ตอนที่ 348 ความโกรธของฟู่เฉินหรง / ตอนที่ 349 เอาซูจิ่วซือไปแลกไม่ได้

หวนแค้นชะตารัก

ตอนที่ 348 ความโกรธของฟู่เฉินหรง

 

 

 

 

“ทนหน่อยเดี๋ยวก็หาย ไม่ตายหรอก วางใจเถอะ”

 

 

“เจ้า…”

 

 

ซูจิ่วซือโกรธจงมั่วเจียง กู้หลียวนกลัวว่าซูจิ่วซือจะทำให้จงมั่วเจียงไม่พอใจ จึงรีบบอก “จิ่วซือ ข้าไม่เป็นไร พอทนได้”

 

 

ปากพูดอย่างนี้ แต่ในใจด่าจงมั่วเจียงอย่างรุนแรง ทรมานกันชัดๆ  ข้าโตป่านนี้ ยังไม่เคยลำบากขนาดนี้

 

 

ในที่สุดซูจิ่วซือก็ถูกพาไปที่หอหยกเขียว สาวใช้นอบน้อมต่อนางเป็นพิเศษ อาบน้ำให้ เอาเสื้อผ้าสะอาดมาเปลี่ยนให้

 

 

ในสมองของซูจิ่วซือครุ่นคิดแต่ว่าทำอย่างไรจึงจะหนีไปจากที่นี่ นางไม่อยากเสียเวลาอยู่ที่นี่นานเกินไป

 

 

…..

 

 

ฟู่เฉินหรงยังไม่รู้ว่าซูจิ่วซือตกอยู่ในมือของจงมั่วเจียง ช่วงสองสามวันมานี้เขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไม ในใจรู้สึกกระวนกระวาย มักจะฝันว่าซูจิ่วซือเกิดเหตุร้าย

 

 

เขาเอนหลังกับเก้าอี้ในห้องหนังสือ เอกสารข้างหน้ากองเป็นภูเขาขนาดย่อม ตั้งแต่ได้รับแต่งตั้งเป็นรัชทายาทแล้ว ซุ่นตี้ทรงมอบหมายงานมากมายให้เขาทำ พระอัยกากับพระราชนัดดามักจะอยู่ในห้องหนังสือด้วยกันทั้งวัน เพื่อสอนฟู่เฉินหรงจัดการงานราชการ

 

 

ตั้งแต่อยู่แคว้นเว่ยฟู่เฉินหรงก็เข้ารับราชการ คุ้นเคยกับงานราชการดี จึงเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว

 

 

หลังจากอ่านเอกสารอยู่ครึ่งวัน เขาก็เริ่มปวดตา เขานึกถึงความฝันเมื่อคืน เห็นซูจิ่วซือถูกจับตัวไป ตอนนี้เขายังรู้สึกร้อนใจอยู่

 

 

ขณะนั้นชิงซานผลักประตูเข้ามา ฟู่เฉินหรงนั่งตัวตรง ถาม “สืบได้ความอย่างไร”

 

 

“องค์หญิงกับคุณชายใหญ่ออกจากเมืองหลวงหลายวันแล้ว เวลานี้อยู่ที่ไหนยังไม่รู้”

 

 

ชิงซานรายงานเรื่องที่สืบได้ต่อฟู่เฉินหรง

 

 

พอได้ยินอย่างนี้ ฟู่เฉินหรงก็ขมวดคิ้วทันที “ออกไปตั้งหลายวัน ทำไมข้าไม่ได้ข่าวคราวเลย ถึงจิ่วซือไม่เขียนจดหมาย หลียวนก็น่าจะเขียน ก่อนเดินทางสองสามวันเขาน่าจะบอกให้ข้ารู้ล่วงหน้า ชิงซาน ทำไมเป็นอย่างนี้”

 

 

“ถึงบ่าวจะใจกล้าแค่ไหนก็ไม่บังอาจหลอกนายท่าน บ่าวไม่ได้รับจดหมายเลย ไม่งั้นก็ต้องเอามามอบให้นายท่านนานแล้ว”

 

 

ชิงซานรีบคุกเข่าลงกับพื้น เขาไม่ได้รับจดหมายจริงๆ  คำสั่งของฟู่เฉินหรง เขาไม่เคยขัดขืน

 

 

ฟู่เฉินหรงก็เชื่อมั่นว่าชิงซานคงไม่เก็บจดหมายไว้เอง พอถึงตอนนี้สีหน้าของเขาไม่พอใจอย่างเห็นชัด หน้าตาบูดบึ้ง “ชิงซาน รีบส่งคนไปสืบข่าวจิ่วซือ จำไว้ เรื่องนี้ต้องไม่ให้ปิงอวิ๋นรู้ ยอมจ่ายมากหน่อย ไปจ้างคนข้างนอกสืบ ต้องหาจิ่วซือกับหลียวนให้เจอ”

 

 

ชิงซานเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ ฟู่เฉินหรงพูดอย่างนี้แสดงว่าสงสัยปิงอวิ๋น แม้ปิงอวิ๋นจะขี้โมโห แต่ก็จงรักภักดีต่อฟู่เฉินหรงมาก เขาไม่ควรจะถาม แต่ก็อดถามไม่ได้ “นายท่าน เอ่อ…”

 

 

ฟู่เฉินหรงรู้ว่าชิงซานจะพูดอะไร ไม่รอให้พูดจบก็พูดแทรกขึ้น “ปิงอวิ๋นเป็นคนของฝ่าบาท นางไม่มีวันทำร้ายข้า แต่จะทำร้ายจิ่วซือ พระอัยกาไม่อยากให้จิ่วซือมาปรากฏตัว คงส่งคนไปสังหารจิ่วซือแน่ ชิงซานเรื่องนี้อย่าชักช้า รีบไปสืบให้เร็วที่สุด”

 

 

ชิงซานเข้าใจความหมายของฟู่เฉินหรงแล้ว เขาพยักหน้า รีบออกไปอย่างรวดเร็ว

 

 

พอชิงซานไปแล้ว ฟู่เฉินหรงก็ไม่มีกะจิตกะใจจะอ่านเอกสาร เขาให้คนไปเรียกปิงอวิ๋นเข้ามา

 

 

ปิงอวิ๋นในชุดสีดำทั้งตัวพอเข้ามาในห้องก็คารวะฟู่เฉินหรงอย่างนอบน้อง “บ่าวคารวะองค์รัชทายาท ไม่รู้ว่าองค์รัชทายาทมีคำสั่งอะไร”

 

 

“ปิงอวิ๋น เจ้าใจกล้าจริงๆ  บังอาจยึดจดหมายข้า เจ้าไม่เห็นข้าอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย”

 

 

 

 

——

 

 

ตอนที่ 349 เอาซูจิ่วซือไปแลกไม่ได้

 

 

 

 

พอปิงอวิ๋นเข้ามา ฟู่เฉินหรงก็ถามเสียงเครียด ฟู่เฉินหรงซึ่งปกติหัวเราะร่าพอโมโหขึ้นมาก็น่ากลัวมาก อุณหภูมิในห้องลดลงทันที

 

 

ปิงอวิ๋นรู้ว่าฟู่เฉินหรงโกรธ รีบคุกเข่าขอโทษ น้ำเสียงยังคงสงบ “ผู้น้อยไม่เข้าใจความหมายของท่าน โปรดอธิบายให้ผู้น้อยด้วย จดหมายอะไรหรือ”

 

 

“เจ้าไม่ต้องแสร้งโง่ต่อหน้าข้า ข้าไม่สนใจว่าฝ่าบาททรงมอบหมายให้เจ้าทำอะไร ข้าให้เจ้าจำไว้อย่างหนึ่ง ถ้าจิ่วซือเป็นอะไรไป ข้าจะไม่อยู่ที่นี่ต่อไป”

 

 

“องค์รัชทายาท…” ปิงอวิ๋นตะลึง รีบเงยหน้าขึ้นทันที “องค์รัชทายาท คำนี้ไม่ควรพูดพล่อยๆ  ฝ่าบาททรงทุ่มเททุกอย่างจนตามพบท่าน ท่านเป็นอนาคตของแคว้นเจียง แผ่นดินอยู่ในมือของท่าน ท่านโปรดพิจารณาให้ดี”

 

 

“เงื่อนไขก่อนอื่นคือจิ่วซือต้องมาอยู่กับข้า ถ้าพวกเจ้าทำร้ายจิ่วซือ ข้าไม่มีวันเป็นรัชทายาทแน่ ข้าพูดจริงทำจริง ปิงอวิ๋น เจ้าดูแลตัวเองให้ดี ทางที่ดีควรสวดภาวนาให้จิ่วซือปลอดภัย ไม่งั้น…”

 

 

ดวงตาฟู่เฉินหรงฉายแววอำมหิตออกมาแวบหนึ่ง เขารู้หน้าที่ของตนดี และรู้ว่าตนมีภาระดูแลบ้านเมือง และรู้ว่าตนมีอันตรายรอบด้าน เขาไม่กลัวอันตรายใดๆ  และอาศัยความสามารถของตนรับภารกิจทั้งหมดได้

 

 

แต่เขาไม่อาจทนรับสภาพที่คนที่ควรยืนข้างเขากลับทำร้ายคนที่เขารักที่สุด ทั้งหมดนี้ไม่ควรเอาจิ่วซือไปแลก ถ้าการได้รับทุกสิ่งทุกอย่างต้องจ่ายค่าตอบแทนคือการสูญเสียซูจิ่วซือ เขายินดีที่จะทิ้งไป

 

 

ใช่สิ ซูจิ่วซือมีความสำคัญต่อเขามาก นางเป็นคนเดียวที่เข้ามาอยู่ในใจของเขา

 

 

ซูจิ่วซือเข้าใจความคิดของเขาดี และเขาเข้าใจความรู้สึกของซูจิ่วซือ เขากับนางเข้าใจกันดี

 

 

แผ่นหลังของปิงอวิ๋นชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ ฟู่เฉินหรงพูดรุนแรงเกินไป เขากล้าพูด แต่นางไม่กล้าเอาคำพูดนี้ไปทูลซุ่นตี้ เพราะเกรงว่าซุ่นตี้จะทรงรับไม่ได้

 

 

ซูจิ่วซือมีผลกระทบต่อฟู่เฉินหรงมากกว่าที่นางคิด นี่ไม่ใช่เรื่องดี แต่ก็เป็นไปแล้ว ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

 

 

นางรับใช้ใกล้ชิดฟู่เฉินหรงหลายเดือน รู้นิสัยของฟู่เฉินหรงดี เขาเป็นคนกล้าพูดกล้าทำมาตลอด ถ้าซูจิ่วซือเป็นอะไรไปจริงๆ  เกรงว่าเขาจะทิ้งหน้าที่ และไม่กลัวตาย

 

 

“เจ้าออกไปก่อน”

 

 

ฟู่เฉินหรงโบกมือ บอกให้ปิงอวิ๋นออกไป

 

 

ปิงอวิ๋นไม่กล้าพูดอะไร ลุกขึ้นแล้วออกไป ดูแล้วต้องเข้าเฝ้าซุ่นตี้ ทูลซุ่นตี้เรื่องนี้อย่างอ้อมๆ ระมัดระวัง

 

 

นางอยากทูลเตือนซุ่นตี้อย่างอ้อมๆ  แต่ฟู่เฉินหรงไม่ได้คิดอย่างนั้น ถึงขั้นนี้แล้ว เขาควรทูลซุ่นตี้ให้ชัดเจน

 

 

พอคิดได้อย่างนี้ เขาก็เข้าวังไปหาซุ่นตี้ทันที

 

 

ซุ่นตี้กำลังทอดพระเนตรฎีกาอยู่ที่ห้องทรงพระอักษร พระองค์ทรงเป็นฮ่องเต้ที่ดีมีความหมั่นเพียรรักราษฎร แม้ทรงทำผิดพลาดไม่น้อย แต่สำหรับราษฎรแล้ว พระองค์เป็นฮ่องเต้ที่ดี

 

 

พอทอดพระเนตรเห็นฟู่เฉินหรงเข้ามา ซุ่นตี้ทรงวางฎีกาในพระหัตถ์ พระเนตรฉายแววชื่นชม เด็กคนนี้เป็นอัจฉริยะที่บ่มเพาะได้ โดดเด่นกว่ารัชทายาทตวนฮุ่ยเมื่อก่อนมาก วันหลังจะต้องเป็นฮ่องเต้ที่มีความสามารถ มอบแคว้นเจียงให้เขา ซุ่นตี้วางพระทัยมาก

 

 

หลังจากฟู่เฉินหรงถวายบังคมแล้ว ซุ่นตี้ตรัสด้วยพระสุรเสียงอ่อนโยน “ลุกขึ้นเถอะ! เฉินหรง เวลานี้ไม่อ่านฎีกาอยู่วังตะวันออก มาหาเจิ้นที่นี่มีอะไรไม่เข้าใจหรือ”

 

 

“หลานมีเรื่องหนึ่งที่ไม่เข้าใจจริงๆ  พระอัยกาโปรดอธิบาย”

 

 

“ไม่เข้าใจอะไร”

 

 

“พระอัยกาเป็นฮ่องเต้ที่ดี หลายปีมานี้ทรงว่าราชการด้วยความหมั่นเพียรและทรงรักราษฎร ราษฎรก็รักพระองค์ พระอัยกาไม่ใช่ไม่มีจุดด่างพร้อยในบันทึกประวัติศาสตร์”