บทที่ 1378 การไล่ล่าของวูหยง

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

กระทั่งคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเก้าหอคอยดวงตาสวรรค์ยังพ่ายแพ้ต่ออาณาจักรแห่งความฝัน ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเจ็ดศาลาริมทะเล

 

ทันทีที่มันถูกขังไว้ในอาณาจักรแห่งความฝัน ศาลาริมทะเลก็เริ่มพังทลายลง ผู้อมตะตระกูลอี้สูญเสียการควบคุมวิญญาณจำนวนมาก

 

สถานการณ์นี้ทำให้ผู้อมตะตระกูลอี้ตกใจมาก พวกเขาไม่เคยพบเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน

 

พวกเขาเริ่มใช้วิธีการที่ทรงพลังที่สุดของศาลาริมทะเลโดยไม่ลังเล

 

ท่าไม้ตายอมตะท้องฟ้ามหาสมุทรไร้ขอบเขต!

 

ศาลาริมทะเลปลดปล่อยแสงสีฟ้าออกมาแต่มันยังไม่สามารถทะลุผ่านอาณาจักรแห่งความฝัน

 

อย่างไรก็ตามท่าไม้ตายอมตะนี้ยังประสบความสำเร็จ ในวินาทีต่อมาศาลาริมทะเลก็หายไป

 

มันข้ามห้วงมิตินับหมื่นลี้และออกจากสนามรบได้อย่างฉิวเฉียด

 

ศาลาริมทะเลพังทลายลงและอยู่ในสภาพที่น่าสมเพช

 

ผู้อมตะตระกูลอี้สูดหายใจลึกขณะที่ร่างกายปกคลุมไปด้วยเหงื่อ

 

“พวกเรารอดแล้ว! อันตรายมาก! หากช้ากว่านี้เพียงเล็กน้อย เราจะติดอยู่ในกับดัก!”

 

“อาณาจักรแห่งความฝันน่ากลัวเกินไป กระทั่งคฤหาสน์วิญญาณอมตะก็ไม่สามารถต่อต้าน”

 

“ไม่แปลกใจเลยที่นักพยากรณ์กล่าวว่าเทพอมตะแห่งความฝันเป็นบุคคลที่แข็งแกร่งที่สุด”

 

“บัดซบ! เราไม่สามารถจับกุมนิกายเงา!”

 

ผู้อมตะตระกูลอี้กัดฟันแน่น ตอนนี้มันสายเกินไปแล้ว แม้พวกเขาจะกลับไป แต่สมาชิกนิกายเงาก็ยังสามารถใช้อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดเพื่อหลบหนี

 

พิจารณาถึงความแข็งแกร่ง ตระกูลอี้มีคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเจ็ด แม้อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดจะมีพลังการต่อสู้ระดับแปด แต่มันเป็นเรื่องยากที่จะจัดการคฤหาสน์วิญญาณอมตะได้ในเวลาอันสั้น ตระกูลอี้สามารถโจมตี ป้องกัน หรือล่าถอยได้อย่างอิสระ ในทางกลับกันฝ่ายของฟางหยวนไม่สามารถรวมพลังเหมือนคฤหาสน์วิญญาณอมตะ

 

สิ่งที่ทำให้ตระกูลอี้มั่นใจคือตราบเท่าที่พวกเขาสามารถซื้อเวลา กำลังเสริมจะมาถึงในที่สุด

 

พวกเขาใช้ท่าไม้ตายอมตะสร้างช้างน้ำขึ้นมาเพื่อการต่อสู้ที่ยาวนาน

 

แต่ฟางหยวนโต้กลับด้วยการใช้กายาแห่งความฝันสร้างอาณาจักรแห่งความฝันขึ้นมาและบังคับให้ผู้อมตะตระกูลอี้ต้องหลบหนี

 

พวกเขาไม่เคยคาดหวังว่าฟางหยวนจะเสียสละพันธมิตรของตนเองและกระทำเรื่องที่โหดร้ายถึงเพียงนี้

 

อีกประการก็คือฟางหยวนเปลี่ยนร่างเป็นมังกรดาบบรรพกาลที่มีความเร็วสูงมาก

 

ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงกลายเป็นร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งดาบขณะที่เขาใช้วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติเพิ่มความเร็วของมังกรดาบบรรพกาลขึ้นไปอีก

 

นี่ทำให้ผู้อมตะตะกูลอี้ไม่สามารถตอบสนองได้ทันเวลา

 

สุดท้ายพวกเขาจึงพบกับความพ่ายแพ้และความสูญเสียครั้งใหญ่

 

สิ่งสำคัญที่สุดคือพวกเขาสูญเสียใบหน้า พวกเขาจะเผชิญหน้ากับกำลังเสริมจากกองกำลังอื่นได้อย่างไร

 

ศาลาริมทะเลตกสู่ความเงียบงัน

 

หลังจากไม่นานผู้นำกลุ่มผู้อมตะตระกูลอี้จึงเปิดปากกล่าว “เราต้องซ่อมแซมศาลาริมทะเลอย่างรวดเร็ว แม้เราจะติดอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝันมาก่อนหน้านี แต่วิญญาณอมตะไม่ได้รับความเสียหาย เราสามารถกู้คือคฤหาสน์วิญญาณอมตะได้ในเวลาไม่นาน”

 

“ศัตรูทรงพลังมาก เขาสามารถควบคุมอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด สิ่งที่น่ากลัวกว่าคือเขาไม่ลังเลที่จะเสียสละพันธมิตรของตนเอง นี้เป็นธรรมชาติที่โหดเหี้ยมเกินไป”

 

“เราพยายามอย่างเต็มที่แล้วแต่เราไม่สามารถต่อต้านอาณาจักรแห่งความฝัน ข้าต้องการต่อสู้กับปีศาจเหล่านั้น แต่หากมองในภาพรวม เราไม่มีทางเลือกนอกจากต้องล่าถอยและส่งข้อมูลไปยังกองกำลังอื่นๆ”

 

ผู้นำกลุ่มผู้อมตะตระกูลอี้กล่าวอย่างช้าๆขณะที่คนอื่นๆพยักหน้าเห็นด้วย

 

ข้อเท็จจริงเป็นสิ่งที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลง แต่คำพูดเหล่านี้ยังทำให้พวกเขาเกิดความรู้สึกที่แตกต่างออกไป

 

หลังจากนั้นพวกเขาก็เริ่มติดต่อวูหยงและกองกำลังฝ่ายธรรมะอื่นๆ

 

“กระไรนะ!? พวกเขาแพ้งั้นหรือ?”

 

“ไม่ใช่ว่าพวกเขามีศาลาริมทะเลงั้นหรือ? แล้วพวกเขาจะพ่ายแพ้ได้อย่างไร?”

 

“ฮ่าฮ่า ดูข้อแก้ตัวของพวกเขา ตระกูลอี้ช่างไร้ยางอายนัก”

 

“แต่เรามีข้อมูลแล้ว ตัวอย่างเช่นอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดและท่าไม้ตายเปลี่ยนเป็นมังกรดาบบรรพกาล…”

 

เมื่อท่าไม้ตายเปลี่ยนเป็นมังกรดาบบรรพกาลถูกกล่าวถึง กลุ่มผู้อมตะฝ่ายธรรมะของภาคใต้ต่างมองหน้ากัน

 

พวกเขาคิดถึงบางคนอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยง

 

หลิวกวนซื่อ!

 

“หลิวกวนซื่อเป็นปีศาจอมตะที่บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง เจ้าคิดว่าสมาชิกนิกายเงาผู้นี้คือเขาหรือไม่?”

 

“ไม่ ท่าไม้ตายปลี่ยนเป็นมังกรดาบบรรพกาลเป็นท่าไม้ตายทั่วไป นอกจากนี้ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน ชัดเจนว่าหลิวกวนซื่อเป็นศัตรูกับนิกายเงา”

 

“หลิวกวนซื่อเป็นคนเหนือขณะที่คนผู้นี้ปลดปล่อยกลิ่นอายของผู้อมตะภาคใต้ออกมา แต่พวกเขาอาจมีวิธีการปกปิดกลิ่นอาย ตัวอย่างเช่นตระกูลวูที่มีท่าไม้ตายอมตะที่สามารถเปลี่ยนกลิ่นอายของผู้อมตะ”

 

บางคนมองไปทางวูหยง

 

“ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือไม่ เราก็ต้องตามหาน้องชายของข้า วูอี้ไห่! ผู้ใดต้องการออกไปไล่ล่านิกายเงาพร้อมกับข้า?” วูหยงกล่าวอย่างจริงจัง

 

“ท่านวูหยงยังคงเป็นห่วงน้องชายเสมอ ข้ารู้สึกซาบซึ้งนัก”

 

“เราจะไป!”

 

“ข้ายินดีให้ความร่วมมือกับท่านวูหยง!”

 

ผู้อมตะฝ่ายธรรมะของภาคใต้ตอบรับทีละคน

 

การต่อสู้ของวูหยงในค่ายกลวิญญาณแม่น้ำโลหิตสีม่วงถูกเผยแพร่ออกไปโดยไท่เมี่ยนเฉิน

 

ข้อมูลนี้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว

 

ทุกการเคลื่อนไหวของผู้อมตะระดับแปดจะได้รับความสนใจจากทุกคนเสมอเพราะมันจะส่งผลกระทบที่ยิ่งใหญ่ต่อพวกเขา

 

วูหยงเป็นผู้อมตะระดับแปดและเป็นผู้นำตระกูลวู เขาเปิดเผยคฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังที่สี่ของตระกูลวูออกมา นี่ทำให้ผู้อมตะภาคใต้ตระหนักถึงพลังอำนาจที่แท้จริงของเขา

 

นอกจากนี้ตระกูลวูยังครองตำแหน่งอันดับหนึ่งของภาคใต้มาตลอด ดังนั้นคำเรียกร้องของวูหยงจึงได้รับการตอบสนองจากผู้คนจำนวนมากในทันที

 

‘คนเหล่านี้ช่างเจ้าเล่ห์นัก พวกเขาต้องการซ่อนอยู่ข้างหลังข้าและบังคับให้ตระกูลวูออกหน้า’ วูหยงลอบเย้ยหยัน

 

ในความเป็นจริงวูหยงต้องการแสวงหาผลประโยชน์แต่ตอนนี้เขาทำไม่ได้

 

เขาต้องแสดงตัวเป็นวีรบุรุษของฝ่ายธรรมะ

 

น้องชายของเขาหายตัวไป ในฐานะพี่ชาย เขาต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยน้องชายผู้นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อป้ายวิญญาณและโคมไฟวิญญาณของฟางหยวนที่อยู่ในห้องโถงบรรพชนของตระกูลวูยังไม่แตกสลาย

 

ยิ่งไปกว่านั้นในฐานะผู้นำของฝ่ายธรรมะ เขาต้องควบคุมสถานการณ์ทั้งหมด มิฉะนั้นศักดิ์ศรีของเขาและตระกูลวูจะตกต่ำลง

 

โดยธรรมชาติแล้วเหตุผลที่สำคัญที่สุดก็คือฟาหงยวนยืมวิญญาณอมตะหกดวงไปจากตระกูลวู

 

วิญญาณอมตะหกดวง!

 

นอกจากนั้นยังมีหินวิญญาณอมตะอีกหนึ่งแสนก้อน!

 

วูหยงเป็นคนอนุญาตให้ฟางหยวนยืมวิญญาณอมตะทั้งหมดด้วยตนเอง ตอนนี้เมื่อวูอี้ไห่หายตัวไป ความรับผิดชอบจึงตกอยู่ที่วูหยง

 

หากวูหยงไม่ออกไล่ล่า เขาจะไม่มีคำอธิบายมอบให้กับกองกำลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้ นอกจากนั้นเขายังไม่สามารถอธิบายต่อตระกูลวู

 

ดั้งนั้นบ้านไม่ไผ่สายลมจึงนำผู้อมตะภาคใต้ออกเดินทางไล่ล่าอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด

 

แม้ตระกูลอี้จะสูญเสียเบาะแสของอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด แต่วูหยงยังมีวิธีอื่น

 

เขาส่งข้อความถึงตระกูลวู “ผู้อาวุโสวูฝานำวิญญาณอมตะออกมาจากคลังสมบัติและค้นหาตำแหน่งของวูอี้ไห่!”

 

วูฝาเป็นผู้ช่วยที่เชื่อถือได้ของวูหยง ดังนั้นเขาจึงรีบดำเนินการทันที

 

วูหยงรวบรวมข้อมูลของวังสวรรค์เช่นกัน แม้วังสวรรค์จะไม่โจมตีผู้อมตะภาคใต้ แต่พวกเขาก็ปล้นสะดมทรัพยากรก่อนจากไป

 

ผู้อมตะภาคใต้จะชำระบัญชีแค้นกับภาคกลางในอนาคต

 

อย่างไรก็ตามในปัจจุบันเรื่องที่สำคัญที่สุดสำหรับวูหยงก็คือการช่วยวูอี้ไห่

 

วังสวรรค์ทรงพลังมาก มันเป็นเรื่องยากที่จะทวงคืนวิญญาณอมตะจากพวกเขา มันจะฉลาดกว่าที่พวกเขาจะไล่ล่านิกายเงาที่ไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก นอกจากนี้ป้ายวิญญาณและโคมไฟวิญญาณของวูอี้ไห่ก็ยังไม่ถูกทำลาย มีความเป็นไปได้ที่เขาจะถูกจับตัวไป

 

‘นิกายเงามีวิธีทำลายป้ายวิญญาณและโคมไฟวิญญาณของข้าเพื่อสร้างข่าวลวงเรื่องการเสียชีวิตของข้า หากพวกเขาฆ่าวูอี้ไห่โดยทิ้งป้ายวิญญาณและโคมไฟวิญญาณเอาไว้ เป้าหมายของพวกเขาก็คือการหลอกล่อให้พวกเราไล่ล่าพวกเขา’

 

วูหยงคิดถึงความน่าจะเป็นนี้

 

อย่างไรก็ตามเขายังเลือกที่จะไล่ล่า

 

เพราะครั้งนี้เขาไม่ได้มาเพียงผู้เดียว ยังมีผู้อมตะระดับแปดจื่อชิวหยูและคฤหาสน์วิญญาณอมตะอีกหลายหลัง นี่ทำให้วูหยงมีความมั่นใจแม้พวกเขาจะถูกซุ่มโจมตีโดยกองกำลังนิกายเงาก็ตาม

 

ต่อหน้าความแข็งแกร่งอันเป็นที่สุด แผนการทั้งหมดจะกลายเป็นไร้ประโยชน์

 

ในเวลาเดียวกัน อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดกำลังโบยบินไปอย่างสุดกำลัง

 

บนแผ่นหลังของมัน ฟางหยวนนั่งไขว้ขาปิดเปลือกตาและลอบใช้วิญญาณอมตะอย่างลับๆ

 

วิญญาณอมตะสัมผัสแห่งเต๋า!

 

ไม่นานหลังจากนั้นฟางหยวนก็หยุดใช้งานมัน การแสดงออกของเขากลายเป็นเคร่งขรึม ‘มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งข้อมูลจำนวนมากบนร่างของข้า ข้าอาจถูกโจมตีด้วยวิธีการบนเส้นทางแห่งข้อมูล ความน่าจะเป็นที่พวกมันจะมาจากผู้อมตะภาคใต้มีต่ำมาก มันต้องเป็นเทพธิดาจื่อเว่ยของวังสวรรค์’

 

‘ไม่ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้น ข้าก็ต้องไปยังรอยแยกปล้นเงาอย่างรวดเร็วที่สุดและใช้วิธีบนเส้นทางแห่งข้อมูลเพื่อกำจัดร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งข้อมูลเหล่านี้ทิ้งไป!’