได้ด้วยตัวเองเช่นกัน

นอกจากนี้ ในการพิสูจน์ทฤษฎีทวิภาคของคลื่น – อนุภาคจะต้องใช้การทดลอง การค้นพบใหม่ และทฤษฎีใหม่จำนวนมาก มิฉะนั้นจะกลายเป็นการโจมตีที่หนักหน่วงอย่างแน่นอน การทดลองบางอย่างก็ไม่สามารถทำได้ภายใต้ระดับการวิจัยในปัจจุบัน ยกตัวอย่างเช่น การทดลองการพิสูจน์ควอนตัมของแสง บางทีอาจจะหลังจากนี้หนึ่งหรือสองปี อาจมีคนทำเรื่องนี้สำเร็จ แต่ถ้าลูเซียนนำเสนอในตอนนี้ ก็จะไม่มีใครเชื่อในทฤษฎีนี้ สูตรมวล – พลังงานที่ลูเซียนต้องการใช้มีพื้นฐานจากทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ ซึ่งก็ยังถูกโจมตีและทำลายชื่อเสียงอยู่หลายต่อหลายปี หลังจากถูกนำเสนอขึ้นมา

ดังนั้น ก่อนอื่นลูเซียนจึงวางแผนค่อยๆ นำเสนอทฤษฎีและผลการค้นพบที่จำเป็นต้องมีก่อน และเมื่อทฤษฎีและผลการค้นพบดังกล่าวได้รับการยอมรับในวงกว้างแล้ว เขาจึงค่อยโยนการทดลองและผลการค้นพบที่ต้องตกตะลึงยิ่งขึ้นใส่พวกเขา ท้ายที่สุด เขาก็จะเข้าร่วมสงครามวิวาทะระหว่างคลื่นและอนุภาค

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้หลายๆ อย่างไม่เหมือนกับแผน เนื่องจากลูเซียนพบว่าทั้งสองฝ่ายขัดแย้งกันโดยสิ้นเชิง เพื่อให้มั่นใจว่าโลกแห่งปัญญาของนักเวทส่วนใหญ่จะไม่ล่มสลายเมื่อสงครามสิ้นสุดลง ทางออกที่ดีที่สุดของลูเซียนก็คือการนำเสนอผลการทดลองและมุมมองที่เกี่ยวข้องให้กับจอมเวททีละเล็กทีละน้อย โดยเริ่มจากตอนนี้เลย เพื่อสั่นคลอนความเชื่อของพวกเขาทีละขั้น เมื่อเหล่าจอมเวทสามารถทำการทดลองที่สำคัญได้ ผลกระทบที่พวกเขาจะได้รับก็อาจจะรุนแรงน้อยลง แต่คงต้องยอมรับว่าคงมีจอมเวทบางคนที่หัวจะระเบิด แต่คงอยู่ในจำนวนที่ควบคุมได้ ฉะนั้น สรรพกำลังโดยรวมของสภาจะไม่ได้รับความเสียหายมากนักภายในระยะเวลาสั้นๆ

“ดังนั้น… ก่อนจะปล่อยงานวิจัยออกมา บทความของข้าคงถูกมองข้าม ตั้งคำถาม และโจมตีอย่างหนัก” ลูเซียนพูดพึมพำ “…แต่ก็เหมือนที่เลฟสกีว่าไว้ ความพยายามย่อมมีค่า… ข้าต้องยอมขาดทุนล่วงหน้าเพื่อผลประโยชน์ที่จะได้ในภายหลัง…”

การพิจารณาอย่างรอบคอบของลูเซียนไม่เพียงเพื่อสภาเวทมนตร์ เท่านั้น แต่ยังเพื่อตัวเขาเองด้วย หากผลการวิจัยของลูเซียนทำให้หัวของนักเวทชั้นกลางและชั้นสูงส่วนใหญ่ระเบิดหมด ศาสนจักรคงยกทองให้เขาเป็นตันๆ เพื่อตอบแทนที่เขาช่วยทำลายสภาเวทมนตร์ ก่อนจะจับเขาเผาเป็นจุณบนตะแลงแกง

เขายังหวังว่าจะได้เห็นสภาเวทมนตร์อยู่รอดและเจริญรุ่งเรือง แม้ว่าเขาจะเสียอะไรบางอย่างก็ตาม

“มีอะไรคะอาจารย์? ไฮดี้ถามด้วยความสงสัย นางคิดว่าอาจารย์ของนางเพียงแค่แสดงความเห็นต่อบทความของแอนนิค

ลูเซียนส่ายศีรษะและตอบนาง “ไม่มีอะไร”

แล้วเขาก็หันไปทางแอนนิค “เจ้าเริ่มต้นได้ดีมากๆ แอนนิคที่ทำให้อาร์คานารับบทความของเจ้าได้ฐานะนักเวทชั้นต้น แต่อย่าปล่อยให้ความสำเร็จเล็กๆ น้อยๆ มาบังตาเจ้า จำไว้ว่า ความโอหังและความขี้เกียจเป็นศัตรูคู่แค้นกับความสำเร็จ อย่าปล่อยให้มาตรฐานตก!”

“ขอรับ ท่าน” แอนนิคตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง

ลูเซียนยิ้ม “เจ้าเรียกเขาว่าอาจารย์ก็ได้”

“…?” แอนนิคไม่เข้าใจ

เลย์เรียใช้ศอกกระตุ้นเขาเบาๆ ขณะที่ไฮดี้ก็บอกกับเขาตรงๆ “เจ้าโง่ ท่านอีวานส์ รับเจ้าเป็นลูกศิษย์จริงๆ แล้ว!”

ทันใดนั้น แอนนิคก็กลายเป็นที่อิจฉาของนักเวทฝึกหัดทุกคน!

แอนนิคก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นในทันที ตั้งแต่เขาพบท่านอีวานส์ครั้งแรกในเมือง สจวร์ต เขาก็ยกให้อีวานส์เป็นอาจารย์ของเขามาตลอดแล้วก็ปฏิบัติต่ออีวานส์ด้วยความเคารพจากหัวใจ อย่างไรก็ตาม เมื่อได้เห็นว่าอีวานส์ได้รับรางวัลสำคัญๆ มากมายและกลายเป็นนักเวทที่พุ่งแรงที่สุดในสภาเวทมนตร์ แอนนิคก็เริ่มสงสัยตัวเองว่ามีคุณสมบัติเพียงพอจะเป็นลูกศิษย์ของท่านอีวานส์หรือไม่

“ความ… ความกดดันหนักเลย!” หน้าของแอนนิคแดงระเรื่อ เขากำลังจะแสดงความเคารพลูเซียนโดยใช้ท่าทางอย่างเป็นทางการและเป็นพิธีรีตองที่สุดของสภาเวทมนตร์

ลูเซียนยิ้มและยกมือขึ้นห้าม “เอาไว้ก่อน ข้าไม่ค่อยชอบวิธีการ… ตราบใดที่เจ้านับถือข้าเป็นอาจารย์ก็พอ”

แล้วลูเซียนก็หันไปหานักเวทฝึกหัดที่เหลือ “พวกเจ้าทุกคนล้วนทำงานในสถาบันอะตอมมาสักพักหนึ่ง และข้าก็ค่อนข้างประทับใจ พวกเจ้าต่างมีความมั่นใจแต่ไม่ยโสโอหัง มีอุตสาหะและเต็มไปด้วยจินตนาการ และคนที่มีคุณสมบัติพอที่ข้าจะมองหามาเป็นลูกศิษย์ในอุดมคติ เมื่อพวกเจ้ากลายเป็นนักเวทตัวจริงแล้ว เจ้าทุกคนจะได้เป็นลูกศิษย์ของข้า เหมือนกับแอนนิค”

“จริงหรือคะ?” ไฮดี้โพล่งออกมาด้วยท่าทางตื่นเต้นมาก

ลูเซียนยิ้มและพยักหน้า

“สุดยอด!” แคทรินาดีใจ แคทรินาคิดว่านางคงไม่มีวันได้เป็นลูกศิษย์ของลูเซียนจริงๆ เนื่องจากนางและสปรินต์ไม่ได้สร้างความประทับใจที่ดีนักเมื่อพบกับท่านอีวานส์ครั้งแรก แม้ว่าท่านอีวานส์จะพยายามอย่างเต็มความสามารถในการสอนทั้งสองคนและดึงมาทำงานในสถาบันอะตอม ตอนนี้ นางไม่อาจเก็บงำความรู้สึกประหลาดใจ ความตื่นเต้น ความรู้สึกขอบคุณ และความเสียใจที่ผสมผสานกัน

ขณะเดียวกัน สปรินต์ก็ขบริมฝีปากแน่นจนกลายเป็นเส้นเดียวกัน และซ่อนมือที่กำลังสั่นเทาเอาไว้ด้านหลัง

ในสภาเวทมนตร์ซึ่งมีธรรมเนียมบางอย่างสืบทอดมาจากจักรวรรดิเวทมนตร์โบราณ ความสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์และลูกศิษย์นับเป็นเรื่องที่จริงจังอย่างยิ่ง

ลูเซียนผละเจ้าเต่านักเวทฝึกหัดที่ยังตื่นเต้นอยู่ และหันมาหาแอนนิคอีกครั้ง “ข้าเตรียมแบบฝึกหัด แบบทดสอบ และตำราที่ครอบคลุมสำนักเวทมนตร์ทั้งสิบสำนักไว้ให้แล้ว อยู่บนโต๊ะในห้องทำงานข้า เจ้าเข้าไปเอาเองแล้วกัน”

สีหน้าของแอนนิคก็หมองลงในทันใด ฝันร้ายอันหลอกหลอนกลับมาถึงอีกครั้ง แม้ว่าแอนนิคจะเป็นชายหนุ่มที่ขยันและทำงานหนักมาก เขาก็ยังคงกลัวกับแบบฝึกหัดเป็นตั้งๆ อยู่ดี

ไฮดี้หัวเราะออกมาเสียงดังขณะเอามือเท้าเอว ท่าทางนางมีความสุขที่ได้เห็นแอนนิคซึ่งกลายเป็นนักเวทและลูกศิษย์อย่างเป็นทางการคนแรกของลูเซียน ก็จะกลายเป็นคนแรกที่ต้องเผชิญกับฝันร้ายถึงแบบฝึกหัดและข้อสอบ

แม้ว่านางก็อาจเผชิญชะตากรรมเดียวกันในอนาคต นางก็ยังไม่กังวลเรื่องนั้นในตอนนี้ ทั้งนี้ทั้งนั้น ยังมีเวลาเหลืออีกเยอะ

เมื่อนักเวทฝึกหัดทั้งหมดออกไป ลูเซียนก็เข้าไปในห้องทำงานของเขาและดึงม้วนกระดาษหนังซึ่งทำขึ้นพิเศษเพื่อบันทึกบทความอาร์คานาออกมา หลังจากนั่งอยู่เงียบๆ ตรงม้วนหน้ากระดาษหนังสักพักใหญ่ เขาก็เริ่มหยิบปากกาขนนกขึ้นมาเขียน

“ทัศนคติเพื่อความรู้แจ้งว่าด้วยแสง”

เริ่มจากการแผ่รังสีของวัตถุดำไปจนถึงทฤษฎีจลน์ของแก๊สแบบคลาสสิค ลูเซียนกล่าวสรุปสมมติฐานว่า “การดูดซับและการปล่อยพลังงานเกิดขึ้นในรูปแบบเป็นส่วนๆ” ไปจนถึง “คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าก็มีลักษณะเป็นส่วนๆ” ดังนั้น เนื่องจากแสงก็เป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าชนิดหนึ่ง แสงก็น่าจะถ่ายทอดพลังงานเป็นส่วนๆ เช่นกัน ส่วนของแสงเรียกว่าควอนตัมของแสง และพลังงานจะพิจารณาจากความถี่ ซึ่งมีปฏิกิริยากับสสารทุกชนิด

แล้วลูเซียนก็นำเสนอสมมติฐานเรื่องควอนตัมของแสงไปจนถึงปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริก และอธิบายปรากฏการณ์ด้วยข้อมูลที่ครบถ้วน เขายังระบุคำพยากรณ์ไว้มากมายบนพื้นฐานของทฤษฎีนี้ ซึ่งรวมถึงความถี่คงที่ของแสง การปล่อยพลังงานของอิเล็กตรอนก็มีความถี่คงที่

“…ตามความรวดเร็วฉับพลันของเวลา แสงมีคุณสมบัติที่โดดเด่นของควอนตัม อย่างไรก็ตาม ด้วยเวลาเฉลี่ยแล้ว แสงจะแสดงคุณสมบัติของคลื่น ดังนั้น เราน่าจะเปิดใจเผชิญกับการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องคลื่น-ควอนตัม”

หลังจากพิจารณาอย่างรอบคอบ ลูเซียนก็ยังคงใช้คำที่กำกวมแต่มีความหมาย แม้ว่าจอมเวททุกคนที่ได้อ่านบทความนี้จะมองว่าเป็นทฤษฎีอนุภาคฉบับปรับปรุงใหม่ แม้ว่าบทความนี้เริ่มจากแนวคิดเรื่องควอนตัมที่ไม่เป็นที่นิยม

เมื่อเขียนบทความเสร็จ ลูเซียนก็ทำสำเนาอีกสองฉบับ เขาจะส่งฉบับหนึ่งไปยังคณะกรรมการตรวจสอบอาร์คานา ฉบับหนึ่งไปยังอาจารย์ของเขา เฟอร์นันโด และอีกฉบับหนึ่งไปยังอาร์ทิล ลูเซียนต้องการคะแนนอาร์คานาห้าหมื่นคะแนนจากอาร์ทิลเป็นของปลอบใจ

แม้ว่าอาร์ทิลจะไม่ชอบแนวคิดควอนตัมพลังงาน ในฐานะผู้สนับสนุนทฤษฎีอนุภาคอย่างหนักแน่น เขาก็ยังคงสนับสนุนบทความของลูเซียน ซึ่งเชื่อว่าคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าทั้งหมดอยู่ในรูปแบบที่กระจัดกระจาย บางที อาร์ทิลอาจถึงขนาดตั้งชื่อควอนตัมของแสงว่าควอนตัมโฟตอน

หลังจากใส่บทความลงในกล่องเอกสาร ลูเซียนก็เริ่มเขียนจดหมายถึงสหายทีละคนๆ แม้ว่ายังไม่มีการทดลองที่หนักแน่นพอจะสนับสนุนทฤษฎีของเขา และแม้ว่าจุดเด่นของเขาคือทฤษฎีควอนตัมซึ่งอยู่นอกเหนือหัวข้อที่กำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ ลูเซียนก็ยังอยากจะเตือนพวกเขาก่อนเพื่อความปลอดภัย

“…บทความที่ข้ากำลังยื่น จากมุมมองของข้า เป็นบทความเดียวในบรรดาบทความทั้งหมดที่ข้าเคยเขียนที่สามารถพูดถึงความหมายเชิงปฏิวัติของบทความที่นำเสนอสมมติฐานควอนตัมพลังงาน โชคดีที่ยังไม่มีการทดลองที่หนักแน่นสนับสนุน…”

ณ ฝ่ายบริหารจัดการนักเวท

อีริคตรวจสอบเอกสารที่ลูเซียนส่งมาอย่างละเอียด แล้วเขาก็ถอนหายใจยาว เมื่อเขาตรวจสอบจนมั่นใจว่าไม่มีคำว่า ‘หักล้าง’ ปรากฏอยู่ แล้วรอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้าไร้ความรู้สึกของเขา “ทุกครั้งที่เจ้าส่งบทความ ข้าต้องกลัวตลอด…”

“นี่เป็นเพียงทัศนคติที่อาจให้ความรู้กับนักเวทคนอื่นๆ ไม่มีการทดลองสนับสนุน หวังอย่างยิ่งว่าปรากฏการณ์ที่ได้จากสถานนี้จะได้รับการพิสูจน์ในอนาคต” ลูเซียนยิ้มและตอบออกไป

เขากำลังพูดความจริง แต่เป็นความจริงเพียงบางส่วน อย่างไรเสีย ขั้นตอนที่หักล้างทฤษฎีมากที่สุดเกิดขึ้นแล้วโดยสมมติฐานควอนตัมพลังงาน

ด้วยการเขียนคำว่า ‘แสง-ความมืด’ บนเอกสาร อีริคคิดอยู่สักพักหนึ่งก่อนพูดกับลูเซียน “ลูเซียน เจ้าเชี่ยวชาญเรื่องธาตุ ข้าเดาว่าเจ้าใช้ทฤษฎีอนุภาคในบทความว่าด้วยแสง ข้าคิดถูกไหม? ถ้าข้าส่งบทความชิ้นนี้ให้ผู้ใหญ่ในสำนักแสง-ความมืด ความเห็นที่เจ้าได้รับอาจจะดูแย่นะ ถ้าบทความของเจ้ามีเรื่องเกี่ยวกับสาขาอื่น แล้วก็รู้… เราสามารถส่งบทความไปให้คนอื่นวิจารณ์ได้”

สำนักแสง-ความมืดก่อตั้งขึ้นตามรากฐานของสำนักแม่เหล็กไฟฟ้า แล้วก็มีทฤษฎีคลื่นของแสงเป็นทฤษฎีหลักโดยเฉพาะ

“ไม่จำเป็นขอรับ ยิ่งเราถกเถียงกันเท่าไร เราก็ยิ่งพบความจริงเร็วขึ้นเท่านั้น” ลูเซียนพูดติดตลก หากบทความนี้ไม่ได้ส่งให้กับคนที่เขารู้จักดีจากสำนักธาตุ ความเห็นที่ได้รับต่อบทความอาจจะค่อนข้างแย่เสมอ ร้อยละแปดสิบของสมาชิกคณะกรรมการตรวจสอบอาร์คานาสนับสนุนทฤษฎีคลื่นของแสง และในบรรดาที่เหลืออยู่ร้อยละยี่สิบ มีไม่ถึงร้อยละสามที่สนใจในสมมติฐานควอนตัมของพลังงาน ก่อนที่จะมีการหลักฐานการทดลองที่หนักแน่น แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหาคน เช่น อาร์ทิล ที่มีความโหดดื้อและเป็นผู้สนับสนุนอย่างจริงจังของทฤษฎีอนุภาค และเต็มใจจะยอมรับทฤษฎีควอนตัมพลังงานแม้จะฝืนใจก็ตาม

อีริคพยักหน้า แล้วส่งบทความไปยังคณะกรรมการตรวจสอบ

“แสง-ความมืด… ถึงท่านลอเร็น และท่านเตเซรา” ชีวินรสายนเวทพูดโดยไม่ลังเล

ณ ชั้นสามสิบสามของหอคอยเวทมนตร์อัลลิน เมื่อเขาเห็นชื่อบทความของลูเซียน เฟอร์นันโดก็ต้องลูบคิ้วอย่างช่วยไม่ได้

“ทัศนคติเพื่อความรู้แจ้ง …”