เทพสงครามพิทักษ์โลก บทที่ 464
ได้ยินเช่นนั้น

ฟู๋โป๋อดไม่ได้ที่จะมีสีหน้าจนใจ

ในเวลานี้

เขาหวังว่าหยางเฟิงจะไม่มาเร็วขนาดนั้น!

หยางติ่งเทียนมองหยางพั่นพั่นยิ้มแล้วกล่าวว่า : “พั่นพั่น ปู่จะพาหนูไปเล่นที่สวนสนุกดีไหม?”

เมื่อพูดประโยคนี้

หยางติ่งเทียนก็ยื่นมือเตรียมจะอุ้มหยางพั่นพั่นขึ้นมา

“หยุดเดี๋ยวนี้!”

เวลานี้

เสียงคำรามของเสือดังทอดเข้ามา

ราวกับเสียงระฆังดัง!

ครืน!

ทันทีหลังจากนั้น

เมื่อเห็นเช่นนี้ก็หยุดชะงักอย่างรวดเร็ว!

หยางเฟิงลงมาจากรถด้วยใบหน้าโกรธเกรี้ยว

เมื่อเขาเห็นว่าหยางติ่งเทียน เตรียมจะอุ้มหยางพั่นพั่น

เขาก็โมโหอย่างมาก!

แทบอยากจะฆ่าหยางติ่งเทียนซะเดี๋ยวนี้เลย!

ได้ยินเสียงตวาดของหยางเฟิง

มือที่ยื่นออกไปของหยางติ่งเทียน ก็แข็งทื่ออยู่กับที่

เขาหันกลับไป……

ตรงหน้า

เป็นลูกชายของตนเอง!

เป็นมรดกเพียงชิ้นเดียวของผู้หญิงที่ตนเองรักมากที่สุด ได้ทิ้งเอาไว้ให้ตนเอง!

แต่ว่าเขา

ทว่าสีหน้าที่อาฆาตดุร้าย มองมายังตนเอง!

ดวงตาแดงก่ำคู่นั้นของหยางเฟิง เห็นได้ชัดว่าอยากจะเฉือนเนื้อตนเองออกเป็นชิ้นๆ!

หยางติ่งเทียนในขณะนั้น ในใจไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทั้งรู้สึกกังวลใจ ทั้งหวาดกลัว!

เพียงแต่ว่า

ไม่นานเขาก็รีบฝืนให้สงบลงอย่างรวดเร็ว

ตนเองเป็นพ่อของหยางเฟิง

ในโลกใบนี้ ยังมีเหตุผลที่พ่อต้องกลัวลูกชายด้วยเหรอ!

หรือว่าไอ้เจ้าโง่นี่ จะกล้าฆ่าตนเองจริงๆ?

แต่ว่าฟู๋โป๋

หน้าซีดจนเป็นกระดาษไปแล้ว

เขาคาดไม่ถึงเลยว่า

เรื่องที่ตนเองไม่ปรารถนาที่สุดจะเกิดขึ้น!

จังหวะฝีก้าวที่มั่นคงนั้นของหยางเฟิง ราวกับระฆังมรณะ เคาะดังอยู่ในใจของเขา!

“คุณพ่อ!”

เวลานี้

หยางพั่นพั่นได้ตะโกนสียงดัง จากนั้นก็วิ่งเข้าไปหาหยางเฟิงอย่างดีใจ

หยางเฟิงรู้สึกตกตะลึง

ความอาฆาตแค้นอันน่าสะพรึงกลัว

ในชั่วพริบตา ได้มลายหายไป!

เขายื่นสองมือออกไป อุ้มหยางพั่นพั่นขึ้นมา

ใบหน้าของเขา แสดงถึงความรู้สึกผิด : “พั่นพั่นขอโทษนะ ที่พ่อมาช้า!”

มีเพียงตอนที่เผชิญหน้ากับผู้หญิงและลูกสาวของตนเองเท่านั้น

หยางเฟิงจึงจะมีใบหน้าอบอุ่นเช่นนี้ได้

หยางติ่งเทียนมองดูหยางเฟิงอุ้มหยางพั่นพั่น

จู่ๆ ในใจก็รู้สึกอิจฉา

กาลครั้งหนึ่ง

ตอนที่หยางเฟิงยังเด็กๆ

เขาก็เคยอุ้มหยางเฟิงเช่นนี้

ตอนนั้นหยางเฟิงเพิ่งจะ 5-6 ขวบ

สิ่งที่ขอบที่สุดก็คือให้พ่ออุ้ม!

แต่น่าเสียดาย……

สรรพสิ่งเหมือนเดิมแต่คนเปลี่ยนไป!

ตอนนี้อย่าได้พูดถึงว่ากอดสักนิดเลย

จะให้หยางเฟิงเรียกพ่อสักคำหนึ่ง

สำหรับหยางติ่งเทียนแล้ว มันเป็นการขอร้องที่มากเกินไปด้วยซ้ำ

หยางพั่นพั่นก้มหน้า พูดพึมพำว่า : “พั่นพั่นไม่ว่าคุณพ่อหรอกค่ะ เป็นพั่นพั่นที่ไม่ดีเอง ไม่ควรไปพูดคุยกับคนแปลกหน้า!”

จิตใจของเด็กนั้นอ่อนไหวเป็นที่สุด

เมื่อครู่นี้ หยางพั่นพั่นเห็นว่าหยางเฟิงมีท่าทีโกรธเคือง

เธอจึงคิดว่า เป็นเพราะตนเองไปพูดคุยกับคนแปลกหน้า

จึงทำให้หยางเฟิงโกรธขนาดนี้

หยางเฟิงลูบหัวหยางพั่นพั่น ยิ้มอย่าเอ็นดู : “เด็กโง่ พั่นพั่นของฉันจะไม่ดีได้อย่างไร?พั่นพั่นของฉัน เป็นเด็กดีที่สุดในโลกนี้เลย!”

ต่อหน้าลูกสาวของตนเอง

ในใจของหยางเฟิงรู้สึกรักใคร่โปรดปรานทุกๆ อย่าง

เขาแทนอยากจะมอบความรัก และทุกๆ อย่างของตนเองให้กับหยางพั่นพั่นทั้งหมด

ให้หยางพั่นพั่น กลายเป็นเด็กที่มีความสุขที่สุดบนโลกใบนี้!

“คุณหยางครับ พวกเราไม่ได้ปกป้องดูแลเจ้าหญิงน้อยให้ดี เป็นความผิดมหันต์!”

และในเวลาเดียวกันนี้

บอดี้การ์ดสองสามคนนั้นก็พยายามคลานขึ้นมา แล้วคุกเข่าอยู่กับพื้น!

หยางเฟิงเหลือบมองหยางติ่งเทียน กล่าวอย่างเย็นชาว่า : “พาลูกสาวฉันกลับบ้าน!”

“ครับๆๆ!”

บอดี้การ์ดเหล่านั้นรู้สึกโล่งอก

หยางพั่นพั่นเอ่ยถามอย่างสงสัย : “คุณพ่อคะ คุณไม่กลับไปด้วยกันกับหนูเหรอคะ?”

หยางเฟิงลูบๆ หัวเธอ ยิ้มอย่างเอ็นดูแล้วกล่าวว่า : “พั่นพั่น หนูกลับบ้านไปเล่นกับคุณแม่ก่อนนะ เดี๋ยวพ่อกลับไป!”

เพราะต่อไปนี้

เรื่องบางเรื่อง!

หยางเฟิงจะไม่ยอมให้หยางพั่นพั่นเห็นเป็นอันขาด