จิ้นหยวนได้ยินเสียงแล้ววิ่งพุ่งเข้าไปในห้องน้ำทันที และสิ่งที่เขาเห็นคือ… เธอล้มอยู่ที่พื้น ทั้งๆ ที่เคลื่อนไหวลำบากแต่ยังพยายามตะเกียกตะกายลุกขึ้น แต่ก็ไร้เรี่ยวแรงเต็มทน ท่าทางเธอเหมือนแมลงที่กำลังดิ้นขยุกขยิกไม่มีผิด เห็นแล้วน่าขำมาก 

 

 

ทั้งๆ ที่รู้ว่าไม่สมควร แต่จิ้นหยวนก็อดยกยิ้มมุมปากไม่ได้ เขาเข้าไปประคองให้เธอลุกขึ้น “ไหนดูซิว่าเจ็บตรงไหนหรือเปล่า?” 

 

 

เธอโมโห “หัว… หัวเราะทำไม…” 

 

 

พูดแทบจะพูดไม่ไหว แต่เวลาด่าคนกลับลื่นไหล จิ้นหยวนกวาดสายตาสำรวจเธอตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า นอกจากหัวเข่าแดงๆ แล้วก็ไม่เห็นบาดแผลตรงไหนอีก จิ้นหยวนโล่งอก “คุณอยากอาบน้ำเหรอ?” 

 

 

เธอพยักหน้า “คัน… คันตัว” 

 

 

“ผมช่วยนะ” 

 

 

“ไม่… ไม่ต้อง ฉันอาบเองได้” เธอกระวนกระวาย 

 

 

“คุณไหวเหรอ? เมื่อกี้ดูเหมือนว่าคุณจะหกล้มไม่ใช่เหรอ? เขามองเธอขำๆ 

 

 

เธอหน้าแดงก่ำ มองเขาตาเขม็ง “นั่น… นั่นมัน… อุบัติเหตุ….” 

 

 

“ขืนให้คุณอาบเองคนเดียว ต้องเกิดอุบัติเหตุแน่” จิ้นหยวนไม่ฟังคำแก้ตัวของเธอ เขายื่นมือเปิดก๊อกน้ำร้อน ไอความร้อนค่อยๆ กระจายไปทั่วห้อง ใบหน้างดงามของจิ้นหยวนค่อยๆ ดูเลือนราง 

 

 

เธอยังไม่ทันตั้งสติก็ถูกจิ้นหยวนอุ้มขึ้นจนตัวลอยโดยไม่สนใจการดิ้นรนของเธอ เขาถอดเสื้อผ้าเธอออกทีละชิ้นๆ เธอได้แต่มองดูตัวเองถูกเปลื้องผ้าออกจนหมดด้วยสองมือของเขา โดยที่เขาหน้าไม่เปลี่ยนสีเลยสักนิด 

 

 

สีหน้าเขานิ่งมาก ราวกับว่าคนตรงหน้าไม่ใช่หญิงสาว หากแต่เป็นเด็กทารกตัวน้อยเท่านั้น เขาเปลื้องผ้าเธอจนเกลี้ยง จากนั้นวางเธอลงในอ่างอาบน้ำที่รองน้ำร้อนจนเต็มอ่างแล้ว 

 

 

ใบหน้าเธอแดงก่ำ แม้เธอจะใช้ชีวิตร่วมกับเขามานาน เธอก็อดรู้สึกอายไม่ได้ แต่เขาไม่ให้โอกาสเธอได้ประท้วง หมุนตัวแล้ววางเธอลงในอ่างอาบน้ำทันที ชั่ววินาทีที่ร่างกายเธอสัมผัสน้ำร้อน ความรู้สึกผ่อนคลายแผ่ไปทั่วกายจนเธอตัวสั่นเล็กน้อย 

 

 

เธอลืมตาขึ้น ไล่เขาทางสายตาอย่างไม่ปิดบัง ตอนนี้เธอแค่อยากจะนอนแช่น้ำร้อนให้สบาย และไม่อยากให้ผู้ชายหน้าไม่อายมาอยู่ข้างๆ แบบนี้ 

 

 

แต่จิ้นหยวนก็หน้าด้านเหลือเกิน เขาไม่เพียงทำเป็นไม่เข้าใจสายตาเธอ แต่ยังยื่นมือออกไปแล้วเริ่มสระผมให้เธอ สายตาเขาแรงกล้าจนเธอไม่อาจปฏิเสธเขา ได้แต่มองดูเขาช่วยเธอสระผมโดยที่ตัวเองทำอะไรไม่ได้ 

 

 

เขาลงน้ำหนักมือได้พอดิบพอดี สระผมพลางนวดหนังศีรษะให้เธอพลาง เธอรู้สึกผ่อนคลายและสบาย เคลิบเคลิ้มจนเริ่มสัปหงก 

 

 

จิ้นหยวนเห็นเธอเริ่มสัปหงกแล้วแววตาหมองลง เขาอาบน้ำให้เธออย่างอ่อนโยนจนเสร็จสิ้นกระบวนการ จากนั้นก้มกายลงช้อนกายเธออุ้มขึ้น 

 

 

เธอตกใจจนสะดุ้งตื่น พยายามดิ้นรนเต็มที่ “คุณ… คุณปล่อยฉันนะ…” 

 

 

ตอนนี้เธอกำลังอยู่ในสภาพเปลือยล่อนจ้อน จิ้นหยวนอย่าทำอะไรแบบนี้ไห้ไหม? 

 

 

แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ได้คิดแบบเดียวกับเธอ เขาดึงผ้าขนหนูผืนใหญ่ห่อตัวเธอเอาไว้ เธอยังคงพยายามดิ้นรนไม่หยุด “คุณปล่อยฉันนะ ฉัน… ฉันทำเองได้…” 

 

 

เสียงแหบแห้งเหมือนฆ้องแตกของเธอไม่สามารถหยุดเขาได้แม้แต่นิดเดียว เขายกมือขึ้นตีบั้นท้ายเธอเสียงดังเพียะ พลางเอ่ยเสียงดุ “อย่าขยับ!” 

 

 

สั่งสอนเธอเสร็จแล้วจึงอุ้มเธอเดินออกจากห้องน้ำ 

 

 

เสียงตีบั้นท้ายดังกังวานจนเธอตะลึงค้าง กว่าจะเรียกสติกลับคืนมาได้ก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงแล้ว เธอจ้องดวงตาดำเป็นประกายของเขาเขม็ง สายตาเต็มไปด้วยความประท้วง “คุณ… คุณตี… ตี…” 

 

 

“คนดี หยุดพูดเหลวไหลได้แล้ว กล่องเสียงคุณยังไม่ดี ต่อไปถ้าอยากพูดอะไรก็ใช้วิธีพิมพ์เอาดีกว่า” จิ้นหยวนเมินเฉยต่อคำประท้วงของเธอ หมุนตัวหยิบโทรศัพท์มือถือให้เธอ “ต่อไปถ้าคุณอยากพูดอะไรก็พิมพ์ลงในนี้” 

 

 

เอ่ยจบแล้วหยิบไดร์เป่าผมขึ้นมา เขาขยับศีรษะเธอให้เข้าที่ จากนั้นเริ่มไดร์ผมให้เธอ ท่าทางช่ำชอง น้ำเสียงเป็นธรรมชาติ ราวกับว่าเขาเคยทำเรื่องนี้เป็นพันเป็นหมื่นครั้งแล้ว 

 

 

เธอกำโทรศัพท์มือถือแน่น รู้สึกตีบตันใจ ในที่สุดเธอก็ทนไม่ไหว พิมพ์บางอย่างลงในโทรศัพท์มือถือ “คุณดูแลคนเก่งมาก” 

 

 

เขาไดร์ผมให้เธอพลางชำเลืองดูข้อความพลาง จากนั้นยอมรับคำชมของเธอนิ่งๆ “ขอบคุณ” 

 

 

เธอเม้มริมฝีปากเล็กน้อย คิดๆ แล้วพิมพ์ข้อความใหม่ “ฉันจำได้ว่าเมื่อก่อนคุณไม่ใช่คนแบบนี้” 

 

 

เธอจำได้ว่าเมื่อก่อนเขาเป็นคนประเภทที่ไม่ทำอะไรแบบนี้เด็ดขาด อย่าว่าแต่ดูแลคนอื่นเลย เขาไม่ร้องขอให้คนอื่นดูแลเขาก็ดีหนักหนาแล้ว ทำไมตอนนี้เขาถึง… 

 

 

จิ้นหยวนเห็นข้อความแล้วยกยิ้มมุมปาก “เพิ่งเรียนรู้ไม่นานนี้เอง เพื่อดูแลใครบางคนน่ะ” 

 

 

หัวใจเธอตีบตันมากยิ่งขึ้น เธออดคิดไม่ได้ หรือว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขาและหร่วนเซียงเซียงจะดีมาก? ที่แท้คำพูดของเขาก่อนหน้านั้นมีแต่คำหลอกลวงทั้งนั้น!” 

 

 

เธอรู้สึกเจ็บปวดมาก ไม่รู้ว่าไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน ทันใดนั้น เธอพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง “ไม่… ไม่ต้อง…” เอ่ยพลางแย่งไดร์เป่าผมมาจากมือเขา 

 

 

เธอรีบร้อนจนลืมพิมพ์ข้อความ 

 

 

จิ้นหยวนยกมือขึ้นสูง ทำให้เธอเอื้อมไม่ถึง “คุณเป็นอะไรไป? โกรธเหรอ?” เขาเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ ในสายตากลับเต็มไปด้วยรอยยิ้ม 

 

 

เธอไม่ทันสังเกตเห็นสีหน้าเขา ยังคงประชดประชัน “ไม่… ไม่เกี่ยวกับคุณ…” 

 

 

เอ่ยพลางพยายามโถมกายเข้าไปแย่งไดร์เป่าผมจากเขา แต่กลับถูกเขากอดเอาไว้แน่นแทน 

 

 

เขากอดเธอแน่นจนเธอขยับเขยื้อนไม่ได้ ปกติเธอก็แรงน้อยสู้เขาไม่ได้อยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งไม่มีแรงแม้แต่จะขยับเขยื้อนตัว เธอโกรธจนหน้าแดง “ปล่อย… ปล่อยนะ” 

 

 

จิ้นหยวนกอดเธอแน่น “ไม่ปล่อย ถ้าคุณไม่บอกว่าโกรธเรื่องอะไรผมก็ไม่ปล่อย” 

 

 

เขากลัวว่าเธอจะทำร้ายตัวเองอีก จึงส่งโทรศัพท์ให้เธอ “พิมพ์บอกผมสิ” 

 

 

เธอเม้มริมฝีปากแน่น รู้สึกปวดแสบปวดร้อนที่คอ จึงต้องพิมพ์ข้อความอย่างช่วยไม่ได้ “คุณไปดูแลเธอเถอะ ไม่ต้องมาสนใจฉัน แล้วก็รบกวนช่วยจัดการให้ด้วย ฉันจะกลับแล้ว” 

 

 

เธอพิมพ์ข้อความทีละตัวๆ แล้วยกโทรศัพท์มือถือขึ้นให้เขาดู จิ้นหยวนเห็นแล้วหน้าเข้มขึ้นทันที “คุณจะกลับ? กลับไปไหน?” 

 

 

เธอจ้องเขาตาเขม็งแล้วหันไปพิมพ์ข้อความใหม่ “ไม่เกี่ยบกับคุณ คุณเองก็มีภรรยาแล้วไม่ใช่เหรอ? คุณก็ไปอยู่กับเธอสิ” 

 

 

เขายิ้มน้อยๆ “คุณหึงผมเหรอ?” 

 

 

เธอได้ยินแล้วกระวนกระวายขึ้นมาทันที พยายามพิมพ์ข้อความใหม่ “คุณสิที่หึง ฉันไม่ได้หึงซะหน่อย!”  

 

 

“ผมว่าคุณกำลังหึง” จิ้นหยวนไม่กล้าล้อเธออีก กลัวว่าเธอโกรธขึ้นมาแล้วจะหนีเขาไปอีก