Dual Cultivation บทที่ 390: ต่อสู้กับหลินเชาชาง

 

“นำเรื่องไร้สาระของเจ้าออกไป ทำไมนางฟ้าหลินจึงจักทำอะไรเช่นนั้นกับเจ้า”

 

“ช่างเสิบสานนัก ทำไมเจ้านี่จึงกล้าพูดอะไรที่ไร้ยางอายเช่นนี้ต่อหน้าคนมากมาย”

 

“นางฟ้าหลินมิจำเป็นต้องฟังเขา อย่าสนใจเขาและจัดการเจ้าบ้านั่นให้ข้าเห็น”

 

ผู้ชมพากันส่งเสียงอึงคะนึงในทันทีหลังจากที่ได้ยินเรื่องพนันเล็กน้อยระหว่างซูหยางและหลินเชาชาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ชายที่อยู่ตรงนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออีกฝ่ายบอกให้นางฟ้าที่บริสุทธิ์ของพวกเขาให้หลับนอนกับอีกฝ่ายถ้าอีกฝ่ายนั้นชนะการแข่งขัน

 

“ไอ้ย่า… เขาทำอะไรนั่น” กระทั่งเจ้าซีเองก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้

 

เขาจึงหันไปดูซีซิงฟาง ซึ่งดูเหมือนค่อนข้างจะเยือกเย็นภายนอก

 

“ถ้ามิใช่เพราะสถานะของเขาในฐานะศิษย์นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย ข้าคงจะเสนอให้พวกเขาทั้งคู่แต่งงานไปเรียบร้อยแล้ว…”

 

ถ้าเขายอมให้ศิษย์ของนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย คนที่เป็นที่รู้กันว่ามีคู่ครองจำนวนมากในชีวิตเข้าสู่ตระกูลซี ใครจะรู้ว่าโลกจะมีปฏิกิริยาต่อเรื่องนี้อย่างไร อย่างไรก็ตามสิ่งหนึ่งที่มั่นใจได้ก็คือมันต้องเป็นปฏิกิริยาทางลบ

 

“บางทีนี่อาจจักทำให้เธอพิจารณาความรู้สึกต่อเขาใหม่อีกครั้ง แม้ว่าเขาจักเป็นตัวตนที่แปลกประหลาดที่มีพรสวรรค์ที่มิเคยปรากฏขึ้นในโลกนี้มาก่อน เขาอาจจักมิมีค่าพอที่จะให้หน้าตาและมรดกตกทอดของตระกูลซีทั้งหมดแปดเปื้อน” เขาคิด

 

“ข้ารู้ว่าเจ้าใหม่ต่อสิ่งประเภทนี้ แต่นี่เป็นเรื่องปกติของคนจากนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย” เจ้าซีตัดสินใจที่จะเตือนเธออยูดี “ถึงแม้ว่าเจ้ายังคงซื่อสัตย์ต่อเขา ใครจะรู้ว่าเขาจักทำเช่นเดียวกัน”

 

“…”

 

หลังจากเงียบไปชั่วขณะ ซึซิงฟางก็กล่าวขึ้นว่า “ท่านกำลังพยายามจะพูดอะไรรึ ท่านพ่อ”

 

“ข้ากำลังจะพูดว่า บางทีเจ้าควรจะคิดซ้ำก่อนที่จะเลือกคู่ร่วมชีวิต ในเมื่อพวกเขาดูเหมือนว่าจักมิอยู่กับเจ้าตราบชั่วชีวิตการฝึกฝนของเจ้า”

 

“…”

 

หลังจากเงียบไปอีกสักพัก ซึซิงฟางก็ตอบว่า “ข้าคิดว่าท่านเข้าใจผิดอะไรบางอย่างที่นี่ ท่านพ่อ ข้าเพียงชื่นชมซูหยางในฐานะไอดอล เพราะว่าเขามีพรสวรรค์ฟ้าประทาน มิมีอย่างอื่นอีกมากไปกว่านี้”

 

“เช่นนั้นก็ตามใจเจ้า…” เจ้าซียักไหล่ไม่ใส่ใจ

 

ในเวลานั้นบนเวที หลินเชาชางกล่าวพร้อมกับหรี่ตา “เจ้ามั่นใจว่าเจ้าจักให้ข้าโอสถสู่ปฐพีทั้งหมดนี้ถ้าข้าชนะ”

 

“แน่นอน ทำไมข้าจักผายลมต่อหน้าสายตาผู้คนมากมายปานนี้”

 

“ให้ข้าดูพวกมันสักหน่อยเพื่อให้มั่นใจว่าพวกมันทั้งหมดล้วนเป็นของจริง” หลินเชาชางกล่าวด้วยเสียงสงสัย

 

กระทั่งนิกายดอกบัวเพลิงก็ยังไม่มีโอสถสู่ปฐพีมากมายปานนี้ ดังนั้นเขาได้พวกมันมากมายปานนี้ได้อย่างไร และกระทั่งยินดีที่จะพนันพวกมันมากมายปานนี้ในครั้งเดียวก็มีเพียงคนที่บ้าหรือมั่นใจสุดขีดว่าตนเองจะชนะเท่านั้นที่จะพนันแบบนี้

 

“เอาสิ เจ้าสามารถตรวจสอบพวกมันทั้งหมดได้เลยถ้าเจ้าต้องการ แต่เร็วหน่อย ในเมื่อเรายังคงอยู่ในระหว่างการแข่งขัน”

 

เมื่อซูหยางอนุญาต หลินเชาชางก็พลันเข้าไปหยิบเม็ดยาบางเม็ดที่กลิ้งอยู่บนพื้นราวกับว่าพวกมันเป็นขยะไร้ประโยชน์

 

“น-นี่เป็นโอสถสู่ปฐพีจริงๆ” หลังจากที่ตรวจสอบเม็ดยาแล้ว หลินเชาชางก็กล้ำกลืนน้ำลายและหันไปดูโหวเยินเจียด้วยสีหน้าซับซ้อนเหมือนกับว่ากำลังหาคำแนะนำ

 

แต่ทว่าโหวเยินเจียเพียงแค่ส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “มีเพียงแต่เจ้าที่สามารถตัดสินใจ ข้ามิมีอะไรพูด”

 

โหวเยินเจียรู้สึกว่าเขาไม่มีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจแทนเธอ ในเมื่อร่างกายของเธอแขวนอยู่บนเส้นด้าย แต่ถึงจะกล่าวเช่นนั้นถ้าเขาอยู่ในตำแหน่งเดียวกับหลินเชาชางในเวลานี้ เขาคงเลือกที่จะรับพนันอย่างแน่นอน ไม่ว่าอย่างไรก็ตามโอสถสู่ปฐพีหลายร้อยเม็ดย่อมทำให้สำนักใดๆไร้เทียมทานและไม่มีใครหยุดยั้งได้ ความเสี่ยงแต่เพียงคนเดียวเพื่อทรัพยากรทั้งหมดนี้หลายคนย่อมพิจารณาว่ามันเป็นเพียงแค่การเสี่ยงเล็กน้อยเท่านั้น

 

“เจ้าได้ตัดสินใจหรือยัง” ซูหยางถามเธอขณะที่เขาเก็บเม็ดยาทั้งหมดกลับเข้าสู่ถุงมิติ

 

หลังจากเงียบไปชั่วขณะ หลินเชาชางก็กัดริมฝีปากและพยักหน้า “ยังไงข้าก็จักทุบตีเจ้าอยู่แล้ว แต่เมื่อตอนนี้เจ้ากำลังจักให้รางวัลข้าที่ทำเช่นนั้น ย่อมมิมีเหตุผลที่ข้าจักต้องปฏิเสธของขวัญเช่นนั้น อย่ามาเสียใจภายหลัง”

 

แม้ว่าความมั่นใจของซูหยางจะสั่นคลอนเธอบ้างเล็กน้อยในตอนแรก หลังจากที่เธอนึกถึงสิ่งที่เพื่อนศิษย์ของเธอได้รับความทรมาณเพราะเขา ความมุ่งมั่นที่จะเอาชนะเขาก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น

 

“โอพระเจ้า นางฟ้าหลินถึงกับตกลงกับข้อเสนออันอุกอาจของเจ้าคนลามกนั่น”

 

“นี่มิหมายความว่านางฟ้าหลินจักต้องยกร่างกายของเธอให้กับเจ้าลามกนกเขามิขันสารเลวนั่นถ้าเธอแพ้รึ”

 

“ใจเย็น มิมีทางที่นางฟ้าหลินจักแพ้คนแบบเขา”

 

ผู้เข้าชมไม่อาจเข้าใจว่าทำไม แต่พวกเขามีความรู้สึกว่ามีบางสิ่งที่ผิดพลาดกำลังจะเกิดขึ้น

 

“พวกเจ้าทั้งคู่พร้อมที่จะต่อสู้หรือยัง” ซื่อตงไม่ได้สนใจมากนักเกี่ยวกับการเดิมพันของทั้งคู่และเพียงต้องการที่จะดำเนินการแข่งขันต่อไปเท่านั้น

 

“ใช่ ข้าพร้อมแล้ว” ซูหยางกล่าวขณะที่เขาเดินทอดน่องขึ้นไปบนเวทีการต่อสู้

 

หลินเชาชางซึ่งอยู่ภายในเวทีการต่อสู้เรียบร้อยแล้วพยักหน้า

 

ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น ซื่อตงก็โบกมือและตะโกนว่า “เริ่มการต่อสู้ได้”

 

ทันทีที่การต่อสู้เริ่มต้น หลินเชาชางก็พุ่งเข้าไปหาซูหยางพร้อมกับยกมือที่ลุกเป็นไฟขึ้น

 

“เพลิงสวรรค์”

 

หลินเชาชางผลักมือทั้งสองข้างออกไปตรงหน้าเธอ จนทำให้เกิดกงล้อเพลิงระเบิดออกไปด้านหน้า

 

“โอ” ซูหยางพลันจดจำวิชานี้ได้ในทันทีในเมื่อเป็นวิชาหนึ่งที่เขาได้ให้พวกเขาไปหลังจากที่ร่วมเป็นพันธมิตรแล้ว

 

“กุสุมาลย์พ้นพิสัยศิลป์ กลีบดอกไม้พิโรธ”

 

ซูหยางโบกมือของเขาลวกๆ สร้างลำแสงกระบี่ตรงหน้าตัดวิชาของหลินเชาชางขาดครึ่งได้อย่างง่ายดาย

 

แม้ว่าเขาไม่เคยฝึกกุสุมาลย์พ้นพิสัยศิลป์ เขาก็สามารถที่จะเรียนมันได้เพียงแค่มองจากศิษย์คนอื่น

 

“น-นั่นอะไรกัน เขาใช้วิชากระบี่ด้วยมือเปล่า”

 

ผู้ชมต่างพากันงงงันเมื่อเห็นบางสิ่งซึ่งมหัศจรรย์

 

“เขาสามารถแม้กระทั่งสร้างรังสีกระบี่ บางสิ่งที่เป็นไปได้เมื่อใช้กระบี่เท่านั้น”

 

ยิ่งผู้ฝึกวิชาที่มีประสบการณ์กับกระบี่มากเท่าไหร่ก็ยิ่งตระหนกเท่านั้น

 

“เชอะ” หลินเชาชางหัวเราะเย้ยหยัน

PS: เมื่อวานซืนเย็นถูกตะขาบต่อยมือบวม พิมพ์ไม่ได้เลย วันนี้พยายามฝืนพิมพ์