ตอนที่ 394 เสริมกำลัง

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

ตลอดเวลาสิบวันต่อมาเรียกได้ว่าฉินอวี้โม่มีงานที่ล้นมืออย่างยิ่ง

นางพาซูน่าและอาอู่เข้ามาในคฤหาสน์เฟิงหัวเพื่อออกท่องสำรวจทั่วป่าเพลิงมายาซึ่งอยู่ไม่ไกล

ผู้คนของชนเผ่าเมฆาครามรวมถึงซูวั่งชวนและคนอื่นๆต่างก็ไม่ทราบเลยว่าฉินอวี้โม่และซูน่ากำลังคิดทำสิ่งใด

ทุกคราที่เอ่ยถามซูน่าด้วยความอยากรู้ นางมักตอบพวกเขาไปว่าเรื่องนี้เป็นความลับและไม่แสดงความเห็นใดออกมา

สิ่งนี้ทำให้ซูวั่งชวนและคนอื่นๆถึงกับหมดคำพูดอย่างแท้จริงและสงสัยใคร่รู้ยิ่งกว่าเดิม ฉินอวี้โม่วางแผนที่จะเสริมกำลังให้ชนเผ่าของพวกเขาแข็งแกร่งขึ้นอย่างไรกัน?

ภายในชั่วพริบตา เวลาก็ล่วงเลยผ่านไปกว่าครึ่งเดือนแล้ว ทว่าฉินอวี้โม่และซูน่าก็ยังไม่มีความคิดที่จะหยุดในสิ่งที่ตนเองกำลังทำอยู่

ภายในป่าเพลิงมายา หานอวี้ก็ทำการปราบปรามอสูรมายาตัวหนึ่งอย่างรวดเร็วขณะที่ฉินอวี้โม่ก็เข้าไปสยบมันโดยตรง

“ช่างมหัศจรรย์จริงๆ หากข้านับไม่ผิด นี่ก็น่าจะเป็นอสูรระดับสูงตัวที่หนึ่งร้อยแล้ว หากเรายังทำเช่นนี้ต่อไป คาดการณ์ว่าอสูรมายาในป่าเพลิงมายาคงถูกเราปล้นไปทั้งหมดแน่”

ซูน่าอดกล่าวพร้อมถอนหายใจไม่ได้ขณะมองฉินอวี้โม่อย่างพูดไม่ออก

แน่นอนว่าฉินอวี้โม่ลั่นวาจาไว้ว่านางจะ ‘เสริมกำลังให้ชนเผ่าแข็งแกร่งขึ้น’ และตอนนั้นซูน่าเองก็สงสัยว่ามันหมายถึงสิ่งใด ทว่าในวันต่อมา ฉินอวี้โม่ก็พานางตรงมาที่ป่าเพลิงมายาและเริ่มออกสำรวจหาอสูรมายาระดับสูงที่อยู่รอบๆผืนป่าแห่งนี้

เมื่อได้เห็นฉินอวี้โม่สยบอสูรสุริยะขั้นสูงสุดหลายตัวอย่างสบายๆราวกับเป็นเรื่องง่าย ในที่สุดซูน่าก็เข้าใจบางอย่าง ไม่น่าเชื่อเลยว่าฉินอวี้โม่จะเป็นผู้ฝึกสัตว์อสูรที่มากฝีมือเช่นนี้

ในช่วงสิบวันต่อมา ฉินอวี้โม่และคณะท่องไปทั่วป่าเพลิงมายาและอสูรมายาทั้งหมดที่อยู่สูงกว่าระดับอสูรสุริยะล้วนถูกฉินอวี้โม่สยบทั้งสิ้น ในบรรดาอสูรเหล่านั้นก็มีอสูรเซียนครึ่งก้าวหลายตัวที่ไม่รอดพ้นจากเงื้อมมือของฉินอวี้โม่เช่นกัน

ซูน่ามีความมั่นใจเป็นอย่างมากว่าหลังจากที่ผู้คนของชนเผ่าเมฆาครามได้ทำพันธสัญญากับอสูรมายาเหล่านี้ที่ฉินอวี้โม่จับตัวมา ชนเผ่าเมฆาครามของนางจะต้องแข็งแกร่งขึ้นเป็นอย่างยิ่ง

“เอาล่ะ ใกล้จะหมดแล้ว หากเรายังดำเนินต่อไป เกรงว่าคงจะไม่มีอสูรมายาเหลือในป่าเพลิงมายาอีกแน่”

ฉินอวี้โม่ยิ้มอย่างพึงพอใจเมื่อซูน่ากล่าวว่านี่เป็นอสูรมายาตัวที่หนึ่งร้อย และนางก็ตัดสินใจที่จะหยุดการสยบอสูรมายา ตลอดช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้ พลังวิญญาณของนางถูกใช้ไปมาก ทว่าตัวนางเองกลับไม่ได้รับการเก็บเกี่ยวที่มากนัก

ในอดีต หากมีการทำพันธสัญญากับอสูรมายาจำนวนมากมายเช่นนี้ ความแข็งแกร่งของนางจะเพิ่มขึ้นเป็นอย่างยิ่ง ทว่าครานี้กลับไม่มีการพัฒนาใดๆ

“ดูเหมือนว่าหากต้องการจะทะลวงพลังขึ้นไป ข้ายังต้องอาศัยโชคและโอกาสอีกมาก”

ฉินอวี้โม่ทอดถอนหายใจอย่างปลงตก แน่นอนว่าการพัฒนาก้าวผ่านขอบเขตจ้าวสุริยะขั้นสูงสุดไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

“กลับกันเถอะและให้คนในชนเผ่าทำพันธสัญญากับอสูรพวกนี้ ความแข็งแกร่งของชนเผ่าเมฆาครามจะเพิ่มขึ้นมากอย่างแน่นอน”

ฉินอวี้โม่ยิ้มบางๆและเตรียมตัวกลับไปที่ชนเผ่า

อย่างไรก็ตาม ยังไม่ทันได้เคลื่อนไหว นางก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่ทรงพลังกว่าอสูรมายาก่อนหน้านี้ทั้งหมด จากนั้นอสูรมายาขนาดมหึมาก็ปรากฏตรงหน้าทุกคน

มันคือสิงโตตัวใหญ่ที่ดูสง่างามและทรงพลัง รวมถึงมีขนสีทองทั่วลำตัวซึ่งทำให้มันดูน่าเกรงขามอย่างมาก

“เจ้ามนุษย์ เหตุใดพวกเจ้าจึงจับตัวอสูรมายาทั้งหมดในป่าเพลิงมายาของเราไป?”

สิงโตตัวนั้นมองฉินอวี้โม่และคนอื่นๆขณะกล่าวอย่างเคร่งขรึม

“ฮ่าๆๆ ไม่คิดเลยว่าจะได้รับการเก็บเกี่ยวที่ดีก่อนกลับไป”

หานอวี้อดหัวเราะชอบใจไม่ได้ บังเอิญว่าตลอดการเดินทางในครานี้ ฉินอวี้โม่ยังไม่พบอสูรมายาที่นางถูกใจและสิงโตตัวนี้ก็เหมือนจะดีกว่าอสูรที่ผ่านๆมาทั้งหมด

“อวี้โม่ ตัวนี้เป็นของเจ้า”

ซูน่ากล่าวพร้อมรอยยิ้ม นางและอาอู่ติดตามฉินอวี้โม่มานานกว่าสิบวันและได้รับอสูรมายาของตนเองมาแล้ว

เวลานี้ซูน่ามีอสูรมายาสองตัวซึ่งทั้งสองตัวเป็นอสูรเซียนครึ่งก้าว อาอู่ก็ได้รับอสูรมายามาตัวหนึ่งซึ่งอยู่ในระดับเซียนครึ่งก้าวเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากการทำพันธสัญญากับอสูรมายาระดับเซียนครึ่งก้าว พลังความแข็งแกร่งของอาอู่จึงพัฒนาขึ้นมากเช่นกัน

บัดนี้อาอู่ทะลวงพลังเข้าสู่ขอบเขตจ้าวสุริยะแล้วและไม่อ่อนแอเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป

อย่างไรก็ตาม ตลอดช่วงเวลานี้ ฉินอวี้โม่ไม่ได้คิดที่จะครอบครองอสูรตัวใดเลยซึ่งทำให้ซูน่าและอาอู่รู้สึกลำบากใจเล็กน้อย ทว่าเมื่อได้รู้ว่าฉินอวี้โม่ไม่ถูกใจหรือสนใจอสูรมายาที่ธรรมดาๆสำหรับนาง พวกเขาทั้งสองก็รู้สึกเข้าใจขึ้นมา

แต่ว่า… บัดนี้เมื่ออสูรมายาระดับสูงเช่นนี้ปรากฏตัว ทั้งสองเชื่อว่าฉินอวี้โม่จะต้องสนใจในตัวมันอย่างแน่นอน

เมื่อเห็นสิงโตตรงหน้า ฉินอวี้โม่ก็ตั้งใจที่จะทำพันธสัญญากับมัน สิงโตตัวนี้ดูสง่างามน่าเกรงขามและมีพลังพอสมควร การทำพันธสัญญากับมันจะเป็นทางเลือกที่ดีทีเดียว

ประเด็นสำคัญคือสิงโตตัวนี้ไม่ก้าวร้าวดุร้ายและดูมีปัญญาพอสมควรซึ่งเป็นคุณสมบัติที่เพียงพอกับการเป็นอสูรพันธสัญญาของฉินอวี้โม่

“เฮ้ เจ้าสิงโต เจ้าอยากทำพันธสัญญากับท่านแม่ของข้าและมาเป็นอสูรเซียนตัวแรกของท่านแม่รึไม่?”

หานอวี้เดินตรงเข้าไปหาสิงโตและเอ่ยอย่างวางท่า

เมื่อสิงโตได้ยินคำพูดของเจ้าหนูน้อย มันก็แค่นเสียงเย็นชาด้วยท่าทางรังเกียจอย่างชัดเจน

“ส่งตัวอสูรมายาทั้งหมดในป่าเพลิงมายาคืนมา แล้วข้าจะปล่อยพวกเจ้าไป”

สิงโตมองฉินอวี้โม่และเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นซึ่งเหมือนจะไม่มีพื้นที่ให้เจรจาแม้แต่น้อย

“เจ้าสิงโตเหม็น เจ้ากล้าเมินข้ามังกรที่ยิ่งใหญ่ผู้นี้งั้นรึ?! เจ้าแกว่งเท้าหาเสี้ยนเสียแล้ว!”

เมื่อเห็นสิงโตมองข้ามและไม่แยแสตนเอง หานอวี้ก็โกรธเกรี้ยวทันที ร่างของมันพุ่งตรงไปปรากฏบนหลังสิงโตอย่างรวดเร็ว

“คุกเข่าเดี๋ยวนี้!”

หานอวี้ตะโกนกร้าวใส่สิงโตขนทองและแรงกดดันทรงพลังแผ่ออกไปกดทับสิงโตทันที

สิงโตชะงักไปเล็กน้อย เมื่อมันสัมผัสถึงแรงกดดันอันทรงพลังของสายเลือดชนชั้นสูง มันก็เริ่มมีท่าทีคุกเข่าลงไปเล็กน้อย

อย่างไรก็ตาม มันเป็นถึงอสูรในขอบเขตเซียนที่ถือว่าทรงพลังอย่างยิ่ง จู่ๆมันก็ยืนตรงอีกครั้งและไม่ได้คุกเข่าโดยสมบูรณ์

“ถึงจะไม่มีพี่ซิวอยู่ที่นี่ ทว่าก็ยังมีข้าอยู่ สิงโตน้อยอย่างเจ้าไม่มีสิทธิ์มาหยิ่งผยองเช่นนี้!”

หานอวี้แผดเสียงดังอีกครั้งและพลังจากร่างของมันแกร่งกล้ามากขึ้นเรื่อยๆ

ตึง!

ในที่สุดสิงโตก็ไม่อาจทนต่อแรงกดดันมหาศาลได้และทิ้งตัวคุกเข่าลงกระแทกพื้นอย่างรุนแรง

ซูน่าและคนอื่นๆอดกลอกตาด้วยความเหนื่อยใจไม่ได้ หานอวี้ช่างใจกล้าหน้าด้านยิ่งนัก เห็นได้ชัดว่าเจ้าสิงโตขนทองตัวนี้สุภาพมากแล้ว ทว่าเป็นหานอวี้ต่างหากที่ยโสโอหังเกินไป

“เจ้าสิงโต เจ้าอยากจะเป็นอสูรพันธสัญญาของท่านแม่รึไม่?”

หานอวี้เอ่ยถามอีกครั้ง หากสิงโตยังคงวางท่าอีก มันก็จะไม่เกรงใจอีกต่อไป

สิงโตสัมผัสได้ถึงแรงกดดันจากหานอวี้และรู้ว่ามันเป็นอสูรมายาระดับสูง หลังจากพิจารณาสิ่งที่เกิดขึ้นตลอดหลายวันที่ผ่านมานี้ มันก็เอ่ยตอบ “หากนางรับประกันว่าจะไม่ทำร้ายอสูรมายาทั้งหมดของป่าเพลิงมายา ข้าก็จะยอมเป็นอสูรมายาของนางด้วยความเต็มใจ”

สายตาของสิงโตเลื่อนมาหยุดที่ฉินอวี้โม่และรอคำตอบของนาง

“ฮ่าๆๆ ท่านแม่ของข้าเพียงแค่หาที่อยู่ดีๆให้พวกมันก็เท่านั้น นางจะทำร้ายพวกมันได้อย่างไรกัน?”

หานอวี้กล่าวพร้อมรอยยิ้ม ในความเป็นจริงแล้วฉินอวี้โม่มักจะทำพันธสัญญากับอสูรทรงพลังที่ได้พบ เว้นเพียงแต่อสูรที่ดุร้ายเป็นพิเศษหรือยากที่จะควบคุม นางจะสังหารพวกมันตั้งแต่ต้น ยิ่งไปกว่านั้น หากไม่จำเป็นจริงๆ นางก็จะไม่ริเริ่มการต่อสู้กับพวกอสูรมายา เพราะเหตุนั้นความกังวลของสิงโตขนทองจึงไม่จำเป็นเลยแม้แต่น้อย

เมื่อได้ยินคำพูดของหานอวี้ สิงโตก็ยังไม่เชื่ออย่างเต็มอก

“มังกรทองห้าเล็บผู้สูงส่งอย่างข้าไม่โกหกเจ้าหรอก”

หานอวี้รู้สึกได้ว่าสิงโตไม่เชื่อคำพูดก่อนหน้านี้ มันจึงกล่าวเสริมอย่างรวดเร็ว

“มังกรทองห้าเล็บ?!”

เมื่อได้รู้ว่าหานอวี้เป็นมังกรทองห้าเล็บในตำนาน สิงโตขนทองก็ชะงักไปครู่หนึ่งก่อนก้มหัวลงยอมจำนนแต่โดยดี

การได้เป็นมิตรสหายกับมังกรทองห้าเล็บถือเป็นเกียรติอย่างสูง ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้มันก็เชื่อคำพูดของมังกรทองห้าเล็บอย่างสนิทใจ ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นตัวตนที่ยึดมั่นในเกียรติศักดิ์ศรี ไม่มีทางที่มันจะโกหกได้

ฉินอวี้โม่ยิ้มอย่างพึงพอใจและเดินเข้ามาเพื่อทำพันธสัญญากับสิงโตทันที

การมีหานอวี้อยู่ข้างกายทำให้เรื่องง่ายขึ้นมากจริงๆ อย่างน้อยฉินอวี้โม่ก็ไม่จำเป็นต้องลงมือด้วยตัวเองในหลายครั้งหลายครา

“เทพมายารึ?”

หลังจากทำพันธสัญญา แน่นอนว่าสิงโตก็ต้องค้นพบกายเทพมายาของฉินอวี้โม่ มันจึงตกใจขึ้นมาทันที

“ฮ่าๆๆ ทีนี้เจ้าก็รู้แล้ว การได้ทำพันธสัญญากับท่านแม่จะทำให้เจ้าได้ประโยชน์ที่คาดไม่ถึงในอนาคต”

หานอวี้ยิ้มอย่างวางท่าและไม่แปลกใจกับท่าทางตกใจของสิงโต มันได้เห็นความตกใจเช่นนี้มาแล้วมากมาย

สิงโตพยักหน้าก่อนกลายร่างเป็นบุรุษรูปงาม

“คารวะนายหญิง”

สิงโตในร่างมนุษย์โค้งคำนับฉินอวี้โม่ด้วยความเคารพนอบน้อม

“จากนี้ไปข้าจะเรียกเจ้าว่าจินเย่าก็แล้วกัน”

ฉินอวี้โม่ยิ้มและตั้งชื่อให้กับสิงโต

อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่นานมานี้ฉินอวี้โม่ก็ได้เผชิญกับปัญหาหนึ่ง นั่นคือการที่บรรดาอสูรมายาของนางต่างก็หงุดหงิดใจกันเล็กน้อย เนื่องจากชื่อที่ฉินอวี้โม่ตั้งให้พวกมันตั้งแต่ต้นอาจไม่เหมาะสมกับสถานะและพลังของพวกมันในปัจจุบัน

ฉินอวี้โม่ก็ถึงกับปวดหัวไปพักใหญ่ ไม่คิดเลยว่าจะมีวันที่พวกมันไม่ชอบชื่อของตัวเอง

เมื่อไม่กี่วันก่อน เสี่ยวเฮยและอสูรตัวอื่นๆก็คิดที่จะเปลี่ยนเป็นชื่อที่ไพเราะมากขึ้น เนื่องจากฉินอวี้โม่ใช้แซ่ฉิน พวกมันจึงคิดที่จะใช้ชื่อแซ่ตามผู้เป็นนายและเติมอีกหนึ่งคำเพื่อเป็นชื่อใหม่ของตนเอง

เพียงแต่ทุกคนไม่คุ้นที่จะเรียกเช่นนั้นและยังรู้สึกว่าชื่อเสี่ยวเฮย อาไป๋ เสี่ยวจิ่วและเสี่ยวจินยังเรียกได้ติดปากมากกว่า เพราะเหตุนั้นการเปลี่ยนชื่อจึงต้องเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนดการ

บัดนี้เมื่อฉินอวี้โม่จะทำพันธสัญญากับอสูรมายาตัวใหม่ ชื่อที่ตั้งจึงจะต้องผ่านการพิจารณาอย่างรอบคอบก่อน มิฉะนั้น เสี่ยวเฮยจะกล่าวหาว่านางไร้วัฒนธรรมและไร้รสนิยมซึ่งทำให้นางถึงกับพูดไม่ออกเมื่อได้ยิน

“ขอบคุณนายหญิงที่ตั้งชื่อไพเราะให้กับข้า”

จินเย่าพยักหน้าและเอ่ยขอบคุณฉินอวี้โม่

“เอาล่ะ เข้าไปทักทายพวกพ้องทั้งหลายของเจ้าในคฤหาสน์ก่อนเถอะ”

ฉินอวี้โม่ยิ้มและบอกให้จินเย่าเข้าไปในคฤหาสน์เฟิงหัว จินเย่าไม่รอช้าขณะพยักหน้าก่อนเข้าไปทักทายเสี่ยวเฮยและอสูรมายาทั้งหมดทันที

เมื่อบรรดาอสูรมายาได้ยินชื่อของจินเย่า พวกมันก็ต้องถอนหายใจอีกครั้ง ชื่อแบบมนุษย์ช่างฟังดูไพเราะยิ่งนัก ในขณะที่ชื่อของพวกมันฟังดูขัดหูเหลือทน!

“เรากลับกันเถอะ”

ด้วยรอยยิ้มบางๆ ฉินอวี้โม่และคณะก็เข้าไปในคฤหาสน์เฟิงหัวทันที จากนั้นทุกคนก็ปรากฏกายที่ลานจัตุรัสของชนเผ่าเมฆาครามภายในเวลาเพียงหนึ่งก้านธูป

อาอู่วิ่งไปเรียกซูวั่งชวนและคนอื่นๆมาที่นี่ในขณะที่ซูน่าตะโกนส่งเสียงเรียกทุกคนให้มารวมตัวกัน

ภายในเวลาเพียงสั้นๆ สมาชิกทุกคนของชนเผ่าเมฆาครามก็มารวมตัวกันที่ลานอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา

ซูวั่งชวนและซูชิงมองฉินอวี้โม่และซูน่าด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม สำหรับเรื่องที่ฉินอวี้โม่จะเสริมกำลังให้ชนเผ่าแข็งแกร่งขึ้นอย่างไรนั้น ในที่สุดวันนี้ความลับก็จะได้รับการเปิดเผย

อย่างไรก็ตาม เมื่อมองไปที่ฉินอวี้โม่ จู่ๆอสูรมายาระดับสูงจำนวนมากก็ปรากฏตัวขึ้นมา แม้ว่าพวกเขาเตรียมใจไว้แล้ว ซูวั่งชวนและซูชิงก็ยังคงตกใจจนแทบจะเป็นลม

“นี่คือพวกอสูรมายาที่จอมยุทธ์อวี้โม่จับตัวมาซึ่งถูกสยบไว้แล้วโดยสมบูรณ์ บัดนี้พวกมันจะถูกแจกจ่ายให้กับนักรบในชนเผ่าของเรา”

ซูน่ายิ้มอย่างภาคภูมิใจเมื่อเห็นสีหน้าของทุกคน และนางประกาศการจัดสรรในลำดับต่อไปทันที

จากนั้นสมาชิกหนึ่งร้อยคนที่ถูกคัดเลือกไว้ก่อนหน้านี้ก็เริ่มเข้ามาทำพันธสัญญากับอสูรมายา บรรยากาศในชนเผ่าคึกคักและมีชีวิตชีวาอย่างยิ่ง

.