ตอนที่ 243 ดูแลเอาใจใส่

เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย

จิ้นหยวนเดินก้าวยาวเข้าไปหาเธอ จับมือเธอเอาไว้ มุมปากยกยิ้มน้อยๆ “ไม่เป็นไร คุณหลับไปนานถึงเป็นแบบนี้ อีกไม่กี่วันก็หายดีเหมือนเดิมแล้ว” 

 

 

คำพูดของเขาทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น ทันใดนั้น เธอมองเขาด้วยความไม่เข้าใจ “ทำ… ทำไมคุณ…คุณ… ถึง…” 

 

 

เขาใช้นิ้วแตะปากเธอไม่ให้พูดอีกเพราะไม่อยากเห็นเธอทำร้ายกล่องเสียงตัวเอง เขาเอ่ยเสียงอ่อนโยน “ผมรับตัวคุณกลับมาจากมิลาน ต่อไปคุณต้องอยู่รักษาตัวที่นี่ คุณสบายใจได้ ตอนนี้เรากำจัดพิษออกจากตัวคุณหมดแล้ว” 

 

 

สายตาเธอไม่เข้าใจมากยิ่งขึ้น พยายามเปล่งเสียงพูด “ถูก… ถูกพิษ? ทำ… ทำไม?” 

 

 

เขากลุ้มใจที่เธอไม่ยอมเชื่อฟังเขา แต่พอนึกขึ้นได้ว่าเธอไม่รู้เรื่องอะไรเลย เขาก็รู้สึกสงสารเธอขึ้นมาอีก เขาห่มผ้าห่มให้เธออย่างเบามือ เอ่ยอ่อนโยน “ใช่ คุณถูกวางยาพิษในแก้วไวน์ ทำให้คุณหลับไม่ได้สติเป็นเวลานานมาก” 

 

 

เมื่อเห็นสายตาไม่อยากจะเชื่อของเธอ เขาจึงยกโทรศัพท์มือถือขึ้น ในนั้นปรากฎวันที่ชัดเจน ซึ่งเป็นวันที่ที่ห่างจากความทรงจำครั้งสุดท้ายของเธอสองเดือนเต็ม เธอเบิกตาโตอย่างไม่อยากจะเชื่อ 

 

 

เขาจุมพิตลงบนหน้าผากเธอด้วยความสงสาร “คุณถูกวางยาพิษ ฉีหย่วนเหิงดูแลคุณไม่ดี ผมลงโทษเขาแล้ว เพราะฉะนั้น ต่อไปเขาจะไม่มาให้คุณเห็นหน้าอีก” 

 

 

เธออ้าปากค้างด้วยความตกใจ แต่กลับพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว 

 

 

เขาเข้าใจความรู้สึกเธอดี ในความทรงจำของเธอ เธอแค่หลับไปเท่านั้น แต่พอตื่นขึ้นมากลับพบว่าทุกสิ่งทุกอย่างแปรเปลี่ยนไปหมด คนตรงหน้าเปลี่ยนไปแล้ว แม้แต่ตัวเธอเองก็กลับจากต่างประเทศแล้ว และที่สำคัญ เธอหลับไปนานถึงสองเดือนเต็ม! 

 

 

เขารู้ดีว่าเธอตกใจมากแค่ไหน แต่จิ้นหยวนพูดกับเธอเพียงแค่นั้นแล้วหมุนตัวเดินออกจากห้อง เธอจึงได้แต่นอนมองเพดานโดยพูดอะไรไม่ออก 

 

 

เธอลองขยับแขนขาถึงได้รู้ว่าสิ่งที่เขาพูดเป็นความจริง เพราะแขนขาเธอไม่ฟังคำสั่งเลยสักนิด เธอต้องออกแรงอย่างหนักกว่าจะพยุงตัวให้ลุกขึ้นนั่งได้ เรื่องที่เคยเป็นเรื่องง่ายๆ กลับกลายเป็นเรื่องที่ยากมาก มันทำให้เธอเหนื่อยจนหายใจหอบ 

 

 

เธอคงไม่ได้กลายเป็นคนพิการไปแล้วใช่ไหม? เธอคิดแล้วกลัวจนอกสั่นขวัญแขวน เธอไม่กล้าคิดถึงสภาพที่ตัวเองต้องนอนเป็นผักอยู่บนเตียงตลอดชีวิต ถ้าเป็นแบบนั้น เธอขอตายเสียยังดีกว่า 

 

 

เธอคิดถึงเรื่องราวโศกนาฏกรรมต่างๆ จนเกือบจะร้องไห้ออกมา จิ้นหยวนเดินกลับเข้ามาในห้องอีกครั้งพร้อมสาวใช้คนหนึ่ง ในมือสาวใช้ถือถาดเอาไว้ บนถาดมีถ้วยปิดฝาเอาไว้ กลิ่นหอมคุ้นเคยลอยมาเตะจมูกเธอ 

 

 

ตอนแรกเธอไม่รู้สึกหิวเลยสักนิด แต่ตอนนี้พอได้กลิ่นหอมที่เมื่อก่อนเธอไม่ค่อยสนใจสักเท่าไหร่ น้ำลายกลับเอ่อเต็มปาก หากเธอไม่พยายามควบคุมอาการเอาไว้ ป่านนี้คงน้ำลายหกไปแล้ว 

 

 

ถึงเธอจะพยายามควบคุมอาการมากแค่ไหนก็ตาม แต่เธอก็เผยพิรุธออกมาจนได้ ดวงตาเป็นประกายจับจ้องไปที่ถาดอาหารตาไม่กะพริบ ดุจเจ้าแมวเหมียวจอมตะกละไม่มีผิด จิ้นหยวนอดขำไม่ได้ เขาโบกมือเบาๆ ให้สาวใช้ออกไป จากนั้นนั่งลงข้างๆ เธอ เปิดฝาครอบถ้วยออก กลิ่นหอมฉุยลอยเตะจมูกทันที 

 

 

เธอกลืนน้ำลายลงคอดังเอื๊อกอย่างห้ามใจไม่ไหว ดวงตากลมโตจับจ้องอยู่ที่อาหารในมือเขาไม่วางตา  

 

 

ขืนเขายังไม่รีบป้อนเธออีก เธอคงถลาเข้าไปกินเองแล้ว 

 

 

จิ้นหยวนค่อยๆ ตักน้ำข้าวต้มสีขาวน่ากินขึ้นมา 

 

 

ใช่แล้ว อาหารที่ทำให้เธอน้ำลายหกก็คือน้ำข้าวต้มแสนธรรมดาที่ปกติไม่มีใครอยากกินนั่นเอง 

 

 

แต่ในสายตาเธอตอนนี้ น้ำข้าวต้มถ้วยนี้ดึงดูดใจเธอมากกว่าอาหารเลิศรสเป็นไหนๆ 

 

 

ตอนที่จิ้นหยวนป้อนน้ำข้าวต้มให้เธอ เธอจึงงับเต็มคำอย่างไม่ลังเลยสักนิด ความหวานละมุนจากน้ำผึ้งไหลลงสู่กระเพาะ เธอรู้สึกว่าทุกรูขุมขนในร่างกายเปิดออก รู้สึกสบายตัวจนตัวลอย 

 

 

จิ้นหยวนป้อนน้ำข้าวต้มเธอทีละคำๆ จนหมดถ้วย เธอมองถ้วยเปล่าตาละห้อย แลบลิ้นเลียมุมปากเล็กน้อย จิ้นหยวนมองจนแทบหยุดหายใจ 

 

 

เขาสงบจิตสงบใจพลางวางถ้วยลง เธอเอ่ยถามอย่างอดใจไม่ไหว “ยังมีอีกไหมคะ?” 

 

 

เขามองเธอแวบหนึ่งแล้วส่ายศีรษะเล็กน้อย “ไม่ได้ คุณเพิ่งฟื้น กินได้แค่นี้” 

 

 

คำตอบของเขาทำให้เธอผิดหวังมาก 

 

 

เธอใจเย็นขึ้นหลังมีของตกถึงท้องเสียที เธอชายตามองเขาแล้วชะงักเล็กน้อย “ทำไมดูคุณผอมแบบนี้ล่ะคะ?” 

 

 

เขาลูบใบหน้าตัวเองเล็กน้อยพลางเอ่ยราบเรียบ “เปล่านี่” 

 

 

เธอพูดไม่ออกบอกไม่ถูก อยากจะแย้งแต่กลับไร้เรี่ยวแรง แค่อ้าปากจะพูดพลันรู้สึกแสบคอไปหมด เมื่อเทียบกับตอนที่เพิ่งฟื้นใหม่ๆ เธอรู้สึกว่าร่างกายดีขึ้นเล็กน้อย ดีขึ้นเล็กน้อยจริงๆ 

 

 

เธอถอนหายใจพลางนั่งหมดอาลัยตายอยากอยู่บนเตียง เห็นท่าทางซีดเซียวของจิ้นหยวนแล้ว ช่วงที่ผ่านมาเขาคงทำเพื่อเธอไม่น้อย แล้วต่อจากนี้ล่ะ เธอสามารถอยู่กับเขาโดยไม่สนใจภรรยาของเขาได้หรือ? 

 

 

เธอครุ่นคิดไปมาแต่ก็ไม่ได้คำตอบเสียที จึงได้แต่นั่งเงียบต่อไป 

 

 

ทันใดนั้น เธอรู้สึกถึงความอบอุ่นที่แผ่ซ่านมาจากศีรษะ ที่แท้จิ้นหยวนลูบศีรษะเธอเบาๆ นั่นเอง “คนดี เสียใจมากเลยเหรอ เดี๋ยวค่ำๆ คุณกินได้อีกหนึ่งถ้วย”  

 

 

เธอทั้งโมโหทั้งขำ นี่เขาคิดว่าเธออารมณ์ไม่ดีเพราะน้ำข้าวต้มอย่างนั้นเหรอ? เธอไม่ได้ตะกละขนาดนั้นเสียหน่อย 

 

 

ที่ท่าทางเธอเหมือนผีตายอดตายอยากนั่นเป็นเพราะไม่มีอะไรตกถึงท้องตั้งสองเดือนต่างหาก แต่ตอนนี้ไม่แล้ว 

 

 

เธอไม่มีแรงโต้แย้ง ได้แต่จ้องเขาตาเขม็ง จากนั้นขยับตัวจะลงจากเตียง แต่กลับถูกเขาจับตัวเอาไว้ “คุณจะทำอะไร?” 

 

 

เธอมองเขาแล้วมองร่างกายตัวเอง รู้สึกกระวนกระวายใจมาก เธออยากจะเข้าห้องน้ำ ทำอย่างไรดี? 

 

 

เธออยากจะลงจากเตียงแต่ให้ตายจิ้นหยวนก็ไม่ยอม เธอร้อนใจมาก พยายามเปล่งเสียงอย่างยากลำบาก “ถอยไป ฉัน… ฉันจะไป…” 

 

 

เอ่ยพลางมองไปยังห้องน้ำ 

 

 

เธอเพิ่งจะเข้าใจความเจ็บปวดของคนพิการเดี๋ยวนี้เองว่ามันทรมานมากขนาดไหน 

 

 

จิ้นหยวนเข้าใจทันที ก้มกายลงช้อนตัวเธอขึ้นอุ้ม “จะไปห้องน้ำเหรอ? บอกตั้งแต่แรกก็สิ้นเรื่องแล้ว” 

 

 

เอ่ยจบแล้วอุ้มเธอเดินเข้าไปในห้องน้ำ เขาวางเธอลงแล้วเอ่ยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ “ให้ผมช่วยไหม?” 

 

 

“… ไปให้พ้น!” เธอเค้นเสียงจนหน้าแดงกว่าจะเปล่งคำพูดออกมาได้ จิ้นหยวนหัวเราะร่าแล้วหมุนตัวเดินออกไป 

 

 

เธอค่อยๆ จัดการธุระส่วนตัวอย่างเชื่องช้า หลังเสร็จธุระแล้วหันไปเห็นอ่างอาบน้ำที่อยู่ข้างตัว ทันใดนั้น เธอรู้สึกคันคะเยอะไม่ทั้งตัว นอนหลับไปนานขนาดนั้น เธอต้องไม่เคยได้อาบน้ำแน่… 

 

 

เธอค่อยๆ ลุกขึ้น เดินงกๆ เงิ่นๆ ไปเปิดก๊อกน้ำ…