บทที่ 1379 วิธีการของเทพอมตะกลุ่มดาว

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

สวรรค์สีขาว

 

“บึม!”

 

หอคอยดวงตาสวรรค์บินผ่านอากาศไปอย่างรวดเร็ว แต่ไม่ว่ามันจะบินไปที่ใด ฝูงสัตว์อสูรที่อยู่รอบๆก็ยังพุ่งเข้าโจมตีมันอย่างต่อเนื่อง

 

หลังจากการต่อสู้จบลง วังสวรรค์ปล้นชิงค่ายกลวิญญาณของภาคใต้รวมถึงวิญญาณทั้งหมด

 

ตอนนี้หอคอยดวงตาสวรรค์ได้รับการซ่อมแซมและกลับมาอยู่ในสภาพเดิมเรียบร้อยแล้ว

 

ชั้นบนสุดของหอคอยดวงตาสวรรค์มีราชันมังกรและเทพธิดาจื่อเว่ยอยู่ที่นั่น

 

“ดูเหมือนสวรรค์สีขาวของภาคใต้จะไม่ได้รับอิทธิพลจากวังสวรรค์แห่งโชคของภาคเหนือ” เทพธิดาจื่อเว่ยมองไปด้านนอกก่อนจะหันหน้าไปทางราชันมังกร

 

ร่องรอยความกังวลปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนาง

 

ราชันมังกรนั่งไขว้ขาอยู่บนพื้น คิ้วของเขาขมวดแน่น ใบหน้าซีดขาว การแสดงออกของเขาเปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยมเป็นครั้งคราว

 

ร่างกายของเขาแข็งแกร่งราววับเสาหิน แม้เขาจะนั่งลง แต่เขายังปลดปล่อยความรู้สึกเหมือนเสาขนาดใหญ่ที่สามารถแบกรับท้องฟ้า

 

‘เทพปีศาจจิตวิญญาณยังคงเป็นเทพปีศาจจิตวิญญาณ แม้ดวงวิญญาณของเขาจะเหลืออยู่เพียงเล็กน้อย เขาก็ยังสามารถสร้างปัญหาให้กับท่านราชันมังกร ท่านราชันมังกรต้องการนำประตูแห่งชีวิตและความตายกลับไปที่วังสวรรค์ แต่ผู้ใดจะคิดว่าเทพปีศาจจิตวิญญาณจะสามารถใช้ประโยชค์จากมัน’

 

เทพธิดาจื่อเว่ยทั้งกังวลและรู้สึกชื่นชมราชันมังกรในเวลาเดียวกัน

 

การเดินทางครั้งนี้วังสวรรค์สามารถกอบกู้ใบหน้าจากความพ่ายแพ้ที่ภาคเหนือ พวกเขาสามารถอาละวาดและกระทั่งสามารถจับตัวเทพปีศาจจิตวิญญาณ

 

ส่วนใหญ่เป็นผลงานของราชันมังกร

 

หากปราศจากราชันมังกร พวกเขาจะไม่ได้รับผลลัพธ์ที่น่าประทับใจเช่นนี้

 

ขณะที่นางกำลังคิดถึงเรื่องเหล่านี้ ราชันมังกรก็เปิดเปลือกตาขึ้น

 

“ท่านราชันมังกร มีสิ่งใดให้ข้าช่วยหรือไม่?” เทพธิดาจื่อเว่ยเร่งถาม

 

ราชันมังกรส่ายศีรษะ “อย่ากังวล เทพปีศาจจิตวิญญาณพยายามต่อต้านเป็นครั้งสุดท้าย แต่ข้าสามารถควบคุมสถานการณ์ ตราบเท่าที่เรากลับไปถึงวังสวรรค์ เราจะสามารถกำปราบเขาได้อย่างง่ายดาย”

 

“ยอดเยี่ยม ด้วยความเร็วนี้ เราจะใช้เวลาอีกไม่นาน” เทพธิดาจื่อเว่ยถอนหายใจด้วยความโล่งอก

 

อย่างไรก็ตามราชันมังกรกลับกล่าว “แต่เราต้องเตรียมพร้อมสำหรับอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด หากดวงวิญญาณของข้าถูกเทพปีศาจจิตวิญญาณกลืนกิน เขาจะปลอมตัวเป็นข้า ดังนั้นเมื่อเรากลับไปถึงวังสวรรค์ จงกักขังและผนึกข้าเอาไว้ จากนั้นใช้ทุกวิธีของวังสวรรค์เพื่อตรวจสอบความจริง”

 

“หากข้าสามารถกำหราบเทพปีศาจจิตวิญญาณ ข้าจะให้ความร่วมมือโดยธรรมชาติ หากเทพปีศาจจิตวิญญาณกลืนกินข้า เขาจะแสดงตัวออกมาในเวลานั้น หากเขาถูกผนึกเอาไว้ในวังสวรรค์ เขาจะกลายเป็นลูกแกะที่รอการประหาร”

 

ราชันมังกรพิจารณาในทุกแง่มุมโดยไม่เปิดโอกาสให้เทพปีศาจจิตวิญญาณแม้แต่น้อย

 

เทพธิดาจื่อเว่ยเร่งตอบรับ

 

หลังจากชั่วครู่ราชันมังกรจึงเปิดปากถาม “สถานการณ์ของฟางหยวนเป็นอย่างไร?”

 

เทพธิดาจื่อเว่ยตอบ “เมื่อไม่นานมานี้ศาลาริมทะเลของตระกูลอี้เผชิญหน้ากับฟางหยวน น่าเสียดายที่พวกเขาไม่สามารถหยุดฟางหยวน”

 

“ฟางหยวนเจ้าเล่ห์เกินไป เขาเดาว่าศาลาริมทะเลอาจใช้วิธีติดตามตัว ดังนั้นเขาจึงใช้วิญญาณอมตะตรวจสอบตนเองและค้นพบบางสิ่ง”

 

“แต่…” เทพธิดาจื่อเว่ยเผยรอยยิ้มมั่นใจ “แม้เขาจะรู้ แล้วอย่างไร? ท่าไม้ตายอมตะของข้าได้รับความช่วยเหลือจากกระดานหมากรุกกลุ่มดาว นี่เป็นวิธีที่เทพอมตะกลุ่มดาวเคยใช้ในอดีต”

 

“ดี” ราชันมังกรรู้สึกมั่นใจและค่อยๆปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง

 

…..

 

ภาคใต้

 

อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดแบกฟางหยวนและคนอื่นๆบินข้ามท้องฟ้า

 

เสียงกรีดร้องของมันทำให้นกทุกตัวในบริเวณนั้นต้องหลบออกไป

 

การเดินทางไม่มีสิ่งกีดขวาง พวกเขาไม่เห็นศาลาริมทะเลอีกเลย

 

สมาชิกนิกายเงาลดความระวังตัวลงเล็กน้อย

 

รอยแยกใต้พิภพค่อยๆปรากฏขึ้นในสายตาของพวกเขา

 

‘นี่คือรอยแยกปล้นเงา’ ฟางหยวนยืนขึ้นและมองไปยังรอยแยกใต้พิภพที่อยู่ด้านหน้า

 

รอยแยกปล้นเงาเป็นฐานทัพชั่วคราวของนิกายเงา

 

หลังการต่อสู้ครั้งนี้ตัวตนของฟางหยวนในฐานะวูอี้ไห่จะถูกเปิดเผย แม้วังสวรรค์จะไม่เปิดเผย ตัวตนปลอมนี้ก็ไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป หลังจากกลายเป็นผู้นำคนใหม่ของนิกายเงา เขาต้องการพักผ่อนและจัดระเบียบองค์กรใหม่

 

อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดบินลงไปในรอยแยกปล้นเงา

 

ในไม่ช้าฟางหยวนและคนอื่นๆก็หายตัวไปในความมืดอันไร้ขอบเขต

 

แม้อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดจะมีร่างกายใหญ่โต แต่มันยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับความกว้างใหญ่ของรอยแยกใต้พิภพแห่งนี้

 

เสียงคำรามของสัตว์อสูรดังขึ้นจากความมืด

 

ส่วนใหญ่เป็นเงาปีศาจ

 

เงาปีศาจเป็นสัตว์อสูรที่มักเกิดขึ้นในสถานที่ที่เต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งความมืด

 

แม้เงาปีศาจจะเป็นอสูรกาย แต่พวกมันยังมีสัญชาตญาณเอาชีวิตรอด กลิ่นอายของอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดทำให้พวกมันหวาดกลัวและกระจัดกระจายออกไปโดยที่ฟางหยวนไม่จำเป็นต้องขับไล่ด้วยตนเอง

 

ฟางหยวนและคนอื่นๆมาถึงจุดหมายอย่างราบรื่น

 

ที่นี่ไม่ใช่ส่วนที่ลึกที่สุดของรอยแยกปล้นเงาแต่เป็นถ้ำบนกำแพงหินที่สูงชันแห่งหนึ่ง

 

ทางเข้าถ้ำกว้างพอให้อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดบินเข้าไปแม้จะยากลำบากอยู่บ้างก็ตาม

 

หลังจากเข้าไปในถ้ำ ฟางหยวนก็เก็บอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดเข้าไปในมิติช่องว่างจักรพรรดิ

 

ด้วยมรดกของราชันภูเขาม่วง ฟางหยวนไม่พบอุปสรรคในการควบคุมค่ายกลวิญญาณของที่นี่

 

“เป็นค่ายกลที่ดี”

 

“มันถูกสร้างขึ้นโดยพึ่งพาร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งความมืดของที่นี่ มันใช้เพียงวิญญาณระดับมนุษย์แต่พลังอำนาจของมันเทียบเท่ากับค่ายกลวิญญาณอมตะ สิ่งที่ดีที่สุดของมันคือการป้องกันการอนุมาน”

 

ผู้ที่สามารถใช้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าตามธรรมชาติในสภาพแวดล้อมเพื่อสร้างค่ายกลวิญญาณอมตะต้องมีความสำเร็จอย่างน้อยระดับปรมาจารย์เอก

 

แต่นี่ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับนิกายเงา

 

ด้วยความสำเร็จระดับปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งค่ายกลของฟางหยวน เขาสามารถมองเห็นรูปแบบการจัดตั้งค่ายกลนี้ได้อย่างคร่าวๆ

 

ฟางหยวนถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อมาถึงที่นี่

 

เขายังไม่ได้กำจัดร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่บนร่างกายออกไปทันทีแต่เขาเรียกสมาชิกคนอื่นๆเข้ามาพูดคุยทีละคน

 

ในฐานะผู้นำของนิกายเงา ฟางหยวนจำเป็นต้องทำเรื่องดังกล่าวโดยธรรมชาติ

 

เทพธิดากระต่ายขาวเชื่อฟังมาก นางตอบคำถามของฟางหยวนอย่างตรงไปตรงมา

 

เทพธิดาเมี่ยวหยินค่อนข้างกล้าหาญ นอกจากตอบคำถามของฟางหยวน นางยังถามฟางหยวนกลับ ดวงตาของนางดูเย้ายวนเป็นครั้งคราวและนางยังถามว่าระหว่างนางกับเฉียวซื่อหลิวผู้ใดงดงามกว่า

 

ในการพูดคุยกับไห่ลั่วหลัน ฟางหยวนเสนอว่าหากไห่ลั่วหลันทำงานได้ดี เขาสามารถพิจารณายกเลิกข้อตกลงพันธมิตรและมอบอิสรภาพคืนให้นาง

 

ในความเป็นจริงสถานการณ์ที่น่าอึดอันใจทั้งหมดของนางก็เกิดขึ้นเพราะฟางหยวนทั้งสิ้น

 

หลังจากฟางหยวนกำเนิดใหม่ เขาเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆมากมาย ก่อนการกำเนิดใหม่ของฟางหยวน ไห่ลั่วหลันประสบความสำเร็จในการสังหารไห่เจิ้งด้วยความช่วยเหลือจากนางมารผลาญสวรรค์ นางสามารถแก้แค้นและค้นพบตัวตนที่แท้จริงของนาง สุดท้ายด้วยวิญญาณทัศนคติ นางสามารถควบคุมเผ่าไห่และมีอนาคตที่สดใส

 

หลังการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน ไห่ลั่วหลันสูญเสียป้าทั้งสองของนางและด้วยปัจจัยภายนอกหลายอย่างที่ไม่สามารถควบคุม ในที่สุดนางก็กลายเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของฟางหยวน

 

อิงอู๋เซี่ยคิดว่าไห่ลั่วหลันเป็นสมาชิกคนสำคัญที่สุด ฟางหยวนก็คิดเช่นเดียวกัน

 

ต่อมาเป็นไป่หนิงปิง

 

“แม้เจ้าจะไม่มาหาข้า ข้าก็จะตามหาเจ้า” ไป่หนิงปิงเริ่มกล่าว

 

ทัศนคติของนางแตกต่างจากคนอื่นๆอย่างสิ้นเชิง นางยืนกอดอกและมองฟางหยวนอย่างไม่แยแส

 

“เจ้าเป็นศัตรูของวังสวรรค์ขณะที่ฝ่ายธรรมะของภาคใต้ก็จะไม่ปล่อยเจ้าไป แผนการต่อไปของเจ้าคือสิ่งใด?” ไป่หนิงปิงถาม

 

ไป่หนิงปิงเข้าร่วมในการต่อสู้ที่อาณาจักรแห่งความฝัน ตอนนี้นางอยู่ฝ่ายเดียวกับฟางหยวน ดังนั้นผู้อมตะภาคใต้จะไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน

 

“ก่อนอื่นข้าจะตรวจสอบทรัพยากรของนิกายเงา จากนั้นข้าจะเริ่มวางแผนทีละขั้นตอน” ฟางหยวนกล่าว

 

อาณาจักรแห่งความฝันขนาดใหญ่ของภาคใต้หายไปแล้วขณะที่ตัวตนของวูอี้ไห่ถูกเปิดเผย ฟางหยวนสูญเสียทางลัดในการฝึกฝนนี้ไปอย่างน่าเสียดาย

 

อย่างไรก็ตามหลังจากกลายเป็นผู้นำของนิกายเงา สิ่งที่ฟางหยวนได้รับกลับยิ่งใหญ่กว่าสิ่งที่เขาสูญเสียไปเป็นอย่างมาก