ตอนที่ 1616

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 1,616 : เยี่ยมญาติ

 

ผู้ดูแลประตูหน้าตระกูลซือถูคนดังกล่าว เมื่อปลีกตัวออกมาแล้วมันไม่ได้กลับไปบ่มเพาะดั่งที่ว่าแต่อย่างใด

 

จุดหมายของมันคือมุ่งหน้าไปยังเขตใน!

 

กล่าวให้ชัดมันมุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์หลังหนึ่งอันเป็นที่อยู่อาศัยของรองผู้นำตระกูลซือถู ซือถูหมิง!

 

“ท่านรองผู้นำ”

 

หลังจากแจ้งฐานะให้ผู้เฝ้าคฤหาสน์ ผู้ดูแลประตูก็สามารถเข้ามาพบเจอซือถูหมิงได้ในเวลาไม่นาน

 

“เจ้าเร่งรุดมาเช่นนี้ มีอันใดผิดปกติงั้นเหรอ?”

 

เพียงเหลือบมองครั้งหนึ่ง ซือถูหมิงก็จดจำได้ทันทีว่าผู้ดูแลประตูที่พึ่งมาพบมัน คือคนของมันที่ส่งไปเป็นสายเฝ้าหน้าประตูใหญ่

 

เมื่อมีสายที่คอยเฝ้าประตูอยู่เช่นนี้ ไม่ว่าใครจะไปใครจะมาตระกูลซือถู มันย่อมรับรู้ได้ทันที

 

“ท่านรองผู้นำ ปรมาจารย์ต้วนกลับมาแล้ว”

 

ผู้ดูแลประตูกล่าว

 

“หืม? มันพึ่งกลับมางั้นเหรอ?”

 

ซือถูหมิงขมวดคิ้ว

 

ก่อนหน้านี้ตอนที่เกิดเรื่องขึ้นในฐานปฏิบัติการของนิกาหยหยินหมิง ก็เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ต้วนหลิงเทียนออกจากตระกูลซือถูไป

 

อันที่จริงมันยังสงสัยว่าที่ฐานปฏิบัติการของนิกายหยินหมิงเกิดเรื่อง ใช่มีส่วนเกี่ยวข้องกับต้วนหลิงเทียนรึเปล่า เพราะอย่างไรพลังฝีมือของอีกฝ่ายก็สูงมากพอจะติด 10 อันดับแรกในรายนามนภา!

 

อย่างไรก็ตามพอมันคิดถึงพลังฝีมือของรองประมุขที่เฝ้าฐานปฏิบัติการนิกายหยินหมิงอย่างโจวชู มันก็คิดว่าต้วนหลิงเทียนไม่น่าจะใช่คู่มือของโจวชู!

 

“ขอรับท่าน”

 

ผู้ดูแลประตูพยักหน้ารับ พร้อมกล่าวสืบต่อ “ครั้งนี้เขายังนำคนมาด้วยอีก 8 คน”

 

“นำคนมาด้วย 8 คนงั้นเหรอ?”

 

ซือถูหมิงขมวดคิ้วด้วยสงสัย “เป็นผู้ใดกัน?”

 

“เรื่องนี้ข้าน้อยก็มิทราบแน่ชัด”

 

ผู้ดูแลประตูส่ายหัว

 

“เอาล่ะ ข้าเข้าใจแล้ว เจ้ากลับไปเถอะ”

 

ซือถูหมิงตอบ พร้อมโบกมือให้ผู้เฝ้าประตูล่าถอยไป

 

หลังผู้ดูแลประตูจากไป คิ้วซือถูหมิงพลันขมวดขึ้นมาเป็นปมอีกครั้ง สีหน้ายังมืดลงปานศพ “ต้วนหลิงเทียนบัดซบนี่มันผุดโผล่มาจากที่ใดกันแน่…อยู่ๆกลับโผล่หัวขึ้นมาในประเทศฝูเฟิงทั้งทำลาย ‘เรื่องดีๆ’ ของข้าจนย่อยยับหมดสิ้น!”

 

‘เรื่องดีๆ’ ที่ซือถูหมิงกล่าวถึง ย่อมเป็นเรื่องที่มันเกือบฆ่าซือถูหังได้สำเร็จ!

 

เรื่องนั้นไม่ใช่อะไรที่บุตรชายของมันคนเดียวจะกระทำได้ ผู้ที่อยู่เบื้องหลังที่แท้จริงย่อมเป็นตัวมันเอง

 

ข่าวการกลับมาของต้วนหลิงเทียนย่อมแพร่ไปถึงหูผู้นำตระกูลอย่างซือถูฮ่าวและคุณชายใหญ่ของตระกูลซือถูอย่างซือถูหังทันที ทั้งสองเร่งรุดออกมาต้อนรับทักทายต้วนหลิงเทียนทันที

 

“ผู้นำตระกูล คุณชายใหญ่หัง”

 

เมื่อเห็นซือถูฮ่าวกับซือถูหังเร่งรุดออกมาต้อนรับ ต้วนหลิงเทียนก็ยิ้มทักทันที ก่อนที่จะแนะนำป๋ายลี่หง เฟิ่งหวู่เต้ารวมถึงคนอื่นๆให้ทั้งคู่รู้จัก

 

“ท่านปรมาจารย์ป๋ายลี่”

 

สำหรับป๋ายลี่หงนั้น ซือถูฮ่าวกับซือถูหังได้ยินต้วนหลิงเทียนกล่าวถึงมานานแล้ว

 

แน่นอนว่าเฟิ่งหวู่เต้าและคนอื่นๆก็ไม่ถูกลืมแต่อย่างใด ทั้งคู่ก็ทักทายด้วยความสุภาพเช่นกัน เพราะนี่คือสหายอันดีของต้วนหลิงเทียน

 

ไม่นานซือถูฮ่าวก็ให้คนไปจัดเตรียมที่พักแก่ทั้งหมดอย่างดี แน่นอนว่าให้อยู่อาศัยที่คฤหาสน์ของซือถูหัง ที่มีห้องหับเหลือเฟือ

 

เรื่องนี้แน่นอนว่าเพื่ออำนวยความสะดวก และสร้างความพึงพอใจให้กับต้วนหลิงเทียนกับสหายที่รอนแรมเดินทางมาไกลด้วยดี

 

หลังจากที่ได้รับการจัดแจงที่พักอะไรแล้วเสร็จ ต้วนหลิงเทียนก็หันไปยิ้มกล่าวกับป๋ายลี่หง และพวกเฟิ่งหวู่เต้า “ศิษย์พี่ ลุงเฟิ่งครู และก็ทุกคน ทั้งหมดคงเหนื่อยกันมามากแล้ว ไปพักผ่อนกันก่อนเถอะ…อ่า ลุงเฟิ่งพรุ่งนี้ข้าจะพาท่านไปยังนิกายอัคคีล่องลอยด้วยตัวเองแต่เช้า”

 

“อ่า”

 

ถึงแม้เฟิ่งหวู่เต้าจะแลดูเป็นกังวลและร้อนใจไม่น้อย แต่มันก็ไม่ได้รีบร้อนถึงขนาดนั้น หลังจากพยักหน้าเป็นเชิงตกลง มันก็กลับไปพักผ่อนยังห้องหับที่ถูกเตรียมไว้ให้ทันที

 

หลังจากกล่าวลาป๋ายลี่หงกับคนอื่นๆแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็เดินไปคฤหาสน์ของซือถูหังพร้อมกับซือถูฮ่าวทันที

 

“ท่านปรมาจารย์ต้วน ท่านกลับสามารถไปช่วยทุกคนได้ด้วยตัวท่านเองจริงๆ!”

 

ซือถูหังกล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้น

 

“ท่านปรมาจารย์ต้วน ท่านเดินทางไปนิกายหยินหมิงครั้งนี้ ท่านมิได้พบกับประมุขและอาวุโสสูงสุดของนิกายงั้นหรือ?”

 

ซือถูฮ่าวกล่าวถาม

 

มันยังไม่ทราบเรื่องราวที่นิกายหยินหมิงถูกทำลายแม้แต่น้อย

 

อย่างไรก็ตามพอคิดถึงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างซือถูหมิงกับนิกายหยินหมิง มันก็รู้ดีว่าฝ่ายซือถูหมิงนั้นเป็นอย่างไร หากต้วนหลิงเทียนบุกไปทำอะไรเอิกเกริกที่นิกายหยินหมิง น่ากลัวว่าพวกมันจะยกพวกมาฆ่าต้วนหลิงเทียนแน่แล้ว

 

หากมีขอบเขตเซียนอีก 2 คนร่วมมือกับฝ่ายซือถูหมิง กระทั่งพวกมันก็อาจไม่ใช่คู่ต่อสู้

 

ถึงแม้หากเกิดเรื่องใหญ่โตถึงขั้นนั้น จนทำให้บรรพบุรุษของตระกูลซือถูออกโรง แต่น่ากลัวว่าฝ่ายของมันคงได้รับความสูญเสียไม่น้อย บางทีอาจจะสู้ฝ่ายของซือถูหมิงไม่ได้อีกเลยก็เป็นได้

 

ในฐานะที่เป็นบรรพบุรุษของตระกูลซือถู แม้ฝ่ายซือถูหมิงอาจจะทำเกินเลยไปบ้าง แต่จะอย่างไรก็เป็นตระกูลเดียวกัน เมื่อเรื่องราวการต่อสู้เห็นผลแล้ว มันก็คงไม่คิดแทรกแทรงอะไร

 

นี่คือ ‘กฏแห่งป่า’ ในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า

 

ด้วยเหตุนี้แม้ต้วนหลิงเทียนจะขอให้พวกมันช่วยเหลือในเรื่องนี้ แม้พวกมันจะสามารถช่วยได้ แต่พวกมันก็ไม่อยากจะเสี่ยงให้เกิดความสูญเสียครั้งใหญ่เช่นนั้น

 

อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนกลับอาศัยกำลังของตัวเอง ช่วยเหลือทุกคนกลับมาได้แล้วจริงๆ!

 

“ข้าย่อมเจอพวกมัน”

 

ต้วนหลิงเทียนตอบ

 

“เจอพวกมัน?”

 

ซือถูฮ่าวและซือถูหังพ่อลูกพอได้ฟัง สองตาก็อดไม่ได้ที่จะหดแคบลง “เอ่อ…ท่านเจอกับพวกมันด้วยหรือ?”

 

“ผู้อาวุโสสูงสุดนั้นตายไปแล้ว ส่วนประมุขอย่างอี้เฟิงก็หนีหายไปที่ใดไม่รู้ และตอนนี้นิกายหยินหมิงก็ไม่มีอยู่อีกต่อไป พวกมันสมควรเหลือแต่ชื่อเท่านั้น…”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกอย่างไม่รีบไม่ร้อนสีหน้าท่าทางแลดูสบายๆ คล้ายสนทนาเรื่องทั่วไปอย่างดินฟ้าอากาศ…

 

“อะไรนะ!!”

 

ทว่าวาจาสบายๆนี้ของต้วนหลิงเทียน ทำให้สองพ่อลูกถึงกับตะลึงงันจนร่างของพวกมันคล้ายจะนิ่งค้างเป็นปูนปั้น! ทั้งคู่ล้วนจับจ้องไปยังสีหน้าแววตาของต้วนหลิงเทียนว่าใช่กล่าวล้อเล่นหรือไม่ แต่ท่าทางแล้วจะไม่ได้โกหกจริงๆ

 

“คุณชายใหญ่หัง ก็ไม่ใช่ข้าบอกท่านไว้แล้วหรือว่าข้าไปครั้งนี้ อาจนำความประหลาดใจมาให้ท่าน…”

 

ต้วนหลิงเทียนมองซือถูหังพร้อมหัวเราะออกมาเบาๆ

 

ความประหลาดใจ!

 

จังหวะนี้ซือถูหังพลันย้อนนึกถึงเรื่องราวเมื่อวันก่อนขึ้นมา ถูกแล้ว ต้วนหลิงเทียนกล่าวบอกว่าไม่ต้องการความช่วยเหลือของตระกูลซือถู และจะนำความประหลาดใจมาให้!

 

อย่างไรก็ตามความประหลาดใจที่ต้วนหลิงเทียนบอก พวกมันเพียงคิดถึงเรื่องรองประมุขนิกายหยินหมิงที่ตกตายในฐานปฏิบัติการที่เมืองหลวงเท่านั้น!!

 

ตอนนี้พวกมันพลันตระหนักได้ว่าความประหลาดใจที่ต้วนหลิงเทียนกล่าว กลับไม่ใช่เรื่องนั้น…แถมยังเป็นเรื่องที่พวกมันไม่อาจคิดคาดจินตนาการได้จริงๆ ว่าจะเป็นเรื่องที่อาวุโสสูงสุดนิกายหยินหมิงตายตก ประมุขหนีหาย และความล่มสลายของนิกายหยินหมิง!

 

‘ดูเหมือนว่าปรมาจารย์ต้วน สมควรมีขุมพลังอันยิ่งใหญ่ลอบสนับสนุนอยู่’

 

ซือถูหังลอบกล่าวในใจ ‘หรือครั้งนี้จะเป็นสุดยอดฝีมือของนิกายอัคคีล่องลอยที่ลอบคุ้มครองท่านปรมาจารยต้วนอย่างลับๆ ลงมือ?’

 

พอคิดถึงความสัมพันธ์ที่แลดูสนิทสนมระหว่างแม่นางเฟิ่งกับต้วนหลิงเทียน ซือถูหังอดคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาไม่ได้ กอปรกับที่แม่นางเฟิ่งเป็นศิษย์รักของสื่ออวิ๋น เรื่องนี้ก็มีความเป็นไปได้หลายส่วนนัก

 

ความคิดของซือถูฮ่าวก็ละม้ายคล้ายกันกับซือถูหัง

 

นิกายหยินหมิงถูกทำลายแล้ว!

 

พอคิดถึงเรื่องนี้อีกครั้ง ใจของซือถูฮ่าวก็เต็มไปด้วยความยินดี แววตาที่ใช้มองต้วนหลิงเทียนอีกครั้งพลันเอ่อล้นไปด้วยความสุขยากบรรยาย

 

“ท่านปรมาจารย์ต้วน ขอบพระคุณท่านมาก!”

 

ในฐานะผู้นำตระกูลซือถู ซือถูฮ่าวถึงกับก้มหัวโค้งคารวะต้วนหลิงเทียนด้วยความขอบคุณจากใจ เรื่องนี้ถ้ากล่าวออกไปไม่ทราบจะมีคนที่ตกใจ?

 

ซือถูหังก็เร่งกล่าวขอบคุณเขาเช่นกัน

 

ต้วนหลิงเทียนย่อมเป็นธรรมชาติที่จะไม่ล่วงรู้ความคิดในหัวของซือถูฮ่าวกับซือถูหัง

 

เพียงมองไปยังซือถูฮ่าวค่อยกล่าว “ผู้นำตระกูล ศิษย์พี่กับสหายของข้าอาจจะต้องพักอาศัยที่ตระกูลซือถู เรื่องนี้…”

 

“เรื่องนี้ขอท่านปรมาจารย์ต้วนอย่าได้เกรงใจอันใด ศิษย์พี่และสหายของท่านสามารถอาศัยอยู่ในตระกูลซือถูของเราได้ตราบนานเท่านาน ทั้งหมดจะได้รับการปฏิบัติดั่งแขกผู้มีเกียรติ และพวกเราจะรับรองให้ทั้งหมดรู้สึกเสมือนได้อยู่บ้าน”

 

ก่อนที่ต้วนหลิงเทียนจะกล่าวจบ ซือถูฮ่าวเร่งกล่าวออกมาด้วยความยินดี ทั้งรับประกันความสุขสบายของทั้งหมดให้ต้วนหลิงเทียน

 

“เช่นนั้นข้าขอขอบคุณผู้นำตระกูลล่วงหน้าแล้ว”

 

ต้วนหลิงเทียนเร่งประสานมือกล่าวขอบคุณทันที

 

“ท่านปรมาจารย์ต้วน ท่านเกรงใจไปแล้ว”

 

ซือถูฮ่าวหัวเราะออกมาด้วยความยินดี “ท่านเป็นแขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถูเรา เป็นเรื่องธรรมดาที่ข้าต้องจัดการเรื่องนี้ให้ดี”

 

“ท่านปรมาจารย์ต้วน…”

 

ทันใดนั้นซือถูหังคล้ายจะนึกอะไรบางอย่างออก มันร้องทักต้วนหลิงเทียนขึ้นมาก่อนที่จะมองถามด้วยสายตาจริงจัง “ว่าแต่ก่อนหน้านี้ข้าได้ยินท่านสนทนากับ คุณชายเฟิ่ง ว่าจะพาไปยังนิกายอัคคีล่องลอยในวันพรุ่งนี้…”

 

“อ่าใช่”

 

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า

 

“ท่านปรมาจารย์ต้วน”

 

ตอนนี้เองสีหน้าซือถูฮ่าวก็เข้มขรึมขึ้นมาทันที “ท่านคงมิทราบว่าในตอนที่ท่านมิอยู่ ฝ่ายซือถูหมิงได้มีความเคลื่อนไหวไม่น้อย…ก่อนหน้านี้ที่ท่านออกเดินทางยังดีที่พวกมันไม่รู้ว่าท่านไปที่ใด แต่ตอนนี้พวกมันพบว่าท่านกลับมาแล้ว น่ากลัวพวกมันต้องจ้องเล่นงานท่านทุกฝีก้าวแน่”

 

“หากท่านออกเดินทางพรุ่งนี้ ข้ากลัวว่าท่านอาจจะพบกับการซุ่มโจมตี”

 

ซือถูฮ่าวเปิดเผยเรื่องที่มันกำลังกังวลใจออกมาทันที

 

“ถูกแล้ว”

 

ซือถูหังเองก็พยักหน้าลงด้วยความเคร่งเครียด “ถึงแม้ว่าพรุ่งนี้ท่านปู่โฮ่วจะไปกับท่าน ก็นับว่ายังเสี่ยงอันตรายและมิปลอดภัยเท่าไหร่…จากที่ข้ารู้มา ฝ่ายซือถูหมิงมันสงสัยว่าท่านเป็นผู้ที่ฆ่าผู้ดูแลฐานปฏิการของนิกายหยินหมิงที่เมืองหลวงแล้ว และนับว่าท่านได้ทำลายแผนชั่วของพวกมันไปหลายครั้งหลายครา ตราบใดที่พวกมันพบโอกาสเหมาะ พวกมันไม่ยอมเลิกราง่ายๆเป็นแน่”

 

“เรื่องแค่นี้เองเหรอ?”

 

ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวออกมาด้วยรอยยิ้ม ไม่คล้ายจะแยแสอะไรมากมาย

 

“ท่านประมาจารย์ต้วน เรื่องนี้ท่านมิอาจดูเบาพวกมัน…ซือถูหมิงนั่นมันคนบ้า แถมเพราะท่านทำลายแผนการของมันโดยช่วยหัง ถึงแม้คราวนี้ข้าไม่รู้ว่ามันจะลงมือด้วยตัวเองหรือไม่…แต่ข้าเองก็ไม่อาจวางใจปล่อยให้ท่านเดินทางทั้งๆที่เสียงได้”

 

ซือถูฮ่าวเผยยิ้มขื่นขม “พรุ่งนี้ต่อให้อาวุโสโฮ่วไปคอยคุ้มกันท่าน ก็มิแน่ว่าจะปลอดภัย หากซือถูหมิงมันนำกำลังคนออกมาฆ่าท่านด้วยตัวเอง พร้มกับอาวุโสขอบเขตเซียนทั้ง 2 ข้ากลัวว่าต่อให้เป็นผู้อาวุโสโฮ่วกับข้าร่วมมือกัน ก็ยากจะที่จะหยุดพวกมันได้…”

 

“อย่างไรก็ตาม หากท่านปรมาจารย์คิดจะเดินทางไปให้ได้จริงๆ ข้าก็ยินดีติดตามท่านไปพร้อมกับอาวุโสโฮ่ว”

 

เมื่อเห็นว่าคล้ายต้วนหลิงเทียนจะไม่ได้ตัดสินใจเด็ดขาด ซือถูฮ่าวก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ พร้อมกล่าวออกมา

 

“ท่านผู้นำตระกูล น้ำใจนี้ของท่านข้าขอรับไว้ด้วยใจแล้ว แต่เรื่องนี้ท่านไม่จำเป็นต้องลำบากหรอก”

 

ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมาด้วยรอยยิ้มบางๆ ก่อนที่จะกล่าวออกพร้อมประกายตาสดใส “ตราบใดที่ท่านช่วยกระจายข่าวเรื่องวัตถุประสงค์การเดินทางไปเยือนนิกายอัคคีล่องลอยของข้าครั้งนี้ออกไป ต่อให้ฝ่ายซือถูหมิงมันจะมีความกล้ามากกว่านี้อีกร้อยเท่า พวกมันก็ไม่กล้าลงมือเด็ดขาด!”

 

“วัตถุประสงค์การเดินทางหรือ? เป็นวัตถุประสงค์อันใดหรือท่าน?”

 

คล้ายจะถูกความเชื่อมั่นของต้วนหลิงเทียนทำให้คล้อยตามก็ไม่ปาน ซือถูฮ่าวอดไม่ได้ที่จะกล่าวถามออกมาด้วยความอยากรู้

 

ซือถูหังเองก็มองจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็นเช่นกัน

 

“ลุงเฟิ่งของข้าไม่ใช่ผู้ไร้หัวนอนปลายเท้า แต่ท่านคือบิดาของแม่นางเฟิ่งแห่งนิกายอัคคีล่องลอย! พวกท่านเพียงกระจายข่าวว้าข้ากับลุงเฟิ่งจะไปเยี่ยมญาติที่นิกายอัคคีล่องลอย ทั้งเผยแพร่ออกไปว่าลุงเฟิ่งคือบิดาของแม่นางเฟิ่ง…คราวนี้ข้าเองก็อยากจะรู้นัก…ว่าพวกมันยังจะกล้าลงมืออีกหรือไม่”

 

ต้วนหลิงเทียนยิ้มบางๆ กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงมั่นใจ

 

คำพูดประโยคนี้ของต้วนหลิงเทียน ยามดังในหูของพ่อลูกตระกูลซือถู ประหนึ่งห่าระเบิดถล่มลงมาก็ไม่ปาน ถึงขั้นที่พวกมันตะลึงลานกันไปแล้ว

 

“คุณชายเฟิ่งผู้นั้น…กะ…กลับเป็นถึงบิดาของแม่นางเฟิ่ง!?”

 

ซือถูหังตกใจนัก สองตาของมันยังเบิกโพลงออกมาแทบถลนเบ้าปานลูกวัวแรกเกิด