ตอนที่ 306 ซังจิ่งนัดเจอซือเหยี่ยน / ตอนที่ 307 ข้อเสนอ

(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์

ตอนที่ 306 ซังจิ่งนัดเจอซือเหยี่ยน

 

 

           หลังจากหนึ่งชั่วโมงผ่านไป ซังจิ่งถึงเพิ่งได้รับการตอบกลับ บอกว่าตอนเช้าเวลาเก้าโมงกว่าๆ เจียงมู่เฉินปรากฏตัวแถวร้านกาแฟเซาท์เวสต์ ต่อมาก็ไม่เจอเขาแล้ว

 

 

           ซังจิ่งอดจะคิดทบทวนไม่ได้ ว่าช่วงหลายวันมานี้ที่อยู่ด้วยกันกับเจียงมู่เฉินมา ก็ยังไม่เคยเจอเรื่องทำนองนี้มาก่อน

 

 

           เขาอดจะคิดไม่ได้ว่าเรื่องนี้จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับฟู่เหยี่ยนหรือเปล่า เขาพาตัวคนไปแล้ว

 

 

           ซังจิ่งหน้าตาเคร่งเครียด เร่งรีบเหมือนจะกดสายโทรหาฟู่เหยี่ยน แต่กดเบอร์ออกไปได้ไม่ทันไร เขาก็กดปิดทิ้งทันที

 

 

           เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นฟู่เหยี่ยน ถ้าเป็นฟู่เหยี่ยน ตอนนั้นเขาก็ไม่จำเป็นต้องให้เจียงมู่เฉินออกจากที่นั่นด้วยซ้ำ

 

 

           ‘ถ้าไม่ใช่ฟู่เหยี่ยน งั้นจะเป็นใครไปอีก’

 

 

           ในหัวมีชื่อของ ‘ซูเตอร์’ ลอยขึ้นมา ซังจิ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกว่าซูเตอร์มีความเป็นไปได้สูงมาก

 

 

           ถึงอย่างไรอยู่ที่นี่ ก็มีเพียงแค่ซูเตอร์ที่เอาแต่มองเจียงมู่เฉินเป็นศัตรูตลอด

 

 

           แต่ว่าตอนนี้เขาไม่มีหลักฐานใดใดจะยืนยันได้ว่าตัวคนอยู่ในกำมือของซูเตอร์

 

 

           ถ้าพรวดพราดเข้าไป ถึงตอนนั้นทำให้ซูเตอร์ไหวตัวทัน กลับจะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นแทน

 

 

           ซังจิ่งไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ถ้าไปหาซูเตอร์ตรงๆ ไม่ได้…บางทีอาจจะติดต่อซือเหยี่ยนได้

 

 

           ถึงอย่างไรซือเหยี่ยนกับเจียงมู่เฉินเมื่อก่อนก็มีความสัมพันธ์แบบนั้น

 

 

           ถึงแม้ว่าตอนนี้ทั้งสองคนจะเลิกกันแล้ว แต่เขารู้สึกว่าซือเหยี่ยนก็ควรจะไม่ไร้น้ำใจได้ถึงขนาดที่ว่าเจียงมู่เฉินจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ไม่สน

 

 

           เขาคิดทบทวนแบบนี้แล้ว รู้สึกว่าหาซือเหยี่ยนเป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุด

 

 

           ซังจิ่งรีบให้คนหาช่องทางการติดต่อการซือเหยี่ยนมาให้ หลังจากได้ข้อมูลการติดต่อแล้ว ถึงได้ส่งข้อความหาซือเหยี่ยนไป

 

 

           เขาจำเป็นต้องทดสอบหยั่งเชิงท่าทีตอบสนองของซือเหยี่ยนก่อน ถึงจะตัดสินใจได้ว่าจะบอกซือเหยี่ยนหรือไม่

 

 

           ซือเหยี่ยนเพิ่งจะกินข้าวอยู่เป็นเพื่อนซูเตอร์เสร็จ กลับมาห้องหนังสือของตัวเอง เขาเห็นข้อความจากเบอร์แปลกในมือถือ ก็เปิดอ่านดูแวบหนึ่ง

 

 

           [ผมคือซังจิ่ง มีธุระอยากพบคุณ พรุ่งนี้ตอนเช้าสะดวกเจอกันไหม]

 

 

           ซือเหยี่ยนสีหน้าเคร่งขรึม ทำไมจู่ๆ ซังจิ่งถึงอยากเจอเขาได้ หรือว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับเจียงมู่เฉิน

 

 

           นอกจากเรื่องนี้ เขากับซังจิ่งก็ไม่มีอย่างอื่นเกี่ยวข้องกันมาก่อน

 

 

           เขารีบตอบกลับข้อความของซังจิ่งทันที [พรุ่งนี้แปดโมงเช้า]

 

 

           ซังจิ่งส่งที่อยู่มา ซือเหยี่ยนดูสักพักก็วางมือถือลง

 

 

           ไม่รู้ว่าครั้งนี้ เจียงมู่เฉินเกิดเรื่องอะไรอีกหรือเปล่า

 

 

           ซือเหยี่ยนกุมขมับ หวังว่าเจียงมู่เฉินอย่าได้เกิดเรื่องอะไรเลย

 

 

           ……

 

 

           หลังจากซูเตอร์กินข้าวกับซือเหยี่ยนเสร็จก็ตรงไปที่ห้องชั้นใต้ดินทันที เขาทิ้งเจียงมู่เฉินไว้ค่อนวันก็ควรจะไปดูเขาได้แล้ว

 

 

           ซูเตอร์เดินลงบันไดมาอย่างอารมณ์ดี คนข้างๆ ไม่กี่คนที่เฝ้าเจียงมู่เฉินไว้เห็นซูเตอร์ก็เอ่ยเรียกเสียงต่ำ “คุณชายน้อย”

 

 

           ซูเตอร์มองเขาแวบหนึ่ง “เป็นยังไงบ้าง”

 

 

           “เจียงมู่เฉินคนนั้นจนถึงตอนนี้ไม่มีความเคลื่อนไหวเลยครับ”

 

 

           ซูเตอร์ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ไม่มีความเคลื่อนไหวเลยเหรอ”

 

 

           “ครับ ตั้งแต่จนถึงตอนนี้ ไม่มีท่าทีตอบสนองอะไรเลยครับ”

 

 

           “โอเค ฉันรู้แล้ว ไปเปิดประตู ฉันจะเข้าไป”

 

 

           บอดี้การ์ดที่เฝ้าอยู่พยักหน้ารับ ยื่นมือหยิบกุญแจออกมาเปิดประตู ซูเตอร์เปิดประตูเข้าไปก็เห็นเจียงมู่เฉินนั่งอยู่ท่ามกลางความมืด ไม่ขยับเขยื้อน

 

 

           เขายื่นมือไปเปิดไฟที่อยู่ด้านข้าง เห็นเจียงมู่เฉินนั่งอยู่บนเก้าอี้ “คิดไม่ถึงว่าคุณชายเจียงจะปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมที่นี่ได้มากทีเดียวเชียว”

 

 

           เจียงมู่เฉินยังคงอยู่ในท่าเดิมก่อนหน้านี้ ไม่เคลื่อนไหว

 

 

           ซูเตอร์จ้องมองเจียงมู่เฉิน “อะไรกัน คุณชายเจียงไม่มีอะไรอยากจะพูดเลยเหรอ”

 

 

           ในที่สุดเจียงมู่เฉินก็มีปฏิกิริยาตอบสนอง เขามองซูเตอร์แวบหนึ่ง “คุณซูอยากจะให้ฉันพูดอะไรเหรอ”

 

 

           ซูเตอร์มองไปรอบๆ อย่างรังเกียจ

 

 

           “นายไม่แปลกใจอยากรู้เลยเหรอว่าทำไมฉันถึงจับนายมา”

 

 

           เจียงมู่เฉินยิ้มเยาะ “เพราะว่าซือเหยี่ยนไง ไม่งั้นจะเป็นเพราะอะไรได้”

 

 

            

 

 

ตอนที่ 307 ข้อเสนอ

 

 

           “ในเมื่อนายรู้อยู่แล้ว นายยังทำเป็นไม่สนใจอีกเหรอ” ซูเตอร์กำมือแน่น “ฉันยังไม่ลืมครั้งก่อนที่นายลงไม้ลงมือกับฉันนะ”

 

 

           เจียงมู่เฉินเชิดมุมปากอย่างจนใจ “ตัวฉันก็อยู่ในกำมือนายแล้ว เป็นธรรมดาที่นายอยากจะทำอะไรก็ทำอยู่แล้ว”

 

 

           ซูเตอร์มองเขา แววตาประกายความเย็นชา เขากวักมือเรียกบอดี้การ์ดที่อยู่ข้างๆ “พาคุณชายเจียงไปไว้ห้องข้างๆ”

 

 

           บอดี้การ์ดพยักหน้ารับ เดินตรงมายังข้างตัวของเจียงมู่เฉิน ยื่นมือไปพยุงร่างเขาขึ้นมาพาตัวออกไป

 

 

           เจียงมู่เฉินให้ความร่วมมือดีมาตลอด ไม่ขัดขืนเลยสักนิด จนถูกคนพาตัวไปยังห้องลงทัณฑ์ที่อยู่ด้านข้าง

 

 

           เขาถูกมัดแขวนห้อยไว้กลางอากาศ

 

 

           เจียงมู่เฉินหน้าตานิ่งสงบ มองซูเตอร์ด้วยสีหน้าเรียบเฉย

 

 

           ซูเตอร์เห็นท่าทางไม่ใส่ใจนี้ของเขา ไฟโกรธก็ลุกโชนในใจขึ้นมาในพริบตา

 

 

           เจียงมู่เฉินมีสิทธิ์อะไรมาทำหน้าตาไม่แยแสอยู่ได้

 

 

           ในใจเขาโมโหอยากจะฉีกหน้ากากความไม่ใส่ใจบนใบหน้าของเจียงมู่เฉินออกทีละนิดๆ

 

 

           เขาหมุนตัวหันไปมองด้านข้าง นิ้วมือลูบแส้เบาๆ ราวกับกำลังสอบถามความเห็นของเจียงมู่เฉินอยู่อย่างไรอย่างนั้น เขาเอ่ยอย่างไม่ยินดียินร้าย “คุณชายเจียงมีอะไรอยากใช้ไหม หรือคุณชายเจียงจะเลือกเองดีกว่า”

 

 

           เจียงมู่เฉินกวาดสายตามองแวบหนึ่ง แส้หนัง ไม้ตะบอง เครื่องมือเหล็ก ไม่มีสักชิ้นที่ทำให้คนผ่อนคลายได้

 

 

           เขายกมุมปากมองซูเตอร์ “ฉันกลับรู้สึกว่าอันไหนฉันก็ไม่ค่อยชอบเลย”

 

 

           ซูเตอร์เลิกคิ้ว “งั้นคุณชายเจียงอยากจะได้แบบไหน นายคงจะไม่คิดว่าเข้ามาในที่ของฉันแล้ว จะออกไปได้โดยไม่มีแผลเลยแม้แต่น้อยหรอกใช่ไหม”

 

 

           เจียงมู่เฉินถอนหายใจ “ฉันก็แค่รู้สึกว่าในเมื่อนายลักพาตัวฉันมาแล้ว แต่ไม่ฆ่าฉันทันที ก็แสดงว่าตอนนี้นายยังให้ฉันตายไม่ได้…ถ้านายทำฉันเจ็บตัว ไม่ช้าก็เร็วจะถูกซือเหยี่ยนรู้เข้าจนได้ ถึงตอนนั้นถ้าซือเหยี่ยนมาเห็นฉันในสภาพน่าอนาถ ฉันก็ยากจะรับประกันว่าซือเหยี่ยนจะไม่สงสารฉันจับใจขึ้นมานะ”

 

 

           ซูเตอร์แววตาจมดิ่งลง จ้องเจียงมู่เฉินตาเขม็ง อยากจะเห็นว่าเขาจะเล่นลูกไม้อะไรกันแน่

 

 

           “นายคิดว่าฉันจะให้นายเจอซือเหยี่ยนเหรอ”

 

 

           “นายเองก็รู้ว่าครั้งนี้ที่ฉันมาออกงานที่นี่ ฉันมาด้วยกันกับซังจิ่ง ถ้าหากว่าเขาไม่เห็นฉันกลับไปสักที ถึงตอนนั้นถ้าเขามาตามหาคนที่แก๊งมังกรคราม ก็ยากจะรับประกันว่าซือเหยี่ยนจะไม่รู้”

 

 

           มือซูเตอร์ที่ถือแส้ไว้กำแน่น ยังมีซังจิ่งอยู่อีกคนจริงๆ ถ้าซังจิ่งรู้ว่าเจียงมู่เฉินหายตัวไป ต้องเป็นเหมือนที่เจียงมู่เฉินว่ามาจริงๆ

 

 

           “ตอนนี้ฉันเลิกกับซือเหยี่ยนแล้ว ซือเหยี่ยนเองก็ไม่ได้มาใส่ใจอะไรฉันเท่าไหร่ แต่ถ้านายลงไม้ลงมือกับฉัน ซือเหยี่ยนทางนั้นฉันก็พูดยากแล้ว ถึงยังไงฉันกับซือเหยี่ยนก็คบกันมาตั้งนานขนาดนี้ ยากจะรับประกันได้ว่าเขาจะไม่ใจอ่อนขึ้นมากะทันหัน ถึงตอนนั้นนายก็จะได้ไม่คุ้มเสียนะ”

 

 

           “งั้นคุณชายเจียงมีข้อเสนออะไร” ซูเตอร์มองมาทางเขา

 

 

           เจียงมู่เฉินลูบคางไปมา “ฉันมีวิธีดีๆ อยู่วิธีหนึ่ง”

 

 

           “อ้อ คุณชายเจียงลองพูดมาสิ”

 

 

           เจียงมู่เฉินไตร่ตรองสักพัก “บอกตามตรง ตอนนี้ฉันไม่ได้สนใจอะไรซือเหยี่ยนแล้ว ถ้าหากคุณซูชอบซือเหยี่ยน ฉันก็ช่วยนายได้นะ”

 

 

           ซูเตอร์เลิกคิ้ว นัยน์ตาฉายแววสงสัย “คุณชายเจียงใจดีขนาดนี้เชียวเหรอ”

 

 

           “ฉันกลับรู้สึกว่าถ้านายอยากเหนื่อยหนเดียวสบายไปทั้งชาติ สู้ทำให้ซือเหยี่ยนเกลียดฉันไม่ดีกว่าเหรอ ถ้าเขาเกลียดฉันขึ้นมา ก็คงจะไม่มาใส่ใจอะไรฉันอยู่แล้ว ถึงเวลานั้นนายก็จะปลอบโยนให้ซือเหยี่ยนอยู่ข้างนายได้”

 

 

           เจียงมู่เฉินเอ่ยเสียงต่ำแนะนำเขาไป

 

 

           ซูเตอร์คิดทบทวนอยู่ครู่หนึ่ง รู้สึกว่าคำพูดนี้ของเจียงมู่เฉินก็มีเหตุผล ถ้าหากเจียงมู่เฉินเป็นฝ่ายทำให้ซือเหยี่ยนผิดหวังในตัวเขาเอง ก็จะเป็นเรื่องที่ดีในที่สุด

 

 

           ถึงอย่างไรตระกูลเจียงเบื้องหลังของเจียงมู่เฉินก็ไม่ได้เป็นพวกใจดีมีเมตตาอะไรเหมือนกัน