ตอนที่ 308 ฟาดแส้ / ตอนที่ 309 ช่วยชีวิตเขา

(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์

ตอนที่ 308 ฟาดแส้ 

 

 

           ถ้าตระกูลเจียงเกิดมีปากเสียงขึ้นมา ถึงแม้แก๊งมังกรครามของเขาจะไม่ได้เสียหายใหญ่โต แต่ก็ยากจะรับประกันว่าซือเหยี่ยนจะไม่จดจำเจียงมู่เฉินไปตลอดชีวิตได้ 

 

 

           ถึงอย่างไร คนตายเท่านั้นถึงจะคงอยู่ในใจคนอื่นได้นานกว่า 

 

 

           “แล้วคุณชายเจียงคิดจะทำยังไง” 

 

 

           “คุณซูลองสร้างเรื่องที่ไม่เป็นผลดีกับนายจากตัวฉัน ทำให้ซือเหยี่ยนเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของฉันชัดๆ สิ” 

 

 

           ซูเตอร์หรี่ตาลง รู้สึกว่าความคิดนี้ก็ไม่เลวจริงๆ แบบนี้เขาก็แสร้งเป็นผู้ถูกกระทำได้ ทั้งยังทำให้เจียงมู่เฉินเป็นคนเลวที่น่ารังเกียจในใจของซือเหยี่ยนได้อีก 

 

 

           แบบนี้เป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวไม่ใช่เหรอ 

 

 

           เจียงมู่เฉินสังเกตสีหน้าของซูเตอร์แล้วก็เข้าใจว่าเขาเห็นด้วยแล้ว ในใจก็นึกโล่งอกไป 

 

 

           ซูเตอร์อาศัยตอนที่เขาผ่อนลมหายใจออกมา ยกแส้ขึ้นฟาดออกไปอย่างรวดเร็วและดุดัน 

 

 

           แส้ฟาดบนตัวเจียงมู่เฉินอย่างโหดร้ายและรุนแรง เขาเจ็บจนหายใจหอบ 

 

 

           ซูเตอร์ฟาดแส้กะทันหันจนเกินไป เขาไม่ทันได้ตั้งหลักก่อน 

 

 

           เจียงมู่เฉินเก็บกดความเจ็บปวดเอาไว้ มองซูเตอร์แวบหนึ่ง หัวเราะเบาๆ ก่อนเอ่ย “อะไรกัน นี่คือของขวัญเวลาเจอหน้ากันเหรอ” 

 

 

           รอยยิ้มกระหายเลือดแต่งแต้มบนใบหน้าของซูเตอร์ “เมื่อก่อนที่คุณชายเจียงต่อยตีฉันครั้งนั้น ฉันจดจำมาตลอด ฉันรับข้อเสนอของคุณชายเจียง แต่ไม่ได้ตกลงยอมความเรื่องแค้นครั้งก่อนนั้นสักหน่อย” 

 

 

           เขายกมือสะบัดฟาดแส้ใส่เจียงมู่เฉินอย่างสุดแรงมือและเต็มกำลัง “ฉันซูเตอร์ไม่ได้เป็นคนใจอ่อนออมมือเสียด้วยสิ” 

 

 

           ปลายแส้ครูดผ่านเสื้อเชิ้ตตัวบางบนตัวของเจียงมู่เฉินจนฉีกขาด เลือดแดงฉานเปื้อนเปรอะชวนให้สะเทือนใจต่อภาพที่เห็น 

 

 

           เจียงมู่เฉินสูดลมหายใจเล็กน้อย พยายามทำให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง 

 

 

           “คุณชายเจียงนี่เก่งจริงๆ เจ็บจนกลายเป็นแบบนี้แล้ว ยังไม่แสดงท่าทีหวาดกลัวอีก” 

 

 

           เจียงมู่เฉินพยายามยกมุมปากล่าง เขายิ้มหัวเราะเล็กน้อยมองซูเตอร์ “ช่วยไม่ได้ ไม่มีอะไรสักอย่าง มีแค่ร่างกายทื่อๆ ถ้าคุณซูอยากเห็นฉันขอร้องให้ยกโทษให้ เกรงว่าจะไม่มีโอกาสนี้แล้ว” 

 

 

           “คุณชายเจียง ถ้าไม่ใช่เพราะซือเหยี่ยน ฉันคงจะชื่นชมนายมากทีเดียว” 

 

 

           เจียงมู่เฉินขมวดคิ้วเบาๆ “การชื่นชมของคุณซู ฉันรับไว้ไม่ไหวหรอก” 

 

 

           ซูเตอร์ฟาดแส้ใส่เขาอีกครั้ง รอยแส้ฟาดสามรอยประทับเรียงรายอยู่บนเอวของเจียงมู่เฉิน 

 

 

           เจียงมู่เฉินก้มมองแวบหนึ่ง ขบขันไม่น้อย “ดูท่าว่าคุณจะฝึกฟาดแส้อยู่ไม่น้อยทีเดียว เฆี่ยนตีคนยังมีความสวยงามอยู่มากอีกนะ” 

 

 

           “แส้สามครั้งนี้เอาคืนนายเรื่องแค้นที่ถานโจวก่อนหน้านี้ ส่วนเรื่องร่วมมือกัน รอนายอยู่ที่นี่สักสองวัน แล้วพวกเราค่อยมาพูดคุยกันอีกที” 

 

 

           เขาพูดจบก็มุ่งหน้าเดินออกไป “พาตัวคนกลับไป ไม่ต้องรักษา” 

 

 

           บอดี้การ์ดมองเจียงมู่เฉินปราดเดียวแล้วใช้มือปลดตัวเขาลงมา ทันทีที่ถึงพื้น เจียงมู่เฉินก็เจ็บปวดจนคิ้วขมวดหากัน สีหน้าค่อนข้างซีด 

 

 

           แม้กระทั่งริมฝีปากก็ไม่ขึ้นสีเลือดเลยแม้แต่น้อย 

 

 

           เขาลุกยืนขึ้นมาอย่างยากลำบาก ยื่นมือไปคว้าราวจับด้านข้างพยุงตัวขึ้น เพราะความเจ็บปวดทำให้เขาตัวงอเล็กน้อย 

 

 

           เจียงมู่เฉินขยับเพียงก้าวเดียวก็เจ็บปวดจนหายสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ 

 

 

           “คุณชายเจียง เชิญครับ” 

 

 

           เจียงมู่เฉินพยายามยันกายยืนขึ้น มุ่งหน้าเดินออกไปข้างนอกทีละก้าวๆ เขาบาดเจ็บที่เอว ทุกย่างก้าวที่เดินไปล้วนเจ็บปวดจนเหงื่อไหลท่วมหัว 

 

 

           ‘นี่ซูเตอร์เฆี่ยนเขาได้จริงๆ’ ฟาดโดนช่วงเอวเขาพอดี ขยับก็ขยับไม่ได้ เคลื่อนไหวเพียงนิดก็ร้าวไปถึงบาดแผลได้แล้ว 

 

 

           ‘ดูท่าว่าวันสองวันนี้จะไม่สามารถผ่านไปได้อย่างปลอดภัยแล้ว’ 

 

 

           ค่อยๆ เคลื่อนย้ายตัวเองกลับไปห้องเมื่อครู่นี้ ทั้งเนื้อทั้งตัวเจียงมู่เฉินเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ เขายันผนังพยุงตัวเอง หายใจหอบเสียงต่ำ 

 

 

           กว่าจะกดเก็บความเจ็บปวดนี้ลงไปได้ไม่ใช่ง่ายๆ 

 

 

           เจียงมู่เฉินเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก อดจะขบกรามนิดหน่อยไม่ได้ 

 

 

           ‘ถ้าไม่ใช่เพราะซือเหยี่ยน เขาจะตกต่ำลงมาอย่างวันนี้ได้เหรอ ถูกคนมองเป็นศัตรูไม่ว่า ยังมาโดนแส้ฟาดไปเต็มๆ สามทีอีก’ 

 

 

           บัญชีแค้นนี้ วันหลังเขาจะต้องสะสางกับซือเหยี่ยนอย่างสาสมแน่นอน 

 

 

            

 

 

ตอนที่ 309 ช่วยชีวิตเขา 

 

 

           วันต่อมา ซือเหยี่ยนไปสถานที่ที่ซังจิ่งบอกตามเวลาที่นัดกันไว้ 

 

 

           ตอนที่เขามาถึง ซังจิ่งยังไม่มาถึง ซือเหยี่ยนสั่งชามาแก้วหนึ่งนั่งรออยู่ตรงนั้น 

 

 

           ผ่านไปประมาณห้านาที ซังจิ่งถึงได้ปรากฏตัว 

 

 

           หลังจากซือเหยี่ยนเห็นซังจิ่งเดินมานั่งลงตรงหน้าตัวเองแล้ว เสียงต่ำถึงเอ่ยเข้าประเด็นสักที “คุณมีธุระอะไรหาผมเหรอ” 

 

 

           ซังจิ่งเองก็ไม่อ้อมค้อม เอ่ยอย่างตรงไปตรงมา “คุณชายเจียงหายตัวไปแล้ว” 

 

 

           สีหน้าซือเหยี่ยนเปลี่ยนเล็กน้อยมองเขา “หมายความว่าไง” 

 

 

           “ตั้งแต่ออกจากบ้านไปตอนเช้า จนถึงตอนนี้ไม่มีข่าวคราวอะไรเลย มือถือก็ปิดเครื่องไว้” 

 

 

           “ก่อนเขาจะออกไป ได้พูดว่าไปไหนไหม” 

 

 

           ซังจิ่งส่ายหัว “เขาไม่ได้พูดอะไรเลย” เขาหยุดสักพัก ก่อนเอ่ยต่อ “แต่ว่าผมให้คนไปสืบหาร่องรอยของเขาแล้ว เมื่อวานตอนเช้าเขาไปร้านกาแฟเซาท์เวสต์” 

 

 

           ซือเหยี่ยนขมวดคิ้วเล็กน้อย ร้านกาแฟเซาท์เวสต์… 

 

 

           นั่นไม่ใช่… 

 

 

           “คุณควรจะรู้อยู่แล้ว ว่านั่นคือธุรกิจของแก๊งมังกรคราม” 

 

 

           ซือเหยี่ยนกำมือเล็กน้อย เงยหน้ามองเขา “คุณอยากจะบอกว่าเขาถูกคนของแก๊งมังกรครามพาตัวไปแล้ว?” 

 

 

           “เป็นคนของแก๊งมังกรครามหรือเปล่า คุณควรจะชัดเจนยิ่งกว่าผมนะ” 

 

 

           ถ้าเป็นจริงตามที่ซังจิ่งว่ามา เจียงมู่เฉินถูกคนของแก๊งมังกรครามพาตัวไป มีความเป็นไปได้สูง แล้วคนบงการเบื้องหลังก็คือซูเตอร์ 

 

 

           นอกจากซูเตอร์แล้ว ก็ไม่มีทางจะมีคนอื่นลงมือกับเจียงมู่เฉินได้ 

 

 

           ถ้าเป็นซูเตอร์จริงๆ เจียงมู่เฉินหายตัวไปนานขนาดนี้ ก็ค่อนข้างจัดการได้ยากแล้ว 

 

 

           “ที่ผมมาหาคุณวันนี้ คืออยากให้คุณช่วยผมช่วยชีวิตเจียงมู่เฉิน” 

 

 

           ซือเหยี่ยนกำแก้วชาไว้อย่างสงวนท่าที นิ้วมือกระชับแน่นเล็กน้อย “คุณยึดอะไรมาเชื่อว่าสามารถช่วยคุณช่วยชีวิตเจียงมู่เฉินได้” 

 

 

           ซังจิ่งสีหน้าเปลี่ยนทันที “ก็ยึดตามที่เมื่อก่อนคุณเคยคบกับเจียงมู่เฉินไง คุณใจแข็งเห็นเขาตายอยู่ในกำมือของซูเตอร์ได้ลงคอเหรอ” 

 

 

           ซือเหยี่ยนครุ่นคิดสักพัก เขาหัวเราะเบาๆ “แต่ผมเลิกกับเขาแล้ว ไม่ใช่เหรอ” 

 

 

           “ซือเหยี่ยน คุณแน่ใจเหรอว่าอยากจะไร้เหตุผลขนาดนี้” ซังจิ่งไม่ค่อยกล้าจะเชื่อ ไม่เชื่อว่าซือเหยี่ยนจู่ๆ จะไร้เหตุผลขนาดนี้ได้ 

 

 

           “ประธานซัง คำพูดนี้ของคุณ ผมฟังไม่ค่อยเข้าใจแล้ว คุณรู้อยู่ชัดๆ ว่าผมอยู่แก๊งมังกรคราม กลับต้องการให้ผมหักหลังแก๊งมังกรคราม ช่วยชีวิตเจียงมู่เฉิน… 

 

 

           …ถ้าเป็นคุณ คุณจะช่วยไหม” ม่านตาซือเหยี่ยนหดตัวลงเล็กน้อย ย้อนถามไปตรงๆ 

 

 

           เมื่อซังจิ่งคิดถึงว่าเจียงมู่เฉินอาจจะตายในกำมือของซูเตอร์ได้ หัวใจก็บีบรัดแน่นขึ้นมาในพริบตา 

 

 

           ความสับสนว้าวุ่นใจที่ไม่เคยมีลอยขึ้นมากลางใจ ซังจิ่งไม่รู้ว่าความสับสนว้าวุ่นใจแบบนี้มาจากไหนกัน 

 

 

           แต่เขารู้แก่ใจ เจียงมู่เฉินจะตายไม่ได้ 

 

 

           ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร เจียงมู่เฉินต้องมีชีวิตอยู่ 

 

 

           เขาค่อยๆ ยืนขึ้นมองซือเหยี่ยนด้วยความโมโห “ในเมื่อคุณไม่ช่วย งั้นผมเอง เพียงแต่หวังว่าซือเหยี่ยน คุณอย่ามาก้าวก่ายผม” 

 

 

           ซังจิ่งพูดจบก็ฮึดฮัดเตรียมจะเดินออกไป ก่อนที่เขาจะออกไป ซือเหยี่ยนเอ่ยเสียงต่ำขึ้นมา “เดี๋ยวก่อน” 

 

 

           ซังจิ่งหยุดลง หันกลับมามองเขา 

 

 

           ซือเหยี่ยนลังเลอยู่สักพัก “อยากให้ผมช่วยชีวิตเจียงมู่เฉินก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้” 

 

 

           ซังจิ่งมองเขาสีหน้าเปลี่ยนทันที “คุณมีเงื่อนไขอะไร” 

 

 

           ซือเหยี่ยนมองเขาเอ่ยเน้นคำต่อคำ “เงื่อนไขของผมก็คือ คุณซังจิ่งต่อไปอย่าติดต่อกับเจียงมู่เฉินอีก” 

 

 

           ซังจิ่งสีหน้าถอดสี “คุณมีสิทธิ์อะไรมาทำแบบนี้” 

 

 

           “คุณรู้ว่าถ้าผมไม่ช่วยคุณ คุณก็ช่วยเจียงมู่เฉินออกมาไม่ได้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว” ซือเหยี่ยนลองทดสอบหยั่งเชิงเล็กน้อย “คุณคิดว่าไงล่ะ วี” 

 

 

           ซังจิ่งเงยหน้ามองเขา ความคาดไม่ถึงอยู่ในแววตา “คุณรู้มาแต่แรกเหรอ” 

 

 

           ซือเหยี่ยนกวาดสายตาเย็นยะเยือกมองเขาแวบหนึ่ง “เพิ่งจะรู้ช่วงนี้เอง ถ้าไม่อย่างนั้นคุณคิดว่าผมจะให้คุณอยู่ข้างเจียงมู่เฉินได้นานขนาดนี้เหรอ”