อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 474 นางเป็นภรรยาของข้า
“ขอให้ท่านจอมมารทบทวนด้วย ลงโทษตายแก่หญิงคนนั้นเถอะ”

“ขอให้ท่านจอมมารทบทวนด้วย ลงโทษตายแก่หญิงคนนั้นเถอะ”

ในตำหนักใหญ่ ผู้ใต้บังคับบัญชาต่างก็ยืนเป็นแถวสองข้าง มีคนเจ็ดแปดคนที่กุมหมัดทำท่าเคารพและเอ่ยขอร้องไม่หยุด

เพราะคำพูดของพวกเขา ยิ่งอยู่ก็ยิ่งมีคนเห็นด้วยมากขึ้น ขอร้องให้ทำการลงโทษกู้ชูหน่วน

จอมมารนั่งอยู่บนบัลลังก์หลัก ท่าทีของเขาดูเกียจคร้าน นิ้วเรียวยาวของเขากำลังลูบเส้นผมนุ่มสลวยดำขลับของตนเอง ใบหน้าหล่อเหลา สวยจนไม่อาจแยกแยะว่าเป็นชายหรือหญิง

เขาสวมชุดสีแดงทั้งตัว แดงอย่างเย้ายวน แดงจนบาดตา โดยเฉพาะภาพเมฆไฟที่วาดอยู่กลางคิ้วและดวงตาที่ข้างหนึ่งเป็นสีฟ้าและข้างหนึ่งเป็นสีม่วงคู่นั้น ทันใดนั้นก็ทำให้ความเย้ายวนและความงามพุ่งขึ้นไปจนถึงขีดสุด

ผ่านไปพักใหญ่ คนด้านล่างจึงสงบลง เพราะว่าคนที่นั่งอยู่บนบัลลังก์หลักได้แต่ยิ้มมุมปากอย่างเรียบเฉย แต่ไม่ได้พูดอะไร

“พูดจบแล้วหรือ”จอมมารไม่เงยหน้า ถามขึ้นอย่างเกียจคร้าน

“พูด…… พูดจบแล้ว ขอท่านจอมมาร…… อ๊าก……”

เสียงร้องอย่างอนาถดังขึ้น คนที่พูดร่างกายระเบิดกลายเป็นหมอกเลือด

จากนั้นคนอีกเจ็ดแปดคนเมื่อครู่ที่เอ่ยปากของให้ลงโทษกู้ชูหน่วนถึงตายต่างก็ร่างระเบิดเป็นหมอกเลือดตามๆกัน

คนที่อยู่ตรงนั้นล้วนเป็นยอดฝีมือ แต่พวกเขาไม่มีแม้แต่เวลาที่จะดิ้นรน ตายอย่างน่าอนาถทันที แม้แต่ศพก็ไม่หลงเหลือชิ้นส่วนสักชิ้น

ไม่เพียงแต่พวกเขา ยังมีผู้ใต้บังคับบัญชาที่ยืนอยู่สองฝั่ง ก็ไม่ทันได้เห็นว่าท่านจอมมารลงมืออย่างไร ข้างหูก็ได้ยินเสียงร้องอย่างน่าอนาถดังขึ้นเจ็ดแปดเสียง จากนั้นคนเจ็ดแปดคนนั้นก็ตายในพริบตา

จอมมารจึงเหลือบตาขึ้นมาเล็กน้อย เผยรอยยิ้มเย็นชาขึ้นมา “ยังมีใครจะให้ข้าฆ่าพี่สาวอีกหรือไม่ ”

เงียบ

ทั้งโถงเงียบสนิท

มีตัวอย่างเหตุการณ์ที่น่าสยองของเจ็ดแปดคนนั้น ใครยังจะกล้าเปิดปากขอร้องให้ท่านจอมมารฆ่านางอีก

ในบรรดาผู้คน ชายคนหนึ่งที่มีรูปร่างผอมแห้งเอ่ยด้วยเสียงสั่นว่า “ท่านจอมมาร แต่นางเป็นภรรยาของเทพสงคราม ถ้าหาก…… ถ้าหากนางเป็นไส้ศึกที่เทพสงครามส่งมา…… ฟู่……”

แขนเสื้อที่กว้างขวางของจอมมารยกขึ้น คนที่เอ่ยปากพูดระเบิดกลายเป็นหมอกเลือดอีกครั้ง

จอมมารเอ่ยแก้ให้ถูกต้อง “นางไม่ใช่ภรรยาของเย่จิ่งหาน นางเป็นภรรยาของข้าซือโม่เฟย ถ้ายังให้ข้าได้ยินคำพูดเหล่านี้อีก ข้าจะทำให้มันเสียใจที่เกิดมาบนโลกนี้”

ทุกคนต่างก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นสะท้าน เอ่ยขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกัน “ท่านจอมมารปราดเปรื่องมาก”

“หึ ข้ารู้พวกเจ้าอีกมากรู้สึกไม่พอใจ แต่แล้วอย่างไรเล่า โลกใบนี้เดิมทีผู้แข็งแกร่งเป็นจ้าว ถ้าหากพวกเจ้ามีข้อเสนอแนะ ก็เอาชนะข้าให้ได้ก่อนค่อยว่ากัน ”

“ข้าน้อยมิกล้า”

ในใจของทุกคนมีความโกรธที่อัดอั้นอยู่

สถานที่ต้องห้ามนอกจากจอมมารแล้ว ไม่ว่าใครก็เข้าไปไม่ได้

แต่ตอนนี้จอมมารไม่สนใจกฎระเบียบของบรรพบุรุษ ถึงกับยอมให้หญิงสาวที่มีที่มาไม่ชัดเจน มีจุดประสงค์ไม่แน่ชัดเข้าไปยังสถานที่ต้องห้าม

นี่มัน……

นี่มันเลอะเทอะกันไปใหญ่แล้ว

พวกเขารู้สึกไม่พอใจ แต่ไม่กล้าแสดงออกมา

เพราะว่าท่านจอมมารของพวกเขาแต่ไหนแต่ไรก็ไม่ใช่คนที่รับมือได้ง่าย เขาชั่วร้ายมาก อยากฆ่าก็ฆ่า ไม่เคยคำนึงถึงความสัมพันธ์ใดๆ

ดวงตาของกู้ชูหน่วนหรี่ลงเล็กน้อย

ต่างก็ว่ากันว่าจอมมารฆ่าคนเหมือนผักปลา ไม่ผิดเลยสักนิด

ผู้ใต้บังคับบัญชาเหล่านี้ หากพูดอย่างจริงจังแล้วก็ไม่ได้พูดผิดหรือทำผิดอะไรเลย แต่เขาแค่โบกมือ ก็ฆ่าพวกเขาทั้งหมด อีกทั้งในสายตายังมีแต่ความเย้ยหยันและเย็นชา ทำไมดูแล้วจึงเสียความรู้สึกขนาดนั้น

กู้ชูหน่วนคิดว่าตนเองเข้าใจซือโม่เฟยอยู่บ้าง ตอนนี้ดูแล้ว สิ่งที่นางรู้เกี่ยวกับเขา แทบจะไม่เคยชัดเจนเลย

บางครั้งซือโม่เฟยก็ดูซื่อ บริสุทธิ์ ไม่ค่อยจะมีสติปัญญาสักเท่าไหร่

บางครั้งก็เลือดเย็นโหดเหี้ยม ฆ่าคนเหมือนผักปลา ราวกับชีวิตคนไม่มีค่าในสายตาของเขา

“พี่สาว ท่านต้องนอนพักรักษาตัวไม่ใช่หรือ ทำไมจึงลุกขึ้นมาเล่า”

ข้างหูมีเสียงกังวานของจอมมารดังขึ้น เสียงที่อ่อนหวานอบอุ่น กู้ชูหน่วนได้สติขึ้นมาทันที

เงยหน้าขึ้นมามอง คนของเผ่าปีศาจไม่รู้ว่าหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ตรงหน้าเหลือเพียงซือโม่เฟยที่ยิ้มอย่างบริสุทธิ์สดใส