อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 475 ข้าอยากจะฆ่าก็ฆ่า
“นอนนานมากไป ไม่สบายตัว”มีความรู้สึกเล็กจ้อยมากเมื่อเทียบกับภูเขาเหล่านั้น

นางเดินกลับห้องด้วยท่าทีกะเผลก

จอมมารหยักยิ้ม

กู้ชูหน่วนมองดูทิวทัศน์ที่อยู่ไกลออกไป แบกกู้ชูหน่วนกลับไปยังห้องที่หรูหราด้วยตัวเอง

“เจ้าทำอะไร ปล่อยข้าลงนะ”กู้ชูหน่วนดิ้นรน

“ขาของเจ้าไม่ดี ข้าจะเป็นข้าให้เจ้า”

“ขาของเจ้าต่างหากที่ไม่ดี ขาของคนทั้งบ้านของเจ้าล้วนไม่ดี ”

“บ้านข้ามีเจ้าคนเดียวที่เป็นคนใกล้ชิดที่สุด”

จอมมารเอียงหน้ามามอง แม้จะยิ้ม แต่ไม่รู้ทำไม กู้ชูหน่วนกลับรับรู้ได้ถึงความเศร้าในรอยยิ้มนั้นอยู่หลายส่วน

ท่าทีดิ้นรนของนางชะงักไป มองดูใบหน้าที่หล่อเหลาอย่างที่สุดของเขา

แม้จะรู้จักกันมานาน ทุกครั้งที่ได้เห็นใบหน้าของเขา นางก็ยังคงถูกทำให้ตกตะลึงอยู่เสมอ

งดงามเกินไปแล้ว

งดงามกว่านางด้วยซ้ำไป

กู้ชูหน่วนพูดว่า “ข้าไม่ใช่คนสนิทของเจ้า”

“ข้าบอกว่าใช่ก็คือใช่”

ความเศร้าในสายตาของจอมมารไม่รู้ว่าหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่มาแทนที่คือพอใจและความสบายใจ

“เจ้าว่าเจ้านอนมากเกินไปแล้วรู้สึกไม่สบาย ถ้าเช่นนั้นข้าจะแบกเจ้าเดินเล่นเอง”

ต่อหน้ากู้ชูหน่วน จอมมารไม่เคยเรียกตนเองอย่างสูงส่ง แต่ใช้คำว่าข้าที่เป็นกันเอง

จอมมารแบกนางเอาไว้ ตลอดทางที่เดินผ่าน คนของเผ่าปีศาจต่างก็ตกใจไม่น้อย

ท่านจอมมารผู้สูงส่ง คิดไม่ถึงว่าจะยินดีแบกหญิงสาวคนหนึ่งไว้บนหลัง

และยังเป็นหญิงสาวขอเทพสงครามด้วย

ท่านจอมมารของพวกเขาคงไม่ได้ชื่นชอบหญิงสาวคนนั้นเข้าจริงๆหรอกกระมัง

ทุกคนต่างก็ไม่อยากเชื่อ ท่านจอมมารที่ไม่น่าคบหา กลับสามารถเหมือนคนทั่วไป แบกหญิงสาวเดินเล่นได้

ถ้าหากไม่ได้เห็นเองกับตา พวกเขาคงไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด

ในใจก็เริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมท่านจอมมารต้องฆ่าหัวหน้าเหล่านั้นด้วย

“พี่สาว ทิวทัศน์ของภูเขาหยุนฉีใช้ได้หรือไม่”

ช่วงพลบค่ำ อากาศอบอุ่น หมู่เมฆที่ปลายขอบฟ้าทอแสงสวยงาม ภูเขาเรียงตัวทอดยาว ภูเขาแต่ละลูกไม่ใหญ่นัก ฝีมือพิสดารจากธรรมชาติ ทรงพลังน่าเกรงขาม

ตำหนักแต่ละหลังบนภูเขาหยุนฉีล้วนมีจุดเด่นต่างกัน เพียงแต่การเดินเล่นอยู่ที่นี่ เหมือนราวกับเดินเล่นอยู่บนปุยเมฆ

ทิ้งทุกสิ่งหลบซ่อนตัวอยู่ที่นี่ เป็นสถานที่ที่ดีจริงๆ

“ลมแรง พัดจนแทบจะลืมตาไม่ขึ้นแล้ว มีอะไรดี”กู้ชูหน่วนแบะปาก พูดสิ่งที่ตรงกันข้ามกับความคิด

จอมมารไม่ถือสา เพียงแต่ยิ้มและพูดว่า “เช่นนั้นข้าจะเป็นดวงตาให้เจ้า ไม่ว่าเจ้าอยากจะมองที่ไหน ข้าก็จะทำให้เจ้ามองเห็น”

“ทำไมเจ้าต้องพูดสิ่งที่ทำให้ขนลุกด้วย”

“ขนลุก อาโม่พูดจากใจจริงทุกคำ มาจากหัวใจ”

กู้ชูหน่วนเห็นว่าคนของเผ่าปีศาจมองมาทางพวกเขาอยู่เป็นระยะ บ้างก็มีสีหน้าอิจฉา บ้างก็มีสีหน้าตกตะลึง บ้างก็มีสีหน้าคาดไม่ถึง

เดิมทีนางคิดจะอยากจะดิ้นรนอีกครั้ง หลังจากเห็นสีหน้าของพวกเขา นางก็พิงอยู่กับแผ่นหลังของจอมมารอย่างเงียบๆ สูดดมกลิ่นหอมอ่อนๆพิเศษของดอกลำโพงที่อยู่บนตัวเขา

อย่างนี้ก็ดี ให้คนในเผ่าปีศาจต่างก็เข้าใจผิด วันหน้านางยังสามารถสร้างบารมีให้ตนเองได้บ้าง

“เมื่อครู่ทำไมเจ้าต้องฆ่าพวกเขา”

“ไม่มีเหตุผล ดูแล้วไม่สบายตาก็ฆ่า”

“แค่นี้หรือ ถ้าเช่นนั้นหากมีวันใดวันหนึ่งเจ้ามองข้าแล้วไม่สบายตา ก็คงจะทำให้ข้าระเบิดกลายเป็นหมอกเลือดใช่หรือไม่”

“เจ้าเป็นพี่สาวของข้า แม้ข้าจะฆ่าคนทั้งใต้หล้า ก็ไม่มีทางแตะต้องท่านแม้แต่น้อย”

ราวกับกลัวว่ากู้ชูหน่วนจะไม่เชื่อ จอมมารวางนางลงบนก้อนหิน ดวงตาต่างสีจ้องมองกู้ชูหน่วนนิ่ง ให้คำสัตย์สาบานอย่างมั่นใจ

ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เห็นแววมั่นคงในสายตาที่ดูบริสุทธิ์ของเขาแล้ว หัวใจของกู้ชูหน่วนก็รู้สึกพังทลายลง

“เจ้าฆ่าคนโดยอาศัยแค่อารมณ์เท่านั้นหรือ”

“การฆ่าคนไม่ได้ทำเพราะอารมณ์ดีหรือไม่ดีหรอกหรือ”

“อาโม่ ข้าไม่ชอบท่าทางที่เจ้าฆ่าคนตามอำเภอใจ ข้าไม่ได้เป็นพระแม่มารี แต่ข้าก็ไม่ชอบให้ชีวิตของคนที่อยู่ต่อหน้าเจ้าไร้ค่าเหมือนแมลงตัวหนึ่ง ไม่มีค่าเลยสักนิดเช่นนี้”

“พระแม่อะไร เป็นใครกัน”

มุมปากของกู้ชูหน่วนกระตุก “เอาเป็นว่าข้าไม่ชอบเจ้าฆ่าคนตามอำเภอใจก็แล้วกัน”

“นี่เป็นเหตุผลที่เจ้าเย็นชาต่อข้ามาตลอดใช่หรือไม่”ทั้งๆที่สีหน้าของจอมมารดูไร้เดียงสาไม่มีพิษภัย แต่สิ่งที่พูดออกมา กลับทำให้ต้องพิจารณาอย่างระมัดระวัง

กู้ชูหน่วนเบือนหน้าไป มองกลุ่มภูเขาที่อยู่ตรงตีนเขา

ผ่านไปสักพัก นางค่อยๆสูดหายเจ้าเข้าลึกๆเฮือกหนึ่ง “บางทีอาจใช่กระมัง เจ้ารู้หรือไม่ว่าคนในใต้บังคับบัญชาของเจ้าโหดเหี้ยมแค่ไหน เป็นถึงจอมมาร ท่านควรจะควบคุมดูแลพวกเขาให้ดี มีคนตั้งเท่าไหร่ที่ต้องตายอยู่ในน้ำมือของสิบสองหัวหน้ากองธงที่อยู่ในอาณัติของเจ้า เจ้าก็มีส่วนต้องรับผิดชอบ”

“เผ่าปีศาจเดิมทีก็เป็นที่ของผู้แข็งแกร่งกว่า คนเหล่านั้นตายอยู่ภายใต้น้ำมือของสิบสองหัวหน้ากองธง ก็คงเป็นเพียงการแสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่แข็งแกร่งพอ”

“……”

“……”

“ถ้าหากพวกเขาไม่อยากตาย ตนเองควรจะเปลี่ยนแปลงให้แข็งแกร่งขึ้น คนไหนบ้างที่ไม่เริ่มต้นจากอ่อนแอที่สุดไปจนถึงแข็งแกร่งที่สุด”ดวงตาขุ่นมัวมองไปทางเชิงเขา ราวกับกำลังแสดงความรู้สึกออกมา

ราวกับว่าอากาศไม่ได้สดชื่นเหมือนเมื่อครู่แล้ว กลับแฝงไปด้วยความหนักอึ้งอยู่หลายส่วน

กู้ชูหน่วนอดไม่ได้ที่จะวิเคราะห์เขา

แม้ว่าเขาจะมีรูปร่างสูง แต่ก็ไม่นับว่ากำยำ กลับดูบอบบางด้วยซ้ำ

การอยู่ในสถานที่ที่รวมคนอันตรายไว้ด้วยกันเช่นนี้ ซือโม่เฟยอยากจะให้ความสามารถที่มีอยู่เผยออกมา เพื่อจะได้เป็นจอมมารที่แข็งแกร่งที่สุด ความเจ็บปวดใจที่เกิดขึ้น บางทีคนธรรมดาอาจไร้ทางเข้าใจได้

“พี่สาว ข้าแบกเจ้าไปที่ทุ่งดอกไม้ดีกว่า ข้าปลูกดอกไม้เยอะมาก ตอนนี้ดอกไม้หลายชนิดได้เบ่งบานแล้ว งดงามมาก”

“ได้……”

เพิ่งจะพูดออกไปได้คำเดียว ด้านล่างเชิงเขาก็เกิดเสียงตีกลองดังขึ้นรัวๆ รวมไปถึงเสียงต่อสู้ฆ่าฟันกัน

หัวหน้าหลายคนเข้ามารายงานอย่างรีบร้อน “ท่านจอมมาร แม่ทัพของแคว้นฉู่ได้โจมตีมาถึงภูเขาหยุนฉี ตอนนั้นกำลังปะทะกับคนของเราอยู่”

อารมณ์ของซือโม่เฟยสลายไปทันที ไอสังหารรุนแรงพุ่งออกมาจากร่างเขา

แต่พวกเขากลับโจมตีภูเขาหยุนฉี ทำลายบรรยากาศดีๆในการชมดอกไม้ของข้ากับพี่สาว น่าโมโหนัก เริ่มการใช้ค่ายกล เคลื่อนทัพใหญ่ของเผ่าปีศาจ

“ขอรับ”

ทุกคนต่างก็ปาดเหงื่อ

แคว้นฉู่ยกตนข่มท่าน ไม่รู้ว่าฆ่าคนของเผ่าปีศาจไปแล้วเท่าไหร่

หัวหน้ากองธงหลายคนร้องขอให้เปิดศึกอย่างเป็นทางการ แต่จอมมารไม่สนใจ ปล่อยให้เรื่องราวมันบานปลาย

ครั้งนี้ท่านจอมมารโมโหมาก เขาคิดว่าท่านจอมมารรู้สึกสงสารลูกศิษย์ที่ตายไป

คิดไม่ถึงว่าสาเหตุสำคัญที่ทำให้ท่านจอมมารโมโห เป็นเพราะแคว้นฉู่ได้ทำลายบรรยากาศในการชมดอกไม้ของพวกเขาเท่านั้น

กู้ชูหน่วนเดินกระแผลกไปข้างหน้า ร้องบอกว่า “รอก่อน พวกเจ้าบอกว่าแคว้นฉู่โจมตีมาถึงภูเขาหยุนฉี แล้วคนของแคว้นฉู่มากันเท่าไหร่”

“กองทัพหลักของแคว้นฉู่ล้วนมากันหมด น่าจะประมาณหนึ่งแสนกว่าคน”

“แสนกว่าคน ทำไมเยอะขนาดนี้ ถ้าหากแค้วนฉู่มีคนมากขนาดนี้ เช่นนั้นการป้องกันของภูเขาหยุนฉีก็คงทำได้ยากมาก”

หนึ่งในหัวหน้าพูดอย่างได้ใจว่า “แม่นางยังไม่รู้อะไร เมื่อก่อนภูเขาหยุนฉีเป็นหน่วยหลักของเผ่าปีศาจ ที่นี่มีการสร้างค่ายกลเก่าแก่ไว้ทุกหนทุกแห่ง แค่เปิดค่ายกลแห่งเดียว ก็เพียงพอที่พวกเขาจะลำบากได้แล้ว อีกทั้งที่นี่เป็นภูเขาสูงชัน ป้องกันง่ายแต่โจมตียาก อย่าว่าพวกเขามีทหารแสนกว่านายเลย แม้จะมีทหารหลายแสนนาย ก็ขึ้นมาไม่ได้ ”

กู้ชูหน่วนขมวดคิ้ว

อีกคนหนึ่งพูดขึ้นว่า “ขอเพียงพวกเราตัดขาดเชือกปลิดชีพ คนที่อยู่ด้านล่างของภูเขาก็ไม่สามารถขึ้นมาได้ อีกทั้งภูเขาสองลูกที่อยู่ด้านล่างนั้นเป็นภูเขาที่ลอยกลางอากาศ ถ้าหากพวกเราเปิดค่ายกลล่องลอย ภูเขาทั้งสองลูกจะถูกแยกจากกัน และกลายเป็นผุยผงในพริบตา ชีวิตนับไม่ถ้วนที่อยู่บนภูเขาจะสลายหายไปทันที”

กู้ชูหน่วนสูดลมหายใจเย็นเข้าเฮือกหนึ่ง

นี่มันค่ายกลอะไรกัน ช่างรุนแรงเกินไปแล้ว

หรือว่าที่พวกเขากล้าทำเช่นนี้เป็นเพราะมีที่พึ่งจึงไม่รู้สึกกลัว

“อาโม่ เจ้าคงไม่ได้คิดจะขังชีวิตของพวกเขาไว้ที่นี่ตลอดไปกระมัง”

นางเชื่อว่าสิ่งที่คนในเผ่าปีศาจพูดไม่ใช่เรื่องโกหก

ขอเพียงพวกเขาคิดจะทำ กองทัพของแคว้นฉู่จำนวนกว่าแสนนายคงจะต้องตายอยู่ที่นี่