นอร์แมนชูของเหลวในแก้วให้จิ้นหยวนดู “ถ้าผมบอกว่านี่คือยาถอนพิษ คุณกล้าดื่มหรือเปล่า?” 

 

 

จิ้นหยวนรับมันมาดู “จริงเหรอ?” ทำท่าเหมือนจะดื่มทันทีที่ได้ยินคำว่าใช่ 

 

 

นอร์แมนกลัวเขาจะดื่มจริง รีบแย่งแก้วคืนมา “คุณใจกล้ามากเกินไปแล้ว ไม่กลัวผมทำคุณตายหรือไง” 

 

 

จิ้นหยวนยิ้มบางๆ “จะใช้คนก็อย่าระแวง หากระแวงก็อย่าใช้” 

 

 

นอร์แมนสะอึก โบกมือไปมาราวกำลังไล่คนน่ารำคาญ “คุณรีบกลับไปเลย กลับไปได้แล้ว เอาแต่พูดเหลวอยู่ได้ รบกวนผมทำงาน” 

 

 

จิ้นหยวนไม่ขยับ จ้องของเหลวในมือเขานิ่ง “ใกล้จะได้ยาถอนพิษแล้วใช่ไหม?” 

 

 

นอร์แมนถอนหายใจ “ถึงคุณจะรีบมากแต่ใช่ว่าจะได้เร็วขนาดนั้น ตอนนี้ใกล้แล้ว แต่ยังต้องวิจัยต่ออีก ถ้าเกิดมีผลข้างเคียงขึ้นมาเดี๋ยวจะยุ่ง” 

 

 

“แล้วจะรู้ผลเมื่อไหร่?” จิ้นหยวนเอ่ยถามโดยไม่สนใจคำแก้ตัวของเขา  

 

 

“สามวัน ผมขอเวลาสามวันได้ไหม” นอร์แมนจนคำพูด จำใจระบุเวลาให้เขาสบายใจ จากนั้นทั้งผลักทั้งดันเขาออกจากห้อง “คุณกลับไปได้แล้ว ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว รีบกลับไปอยู่เป็นเพื่อนแฟนตัวเองได้แล้ว ผมรับรองว่าอีกสามวันคุณจะได้สาวน้อยที่มีชีวิตชีวาของคุณคืนมาแน่ โอเคไหม?” 

 

 

จิ้นหยวนยังคงยืนนิ่งไม่ไหวติง จ้องเขานิ่ง “จำคำพูดของคุณเอาไว้ด้วย” 

 

 

นอร์แมนหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในห้องทดลองแล้วปิดประตูดังปังใหญ่เป็นคำตอบ 

 

 

จิ้นหยวนกลับถึงบ้านเมื่อดึกมากแล้ว เขาดูนาฬิกา คำนวณแล้วตัวเองน่าจะหลับไปประมาณสามชั่วโมง ดูเหมือนนอร์แมนจะกะปริมาณยาได้ดี 

 

 

เขาสั่งให้สาวใช้ออกจากห้อง เขาใช้ไม้พันสำลีชุบน้ำแตะริมฝีปากเธอเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น เช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ให้เธอ จากนั้นค่อยลงมือจัดการงานของตัวเอง หลังเสร็จงานแล้วจึงปีนขึ้นเตียงนอนกอดเธอเหมือนเช่นทุกคืน 

 

 

แต่เมื่อเขาตื่นจากฝัน ใบหน้าเธอยังคงขาวซีดเหมือนเดิม ร่างกายยังคงผอมแห้งเหมือนเดิม ข้อมือลีบเล็กจนเขาสามารถกำมันจนรอบด้วยนิ้วเพียงสองนิ้วเท่านั้น มันทำให้เขาตระหนกจนต้องโยนความฝันแสนหวานไปไกลๆ 

 

 

นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าเหตุใดเขาจึงบีบนอร์แมนให้รีบวิจัยยาถอนพิษให้ได้โดยเร็วที่สุดโดยไม่สนใจว่านอร์แมนจะไม่พอใจ เขาเป็นกังวลมากและกลัวว่าขืนยังเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ร่างกายเธอจะต้องรับไม่ไหวแน่ 

 

 

โชคดีที่แรงกดดันของเขาได้ผล เพราะวันที่สามนอร์แมนเป็นคนโทรศัพท์หาจิ้นหยวนก่อนเป็นประวัติการณ์ เขาพูดแค่ประโยคเดียว “ได้ยาถอนพิษแล้ว” จิ้นหยวนได้ยินแล้วโยนโทรศัพท์ทิ้งแล้ววิ่งออกไปทันที ทิ้งให้คนทั้งห้องประชุมงงเป็นไก่ตาแตกอยู่ข้างหลัง   

 

 

หลินจื้อเฉิงได้แต่ลอบถอนหายใจ พี่ใหญ่หนอพี่ใหญ่ ใจร้อนก็ไม่เห็นต้องรีบร้อนขนาดนั้นเลยนี่ นี่มันกลางที่ประชุมเลยนะ 

 

 

ช่วยไม่ได้ เรียกกลับมาตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว เพราะจิ้นหยวนวิ่งหายไปแล้ว รองประธานอย่างเขาคงต้องทำหน้าที่แทนเสียแล้ว เขาเอ่ยเพื่อแก้ไขสถานการณ์อย่างช่วยไม่ได้ “ขออภัยนะครับ การประชุมต่อจากนี้ผมจะเป็นคนทำหน้าที่แทนเอง…” 

 

 

จิ้นหยวนขับรถห้อตะบึงไม่หยุดยั้ง ฝ่าไฟแดงไม่รู้กี่ไฟแดง ระยะทางที่ต้องใช้เวลาขับรถประมาณหนึ่งชั่วโมงย่นย่อเหลือเพียงแค่ยี่สิบกว่านาทีเท่านั้น เขาวิ่งพุ่งเข้าไปในห้องทดลอง ยังไม่ทันที่เขาจะได้อ้าปากนอร์แมนก็ยื่นหลอดใส่ของเหลวไปตรงหน้าเขา “ของที่คุณต้องการ เอาไปสิ” 

 

 

“นี่เป็นยาถอนพิษเหรอ?” อาจเป็นเพราะรอนานเกินไป ทำให้ตอนนี้เขาชักไม่มั่นใจขึ้นมาเสียดื้อๆ เขาถือหลอดของเหลวสีใสแจ๋วพลางมองหน้านอร์แมนอย่างขอความมั่นใจ 

 

 

นอร์แมนกรอกตามองบน ยื่นมือออกไปแย่งหลอดยา “ถ้าไม่เชื่อก็เอาคืนมา” 

 

 

จิ้นหยวนเบี่ยงตัวหลบเขาได้อย่างง่ายดาย หลังแน่ใจแล้วจึงหมุนตัวเดินออกไป “ขอบคุณมาก ผมจะทำตามสัญญา ต่อไปตระกูลจิ้นจะเป็นผู้สนับสนุนเงินทุนต่างๆ ให้กับงานวิจัยของคุณเอง” 

 

 

นอร์แมนพยักหน้าพลางเอ่ยเรียบเฉย “ขอบคุณ” 

 

 

นอร์แมนเอ่ยจบพลันจิ้นหยวนเดินหายไปแล้ว 

 

 

ก่อนหน้านี้จิ้นหยวนตกลงกับนอร์แมนเอาไว้ หากนอร์แมนสามารถทำยาถอนพิษได้สำเร็จ ชีวิตที่เหลือของนอร์แมนก็ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินทุนอีกต่อไป 

 

 

บางครั้งนอร์แมนอดกลัวไม่ได้ว่าจิ้นหยวนแค่พูดไปอย่างนั้น ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะพูดจริงทำจริง 

 

 

“แย่แล้ว!” เขาเขกกบาลตัวเองเบาๆ เพราะเพิ่งนึกอะไรขึ้นมาได้ “ลืมบอกเขาว่ายานั่นจะออกฤทธิ์หลังใช้ยาสองชั่วโมง” 

 

 

“รีบโทรบอกเขาดีไหมครับ?” เดวิดเอ่ยถามอย่างไม่ค่อยแน่ใจนัก 

 

 

“ไม่ต้องหรอก” เขาครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วตัดสินใจเด็ดขาด “ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น วันๆ เอาแต่โหวกเหวกโวยวายใส่คนแก่อย่างฉัน ไม่มีมารยาทสักนิด ครั้งนี้ถือว่าเป็นการสั่งสอนเล็กๆ น้อยๆ ก็แล้วกัน ไหนๆ ก็แค่สองชั่วโมงเอง ไม่นานหรอก” 

 

 

ชั่ววินาทีที่จิ้นหยวนหยดน้ำยาลงในปากที่ปิดแน่นของเฉียวซือมู่ หัวใจเขาเต้นแรงราวกับเด็กหนุ่มอายุสิบแปดที่ได้เจอเทพธิดาในดวงใจเป็นครั้งแรกอย่างไรอย่างนั้น 

 

 

เขาพยายามสะกดกลั้นความตื่นเต้นเอาไว้ ค่อยๆ หยดน้ำยาลงในปากเธอทีละหยดๆ เนื่องจากเธอหลับไม่ได้สติ ทำให้น้ำยาไหลออกจากปากเธอไม่น้อย เขาเช็ดมันออกอย่างอดทน จากนั้นหยดน้ำยาต่อ 

 

 

ในที่สุด น้ำยาในหลอดก็ถูกเขาใช้จนหมด เขากลั้นหายใจ รอเสี้ยววินาทีที่เธอจะลืมตาขึ้นอย่างใจจดใจจ่อ 

 

 

แต่ว่า หนึ่งนาทีผ่านไป ห้านาทีผ่านไป หนึ่งชั่วโมงผ่านไป สองมือที่วางอยู่บนหัวเข่ากำจนแน่นแล้วคลายออก คลายออกแล้วกำกันแน่น จนฝ่ามือเขาเต็มไปด้วยเหงื่อเปียกชื้น แต่เธอยังคงหลับตาแน่นเหมือนเดิม 

 

 

จากตื่นเต้นจนถึงคาดหวัง จากคาดหวังแปรเปลี่ยนเป็นสงบนิ่ง จนกระทั่งแปรเปลี่ยนเป็นผิดหวัง ในใจเต็มไปด้วยความอัดอั้น เขาจับจ้องใบหน้าที่ยังคงไร้สีเลือดของเธอ จากนั้นลุกขึ้นเดินไปมาด้วยความกระวนกระวายใจ ทำไมเธอถึงยังไม่ตื่น? หรือว่าเขากดดันนอร์แมนมากเกินไป จนนอร์แมนเอาน้ำเปล่ามาหลอกเขา? 

 

 

ไม่ เขาไม่กล้าทำแบบนั้นหรอก ถ้าเช่นนั้น… 

 

 

สีหน้าเขาเคร่งเครียด ฝีเท้าเร็วยิ่งขึ้น ในที่สุด เขาก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาชะงักฝีเท้า หมุนตัวหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา 

 

 

ทันใดนั้น เสียงไอแค่กๆ ที่เบาจนแทบจะไม่ได้ยินเสียงดังขึ้นจากทางด้านหลัง แม้เสียงไอนั้นจะเบามากเสียจนคนที่หูไม่ดีอาจจะไม่ได้ยิน แต่สำหรับเขาแล้ว มันกลับเหมือนเสียงฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ ที่ดังกัมปนาทอยู่เหนือศีรษะเขา 

 

 

ร่างกายเขาสั่นเทาอย่างควบคุมไม่อยู่ ไม่กล้าแม้แต่จะหันกลับไปมอง เพราะกลัวว่าตัวเองจะหูฝาดไปเอง แต่ดูเหมือนว่าคนที่อยู่ด้านหลังจะรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ทันใดนั้น เสียงไอดังขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้เสียงดังขึ้นมากกว่าเดิม 

 

 

เขาหมุนตัวกลับ มองไปยังเธอด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ พลันเห็นเฉียวซือมู่ที่เคยหลับตาแน่นลืมตาขึ้นแล้ว แม้เธอจะนอนหลับไม่ได้สติเป็นเวลานาน แต่ดวงตาเธอยังคงสุกใสราวหยกสีดำ 

 

 

“คุณ…” เธอเอ่ยได้เพียงคำเดียวแล้วต้องชะงัก สีหน้าไม่อยากจะเชื่อ “เสียง… เสียงฉัน…” 

 

 

เสียงเธอแหบแห้งเหมือนยายแก่ๆ ฟังดูน่าเกลียดจนตัวเองรับไม่ได้