แดนนิรมิตเทพ บทที่ 699
เฉินโม่ไม่ฟังคำเตือน ยังคงเดินไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ ด้วยความมั่นคงและสงบ

เมื่อเฉินโม่มองฉีเยว่หยูที่สีหน้าเต็มไปด้วยความวิตกกังวล และกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ผมกลับไม่ได้ เพราะผมคือเฉินไต้ซือ!”

ฮ่า ๆ!

ไม่รู้ว่าใครหัวเราะออกมา จากนั้นทั่วห้องโถงก็เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ

“เจ้าเด็กคนนี้บ้าหรือเปล่า? ถ้าเขาเป็นเฉินไต้ซือ ผมก็เป็นหวางไต้ซือแล้ว?”

“ถ้าเช่นนั้นผมก็เป็นหลี่ไต้ซือ คุณเป็นจ้าวไต้ซือ และพวกเราทุกคนล้วนเป็นไต้ซือ!”

“ฮ่า ๆ ๆ!…….”

เช่นเดียวกับทุกครั้งที่ผ่านมา เพราะไม่มีใครเชื่อว่าเฉินโม่คือเฉินไต้ซือ แม้แต่ฉีเยว่หยูก็ไม่เชื่อว่าเฉินโม่คือเฉินไต้ซือ

“เฉินโม่ นายรีบกลับมาเถอะ อย่าก่อกวนอีกเลย เพื่อเห็นแก่ที่นายเป็นแค่นักเรียนมัธยมปลาย ไต้ซือที่แท้จริงจะไม่ถือสานายหรอก!” ฉีเยว่หยูโกรธจนเกือบจะหัวเราะออกมา

ฉีหมิงซานมองเฉินโม่ด้วยสีหน้าเหยียดหยาม และกล่าวเยาะเย้ยว่า “เจ้าเด็กคนนี้อยากเด่นจนบ้าไปแล้ว ไม่ต้องการแม้แต่ชีวิต ถ้าเขาเป็นเฉินไต้ซือ ผมก็เป็นเทพเจ้าแล้ว?”

หวางเส้าหยู่หัวเราะเสียงดัง “คนขี้ขลาดคนนี้ช่างตลกจริงๆ นึกไม่ถึงว่าเขากล้าแอบอ้างเป็นเฉินไต้ซือ ช่างน่าขำเสียจริง ๆ!”

ใบหน้าที่สวยงามของเสิ่นหยูปิง ก็อดไม่ได้ที่จะแสดงรอยยิ้มเหยียดหยาม มองเฉินโม่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเยาะเย้ย “คนขี้ขลาดคนนี้บ้าไปแล้ว!”

กู้เฟิงผู้ทรงอิทธิพลแห่งเจียงเป่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย และเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขำเฉินโม่ “เมื่อสักครู่ผมยังชมว่าเขาเป็นคนที่กล้าหาญมาก กล้าที่จะยืนออกมาตอนที่ตระกูลมู่หรงตกอยู่ในอันตราย แต่นึกไม่ถึงว่าเขาจะเป็นคนบ้าที่รนหาความตาย!”

ลุงสวี่ที่อยู่หลังเขา ส่ายศีรษะและมองเฉินโม่ด้วยสายตาเหยียดหยามยิ่งขึ้น

มีเพียงมู่หรงเค่อและลุงสุ่ยเท่านั้นที่รู้สถานะของเฉินโม่ ตอนนี้สีหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความปีติยินดี

ตอนนี้มู่หรงเค่อรู้สึกโล่งอก “ในที่สุดเฉินไต้ซือก็ยอมลงมือแล้ว!”

เฉินโม่เดินขึ้นไปบนเวทีทีละก้าว ไม่มีพลังใด ๆ ออกมาจากร่างกาย ไม่ต่างไปจากนักเรียนมัธยมปลายธรรมดาคนหนึ่ง

ตอนที่เฉินโม่ยืนอยู่บนเวที ฉีเยว่หยูที่อยู่ด้านล่างก็ตะโกนอีกครั้ง “เฉินโม่ รีบกลับมาเถอะ! เขาจะฆ่านายจริงๆ!”

เฉินโม่ไม่ได้หันกลับมา เขามองซุนบาเทียนด้วยรอยยิ้ม น้ำเสียงแผ่วเบาก้องไปทั่วห้องโถง “วางใจเถอะ เขาฆ่าผมไม่ได้หรอก!”

ซุนบาเทียนหรี่ตาลง มองเฉินโม่ด้วยความสงสัย “เจ้าหนู แกรู้ผลที่ตามมาจากการแอบอ้างเป็นเฉินไต้ซือหรือไม่?

“เพื่อเห็นความเป็นเด็กของแก คุกเข่าก้มกราบและยอมรับความผิด แล้วฉันจะไว้ชีวิตแก!”

แม้แต่ซุนบาเทียนก็ไม่เชื่อว่าเฉินโม่เป็นเฉินไต้ซือ เพราะเขารู้เพียงแค่ว่าเหรินเทียนหยู่ถูกเฉินไต้ซือฆ่าตาย แต่เขาไม่รู้ข้อมูลทั้งหมดของเฉินไต้ซือ

ซุนบาเทียนก็เหมือนกับคนทั่วไป เขาคิดว่าเฉินไต้ซือที่เป็นยอดฝีมือ อย่างน้อยต้องมีอายุห้าสิบปีขึ้นไป

เฉินโม่ยิ้มบาง ๆ และกล่าวด้วยน้ำเสียงหยอกล้อว่า “ถ้าแกคุกเข่าแล้วขอความเมตตา ฉันก็สามารถไว้ชีวิตแกได้เช่นกัน”

“จองหอง!”

ยังไม่ทันที่ซุนบาเทียนจะพูดอะไร หวงเจิ้นหลงผู้ทรงอิทธิพลแห่งไห่ตงที่อยู่ด้านล่างก็ตะโกนด้วยความโมโหว่า “เจ้าหนู กล้าดูหมิ่นคุณซุน แกเบื่อที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้วใช่ไหม?”

เฉินโม่หุบยิ้มทันที แล้วหันไปมองหวงเจิ้นหลง ภาพของกองซากศพนองเลือดปรากฏอยู่ในดวงตา และกล่าวด้วยความเย็นชาว่า “ไสหัวออกไป !”

หวงเจิ้นหลงหน้าซีดทันที สั่นไปทั้งตัวและเหงื่อออกราวกับหยาดฝน

“ช่วยด้วย ช่วยด้วย!” หวงเจิ้นหลงร้องราวกับว่าเขาเห็นผี หันหลังแล้ววิ่งเข้าไปในฝูงชน หลบซ่อนตัวอยู่หลังลูกน้องของตนเอง สั่นไปทั้งตัว ไม่มีความสง่างามของผู้ทรงอิทธิพลเหลือแม้แต่น้อย

“ฮ่า ๆ ๆ! ผู้ทรงอิทธิพลแห่งไห่ตงคนนี้ ช่างขี้ขลาดจริง ๆ นึกไม่ถึงว่าเขาจะตกใจกลัวสายตาของชายหนุ่มคนหนึ่ง!”

ผู้ชมที่ไม่รู้อะไรเหล่านั้นหัวเราะเยาะหวงเจิ้นหลง

อย่างไรก็ตาม ผู้ทรงอิทธิพลหลายคนที่อยู่ใกล้ กลับเห็นภาพนี้แตกต่างกัน