ตอนที่ 787 ตามไปคิดบัญชี
อากาศในวันนี้ดีมาก ฟ้าสูงเมฆขาว หลังจากผ่านช่วงยามอู่ไปแล้วอากาศก็ไม่ได้ร้อนจนรู้สึกทนไม่ไหว ซูหลีตื่นขึ้นอย่างเกียจคร้าน หลังจากกินข้าวเสร็จแล้วนางก็เดินชมบ้านใหม่อยู่หลายรอบ
ภายในที่พักแห่งนี้มีระเบียงสีเขียวมรกตพาดข้ามทะเลสาบมรกตของ มีดอกบัวเต็มทะเลสาบ มองจากที่ไกลๆ แล้วรู้สึกว่าสบายอกสบายใจ งดงามเป็นอย่างมาก
วันนี้เป็นวันหยุดพักผ่อนของการว่าราชกิจ ซูหลีจึงใช้โอกาสนี้พักผ่อน
ทว่านางไม่คิดจะพักผ่อนทั้งวันเช่นนี้
ซูหลีโยนอาหารปลาครั้งสุดท้ายลงไปในบ่อ มองดูปลาจิ่นหลี่[1]หลากสีกรูเข้ามาเป็นกลุ่มๆ เพื่อแย่งอาหารกัน นางเห็นดังนั้นก็ฉีกยิ้มอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงปัดมือไปมาแล้วเอ่ยกับชุยตานที่อยู่ด้านหลังว่า
“ไปกันเถอะ”
“ไปไหนขอรับ” ชุยตานอึ้งไป เขาไม่เข้าใจว่าซูหลีจะไปก่อความวุ่นวายที่ไหนอีก
เป็นช่วงเหมันตฤดูพอดี ซูหลีจึงสวมอาภรณ์ค่อนข้างเบาบาง จึงเห็นโครงร่างที่งดงามของนาง นางสวมเสื้อตัวสีแดงดิ้นทอง ท่อนร่างเป็นกระโปรงผ้าบางสีขาว ศีรษะรวบเป็นมวยหลังม้าและปักด้วยปิ่นระย้าสีทอง ตรงขมับมีกุหลาบป่าสีแดงแซมไว้หนึ่งดอก
ดวงตารูปดอกท้อเปล่งประกายอยู่ตลอดเวลา ใบหน้าดุจดอกฝูหรงนั้นงามยิ่งกว่ากุหลาบป่าที่อ่อนหวานถึงสามส่วน
ยิ่งหลังจากซูหลีกลับมาแต่งกายเป็นสตรีแล้ว รูปโฉมที่งดงามนี้ยิ่งมีพลังทำลายล้างกว่าเดิม ยามปกติชุยตานไม่กล้าชำเลืองมองซูหลีเลยแม้แต่น้อย
“ไปคิดบัญชี” ใบหน้าซูหลีประดับด้วยรอยยิ้มคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
เมื่อนางกลับมาอีกฝ่ายก็ส่งของขวัญชิ้นใหญ่มาให้นาง หากนางไม่ตอบแทนอีกฝ่าย นั่นคงจะไม่มีมารยาทเท่าไรนัก!
หลี่ซื่อถูกนางจัดการเรียบร้อยแล้ว ต่อมาก็คือคนเหล่านั้นแล้ว
“…ขอรับ!” ใบหน้าของชุยตานยังคงมีความประหลาดใจ เพียงแต่เมื่อเห็นสีหน้าของซูหลีแล้วเขาก็รู้สึกได้ถึงอันตราย หลังจากเขาตอบรับซูหลีด้วยเสียงแผ่วเบา จากนั้นจึงเดินตามร่างซูหลีออกไป
“ช้าก่อน” ซูหลีเดินไปไม่ถึงสองก้าวพลันหยุดชะงักฝีเท้าลง จากนั้นหมุนกายหันกลับไปมองชุยตาน นัยน์ตาของนางมีประกายวูบไหวอย่างประหลาด
“เลือกผู้มีฝีมือในคนเหล่านั้นสักสองสามคนไปกับพวกเราด้วย”
“ขอรับ!” คนเหล่านั้นก็คือทหารที่โจวเว่ยส่งมาเมื่อเช้านี้
ซูหลีถ่ายทอดคำสั่งกับชุยตานด้วยเสียงแผ่วเบา จากนั้นจึงเดินออกจากระเบียงสีเขียวมรกตไปขึ้นรถม้าที่อยู่ด้านนอก และออกจากจวนซูแห่งใหม่ของนาง
ที่พักแห่งใหม่ของนางนี้ยังไม่มีแผ่นป้าย ดูโล่งๆและมีความไม่สวยงามอยู่บ้าง ซูหลีปล่อยผ้าม่านในรถม้า นางกำลังขบคิดอยู่ในใจครู่หนึ่ง รอมีเวลาว่างนางจะเขียนตัวอักษรสองตัวและให้ข้ารับใช้ไปทำเป็นแผ่นป้าย แล้วแขวนไว้ที่จวนแห่งนี้
รถม้าเคลื่อนตัวออกจากที่นี่อย่างช้าๆ มุ่งหน้าสู่ถนนที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในเมืองหลวง จากนั้นเลี้ยวเข้าสู่ซอยที่เงียบสงบที่สุดในเมืองหลวง
เพราะเหตุใดถึงกล่าวว่าเป็นบริเวณที่สงบที่สุด นั่นเป็นเพราะในซอยแห่งนี้มีบ้านของสองสกุล หนึ่งคือบ้านของสกุลเซี่ย อีกหนึ่งคือบ้านของสกุลป๋าย!
ทั้งสองสกุลนี้ถือเป็นสกุลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง
แต่ก่อนยังมีสกุลหลี่อีกด้วย น่าเสียดายที่…
“คุณหนูถึงแล้วขอรับ” ชุยตานที่ขับรถม้าอยู่ด้านนอกเอ่ยขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา
ซูหลีดึงสติกลับมาอย่างรวดเร็ว และซ่อนความซับซ้อนในสายตาของตนเองเอาไว้ นางกำพัดสีทองที่นางชื่นชอบเป็นอย่างมากเอาไว้ จากนั้นเดินลงจากรถม้า
ภายใต้แสงอาทิตย์ป้ายสกุลป๋ายสีทองนั้นเปล่งแสงแวววับ แทบจะทำให้ซูหลีรู้สึกแสบตา
นางยืนและชำเลืองมองอย่างเงียบๆ อยู่พักหนึ่ง จากนั้นก้าวเท้าเดินเข้าไปในจวนป๋าย
——
[1] ปลาจิ่นหลี่ หมายถึง ปลาคาร์ฟ
ตอนที่ 788 มาก่อนล่วงหน้ามิสู้มาได้เวลาพอดี
“นี่พวกเจ้าเป็นใครกัน” ข้ารับใช้ที่เฝ้าอยู่ที่ประตูจวนป๋ายเห็นซูหลี ผู้ซึ่งเป็นสตรีนำคนที่แต่งกายเหมือนทหารพุ่งตรงเข้ามา ข้ารับใช้ทั้งสองคนพุ่งมาข้างหน้า คิดจะขวางทางพวกเขาเอาไว้
“คุณหนูของพวกข้าคือ…” ในขณะที่ชุยตานต้องการจะตอบพวกเฝ้าอยู่หน้าประตู ซูหลีพลันยกมือขึ้นห้ามเขาเอาไว้
“ทหาร” ซูหลียังคงกำพัดในมือด้วยสีหน้าของเรียบเฉย และในขณะที่ข้ารับใช้ทั้งสองคนกำลังหลงใหลในรูปโฉมที่งดงามของนาง นางพลันเอ่ยขึ้นว่า
“พังประตูเข้าไป!”
อะ อะไรนะ!?
พังประตูเข้าไป!?
ขณะนี้ข้ารับใช้ทั้งสองคนยังไม่หวนคืนสติกลับมา ชุยตานที่มาด้วยก็เช่นกัน ทว่าหลังจากที่เขามีท่าทีตอบสนองแล้วกลับไม่สนใจอะไรมากนัก เขาเพียงคุ้มกันซูหลี และมุ่งเข้าไปภายในจวนแห่งนั้น
ชุยตานลงมือแล้ว เหล่าทหารที่ซูหลีพามาด้วยต่างมองหน้ากัน จากนั้นจึงเดินตามซูหลีเข้าไปในจวนป๋าย
“เฮ้ ช้าก่อน! พวกเจ้าต้องการกระทำสิ่งใดกัน พวกเจ้าไม่มีสิทธิ์ทะเล่อทะล่าเข้าไปเช่นนี้!” หลังจากข้ารับใช้ทั้งสองคนชะงักค้างไป ผ่านไปพักใหญ่พวกเขาถึงจะเริ่มมีท่าทีตอบสนอง แล้วรีบเดินตามเข้าไป
ทว่าพวกเขาก็แค่ข้ารับใช้ธรรมดาเท่านั้น แม้แต่พลังยุทธ์ขั้นพื้นฐานก็ไม่มี แล้วจะสามารถต่อกรกับกลุ่มคนป่าเถื่อนเช่นนี้ได้ที่ไหนกัน
ผ่านไปไม่นานพวกเขาก็ถูกทิ้งไว้ด้านหลัง แม้แต่จะเดินตามก็ยังตามไม่ทัน
ข้ารับใช้ทั้งสองทำอะไรไม่ได้ นอกจากคนหนึ่งจะเดินตามพวกซูหลีไป ส่วนอีกคนรีบไปรายงานให้กับคนอื่นทราบ และถือโอกาสไปเรียกทหารที่อยู่ภายในจวนแห่งนี้
สีหน้าของข้ารับใช้ทั้งสองไม่น่ามองเป็นอย่างมาก ในยามปกติมีคนทะเล่อทะล่าเข้ามา ก็ยังไม่ร้ายแรงเท่ากับวันนี้ ที่บังเอิญก็คือในวันนี้ ลูกสะใภ้ของสกุลเซี่ยอย่างองค์หญิงใหญ่ ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังในเมืองหลวง และคุณชายสกุลเซี่ยทั้งสองก็มาที่นี่ด้วย
ที่มาที่นี่ก็เพื่อมาทาบทามเรื่องงานแต่งงานระหว่างคนสกุลป๋ายกับบุตรขององค์หญิงอย่างเซี่ยเสียน!
คุณหนูที่มีความโดดเด่นที่สุด นั่นก็คือป๋ายถานที่เข้าไปเป็นเหนียงเหนียงในวังหลวงแล้ว ทว่าในสกุลป๋ายนั้นมิได้มีเพียงป๋ายถานเป็นบุตรีเท่านั้น ป๋ายไต้ซือยังมีบุตรีจากอนุอีกหลายคน
เพียงแต่ยามคุณหนูเหล่านี้อยู่ภายใต้ความรุ่งโรจน์ของป๋ายถานแล้ว กลับมิได้โดดเด่นเท่าไรนัก
ทว่าแม้จะไม่โดดเด่นนัก แต่ก็ได้รับความสนใจมากกว่าคุณหนูผู้สูงศักดิ์ในสกุลโดยทั่วไป ถึงอย่างไรก็มีสกุลป๋ายคอยหนุนหลัง เพียงแต่ใครจะคิดว่า องค์หญิงใหญ่จะมาถึงที่นี่อย่างกะทันหัน นางเอ่ยว่าต้องการมาพบคุณหนูรองของสกุลป๋าย
นี่หากไม่ใช่การมาทาบทาม จะเรียกว่ามาทำอะไรได้อีก
องค์หญิงมียศถาบรรดาศักดิ์ที่สูงส่ง วันนี้เหล่าข้ารับใช้ในสกุลป๋ายจึงระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะเกรงว่าตนจะล่วงเกินผู้สูงศักดิ์
ทว่าสกุลป๋ายนั้นที่ประพฤติดี กลับไม่รู้ว่าจู่ๆ จะมีสตรีที่งามดุจเซียนโผล่มาที่นี่ ทั้งยังนำคนทะเล่อทะล่าเข้ามา นะ นี่จะทำอย่างไรดี…
และที่บังเอิญก็คือ ในเวลานี้องค์หญิงใหญ่กำลังพูดคุยกับหวังซื่อ ผู้เป็นฮูหยินของป๋ายไต้ซือ และบรรดาบุตรและบุตรีก็กำลังสนทนากันอยู่ภายในสวนบุปผาที่ตกแต่งอย่างประณีต ซูหลีมุ่งตรงเข้าไปเช่นนี้ จักต้องเห็นภาพบรรยากาศในเวลานี้อย่างแน่นอน
เซี่ยเสียนกับเซี่ยอวี่เสียนยืนอยู่ด้านหลังของสตรีที่สวมอาภรณ์ที่สวยงามและหรูหรา รูปโฉมของนางงามโดดเด่น มีกลิ่นกายที่น่าเกรงขาม ส่วนข้างกายของสตรีผู้นี้ยังมีฉินมู่ปิงนั่งอยู่ข้างๆ ส่วนอีกด้านหนึ่งเป็นสตรีแปลกหน้า และป๋ายเฮ่อนั้นยืนอยู่ด้านหลังของสตรีผู้นี้
เมื่อเปรียบกับก่อนหน้านี้แล้ว สีหน้าของป๋ายเฮ่อมีความกลัดกลุ้ม มองโดยรวมแล้วดูเคร่งขรึมกว่าเดิมมาก
ข้างกายของเขามีดรุณีวัยแรกแย้มยืนอยู่ มองดูแล้วอายุน้อยกว่าซูหลีอยู่บ้าง นางผู้นี้มีใบหน้าคล้ายคลึงกับสตรีอันดับหนึ่งอย่างป๋ายถาน
ซูหลีหยุดฝีเท้าอยู่ครู่หนึ่ง นางเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เอ๋ นี่เป็นการมาก่อนล่วงหน้ามิสู้มาได้เวลาพอดีนี่นา นึกไม่ถึงว่านางจะมาเจอเรื่องนี้เข้า