บทที่ 721 : หนี้เลือด!

 

ค่ายกลเขาวงกตไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้วหลิงหยุนหัวเราะพร้อมกับกระโดดเข้าไปด้านใน และจัดการใช้ฝ่ามือกระแทกก้อนหินออกเพื่อทำลายค่ายกลทิ้งไป

 

หมอกหนาสีขาวจางหายไปในทันทีเหลือไว้เพียงแค่ค่ายกลหลุมพังซึ่งเวลานี้หลิงซิ่วกำลังนั่งฝึกฝนอยู่ด้านใน

 

หลิงหยุนจ้องมองหลิงซิ่วที่กำลังจดจ่ออยู่กับการฝึกฝนและได้แต่แอบตกใจอยู่ไม่น้อยพร้อมกับคิดในใจว่า

 

‘นี่นางก้าวหน้ารวดเร็วถึงเพียงนี้เชียวรึ!’

 

การฝึกฝนของหลิงซิ่วนับว่าก้าวหน้าได้รวดเร็วอย่างมากเดิมทีนางอยู่ในระดับเริ่มต้นของขั้นโฮ่วเทียน-9 แต่เพียงแค่ชั่วประเดี๋ยวเดียวก็สามารถขึ้นสู่ระดับกลางของขั้นโฮ่วเทียน-9 ได้แล้ว และยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดอยู่แค่นั้น ยังคงพัฒนาขึ้นสู่ระดับสูงสุดขั้นโฮ่วเทียนเก้าอย่างต่อเนื่อง!

 

สายเลือดตระกูลหลิงไม่ว่าหญิงหรือชายล้วนแล้วแต่มีพรสวรรค์แทบทั้งสิ้น แต่ผู้ที่นับว่ามีพรสวรรค์อย่างน่าอัศจรรย์ที่สุดก็คือหลิงหยุน!

 

หลิงหยุนหันไปสั่งนักรบตระกูลหลิงทั้งหกคน“พวกเจ้าระมัดระวังด้วย.. อย่าให้ไปรบกวนการฝึกของนางล่ะ!”

 

จากนั้นหลิงหยุนก็กระโดดขึ้นหมุนตัวลอยละลิ่วออกไปไกลถึงเจ็ดสิบเมตรก่อนจะไปหยุดยืนอยู่ข้างเหล่ากุ่ย

 

“เหล่ากุ่ย..ท่านจัดการให้คนนำศพมากองรวมกันหมดแล้วใช่มั๊ย”

 

หลิงหยุนจ้องมองร่างไร้วิญญาณของเหล่านินจาที่กองอยู่ด้านหน้าพร้อมกับหันไปถามเหล่ากุ่ย

 

“หมดแล้วขอรับนายน้อยสี่..”เหล่ากุ่ยจัดการเปลี่ยนมาเรียกหลิงหยุนว่านายน้อยสี่แทนทันที

 

หลิงหยุนขยิบตาพร้อมกับมองไปทางสวนชั้นที่เจ็ดแล้วรีบบอกเหล่ากุ่ยยิ้มๆ “เหล่ากุ่ย.. ข้าว่าถ้าท่านไม่อยากให้ข้ามีปัญหาจริงๆ ก็เรียกข้าว่านายน้อยห้าจะดีกว่า!”

 

เหล่ากุ่ยหัวเราออกมาอย่างมีความสุข“ฮ่า.. ฮ่า.. จะเป็นนายน้อยสี่ หรือนายน้อยห้า.. บ่าวแก่ๆอย่างข้าก็มีความสุขทั้งนั้น!”

 

หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยและระหว่างนั้นขวดใส่ผงสีเหลืองก็ปรากฏขึ้นในมือข้างซ้ายของเขา..

 

หลิงหยุนจัดการเปิดฝาขวดออกและโรยผงสีเหลืองนั้นลงบนบาดแผลที่หน้าอกของร่างไร้วิญญาณเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

 

ผงสีเหลืองนั้นซึมซาบเข้าไปในบาดแผลของผู้ตายและเลือดภายในร่างที่ไร้วิญญาณเหล่านั้นก็ตอบสนองต่อยาพิษอย่างรุนแรง

 

แผลบนร่างไร้วิญญาณค่อยๆขยายใหญ่ขึ้นหลังจากนั้นไม่ว่าจะเป็นเลือด กล้ามเนื้อ กระดูก หรือว่าอวัยวะส่วนอื่นๆ ต่างก็เริ่มละลายกลายเป็นน้ำทันที เวลานี้บริเวณพื้นก็ได้มีน้ำสีเหลือง และฟองสีขาวเจิ่งนองไปทั่วทั้งบริเวณ

 

ในไม่ช้า..ซากศพเหล่านั้นก็ถูกผงละลายศพกัดกร่อนจัดจนเนื้อ และกระดูกต่างได้ละลายกลายเป็นน้ำสีเหลือง ผงละลายศพค่อยๆ กัดกร่อนจากร่างกายท่อนบนลงไปท่อนล่างอย่างรวดเร็ว..

 

“มิน่าเหมี่ยวเสี่ยวเสี่ยวเหมาถึงได้บอกให้ข้าโรยผงละลายศพจากร่างกายท่อนบน..”

 

หลิงหยุนได้แต่คิดอยู่ในใจว่าผงละลายศพที่เหมี่ยวเสี่ยวเหมาให้มานั้นช่างน่ากลัวมากทีเดียว แน่นอนว่าสามารถใช้ละลายซากศพได้ แต่ไม่รู้ว่าจะใช้ได้ผลกับร่างของคนที่ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่!

 

และหากเหมี่ยวเสี่ยวเหมาได้ล่วงรู้ความคิดเช่นนี้ของหลิงหยุนก่อนแล้วล่ะก็..นางคงจะรีบยึดผงละลายศพกลับคืนอย่างแน่นอน เพราะท่อนบนของร่างกายนั้นคือตำแหน่งของหัวใจ และหากนำไปใช้กับคนที่ยังมีชีวิตแล้วล่ะก็ แค่คิดที่จะทำเช่นนั้นก็นับว่าเป็นเรื่องที่ไร้ยางอายอย่างที่สุดแล้ว!

 

เพียงแค่เสี้ยวนาทีเท่านั้นเสียงซิแซะที่เกิดจากการกัดกร่อนของผงละลายศพก็เงียบหายไป และศพทั้งสิบสี่ศพของเหล่านินจาก็ได้ละลายกลายเป็นน้ำสีเหลืองในทันที!

 

แต่ก็มีเพียงน้ำสีเหลืองนี้เท่านั้นไม่ได้มีกลิ่นฉุน หรือกลิ่นไม่พึงประสงค์แต่อย่างใด แต่ควรจะพูดว่าไม่มีกลิ่นเลยน่าจะถูกต้องที่สุด! และนั่นทำให้หลิงหยุนพอใจอย่างมาก

 

เหล่ากุ่ยถึงกับกระซิบถามด้วยความตกตะลึง“นายน้อยห้า.. นี่มันผงละลายศพนี่”

 

หลิงหยุนขยิบตาพร้อมกับพยักหน้า“ถูกต้อง.. ผงละลายศพขวดนี้ เหมี่ยวเสี่ยวเหมาให้ข้ามา”

 

เมื่อพูดถึงเหมี่ยวเสี่ยวเหมา..จู่ๆหลิงหยุนก็คิดถึงหญิงงามคนนี้ที่จิงฉูขึ้นมาทันที!

 

หลิงหยุนเป็นคนสบายๆ..เมื่อคิดถึงก็ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรหาเหมี่ยวเสี่ยวเหมาทันที!

 

เสียงเรียกสายดังขึ้นสองครั้งปลายสายก็รับทันที หลิงหยุนจึงพูดขึ้นว่า “นี่แม่สาวน้อยสารพัดพิษ.. ผงละลายศพของคุณใช้ได้ผลดีมากเลยทีเดียว!”

 

“…..”ไม่มีเสียงตอบรับจากปลายสาย

 

จากนั้นสักพักเสียงของเหมี่ยวเสี่ยวเหมาก็ดังขึ้น “อะไรนะ! นี่อย่าบอกนะว่านายไปถึงเมืองหลวงแค่สองสามวันก็ฆ่าคนอีกแล้วเหรอ?! ดูท่าจะฆ่าไปหลายคนด้วยสินะ!”

 

หลิงหยุนหัวเราะพร้อมกับตอบไปว่า“เป็นศพนินจาทั้งหมด!”

 

หลิงหยุนคิดว่าหลังจากที่เหมี่ยวเสี่ยวเหมาได้ฟังคำตอบของเขานางคงจะต้องโวยวายกลับมา แต่กลับคิดไม่ถึงว่านางจะตอบกลับมาด้วยความห่วงใย

 

“หลิงหยุน..นายเผชิญหน้ากับศัตรูมากมายขนาดนั้น ระวังตัวให้ดีด้วยล่ะ!”

 

หลิงหยุนได้แต่แอบคิดอยู่ในใจว่า‘นี่ข้าไม่ได้หูฝาดไปนะ! หากเป็นหนิงน้อยพูดก็ไม่แปลกอะไร แต่นี่เป็นเหมี่ยวเสี่ยวเหมา!’

 

“นี่หลิงหยุน..ทำไมนายถึงได้เงียบไปล่ะ! แล้วก็อย่าลืมสัญญาที่ให้ไว้กับฉันล่ะ ฉันให้เวลานายมากที่สุดหนึ่งเดือนเท่านั้น!” เหมี่ยวเสี่ยวเหมารีบทวงสัญญากับหลิงหยุนทันที

 

หลิงหยุนรู้ว่าเหมี่ยวเสี่ยวเหมากำลังทวงสัญญาเรื่องที่เขารับปากว่าจะทำให้ท่านหมอเสี่ยวกับเหมี่ยวเฟิงหวงเข้าใจกันและให้ทั้งคู่ก้าวข้ามกำแพงกลับมามีความสุขในบั้นปลายชีวิตด้วยกันอีกครั้ง

 

ก่อนที่จะสอบเอนทรานซ์นั้นหลิงหยุนเองก็ได้ไปพบท่านหมอเสี่ยว และเหมี่ยวเสี่ยวเหมาก็อยู่ด้วยในเวลานั้น หลิงหยุนได้จัดการฝังเก้าเข็มปลุกชีพให้กับท่านหมอเสี่ยวอีกครั้ง เพื่อจัดการควบคุมหนอนกู่ในร่างกายของเขาไม่ให้กำเริบได้อีกในช่วงเวลาสามเดือน

 

ด้วยกำลังภายในของหลิงหยุนเวลานั้นเขาสามารถจัดการฆ่าหนอนกู่ที่อยู่ในร่างของท่านหมอเสี่ยวได้อย่างง่ายดาย แต่เขาก็เพียงแค่ควบคุมมันไว้ชั่วคราวเท่านั้น..

 

และก่อนที่หลิงหยุนจะกลับออกไปเหมี่ยวเสี่ยวเหมาก็ได้เตือนเขาอีกครั้งว่า หลังจากที่สอบเอนทรานซ์เสร็จ เขาจะต้องรีบไปเผ่าเหมี่ยวเจียงกับนางโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ และต้องรีบทำให้ปู่กับย่าของนางก้าวข้ามความขัดแย้งในอดีตให้ได้เสียที

 

คนหนึ่งคือปู่ส่วนอีกคนก็คือย่า และการที่ท่านปู่ของนางต้องมาเจ็บป่วยเช่นนี้ เหมี่ยวเสี่ยวเหมาในฐานะที่เป็นหลานสาว ย่อมรู้สึกไม่สบายใจอย่างแน่นอน!

 

หลิงหยุนรับปากไปเพราะเวลานั้นยังไม่มีเรื่องอื่นๆเข้ามาเกี่ยวข้องแต่เวลานี้เรื่องของท่านหมอเสี่ยวยังสามารถประวิงเวลาได้ แต่เรื่องของเกาเฉินเฉินนั้นไม่สามารถรอคอยได้อีก และเขาเองก็ต้องมาเมืองหลวงด้วยเรื่องของตระกูลหลิงก่อน!

 

“คุณไม่ต้องกังวล..ผมไม่ลืมสัญญาอย่างแน่นอน!”

 

เวลานี้หลิงหยุนเองก็ได้กลับเข้าตระกูลหลิงและได้พบกับท่านปู่ของตนเองแล้วเขาจึงสัมผัสได้ถึงความรักความห่วงใยที่ท่านปู่มีให้กับตนเอง หลิงหยุนได้รับรู้แล้วว่าความผูกพันทางสายเลือดนั้นเป็นเช่นใด เขาจึงยิ่งเข้าใจความร้อนใจของเหมี่ยวเสี่ยวเหมามากขึ้น!

 

อีกทั้งเหมี่ยวเสี่ยวเหมายังเคยบอกกับเขาว่าในเผ่าเหมี่ยวเจียงนั้นมีภูเขาอยู่นับร้อยนับพันลูก และมีต้นไม้สมุนไพรที่มีพลังชีวิตอยู่ทุกหนทุกแห่ง ไม่ว่าจะไปที่ใหนก็สามารถสัมผัสถึงพลังชีวิตได้ไม่ยาก สถานที่ที่วิเศษเช่นนี้.. หลิงหยุนจะไม่ย่างกรายเข้าไปได้อย่างไรกัน!

 

“พี่หลิงหยุน..ทำไมพี่โทรหาพี่ใหญ่ แต่ไม่ยอมโทรหาฉัน!”

 

เพียงครู่เดียว..เสียงปลายสายก็เปลี่ยนเป็นเสียงของเสี่ยวเม่ยหนิงดังขึ้นมาแทน!

 

“เอ่อ..ก็ผมมีธุระกับพี่สาวของคุณนี่!” หลิงหยุนนึกคำแก้ตัวได้เพียงแค่นั้น

 

“พี่โทรหาพี่ใหญ่เรื่องอะไร!ห๊ะ.. นี่อย่าบอกนะว่าพี่ฆ่าคนอีกแล้ว แล้วก็ใช้ผงละลายศพที่พี่ใหญ่ให้ไป!”

 

หลังจากครุ่นคิดเพียงเดี๋ยวเดียวเสี่ยวเม่ยหนิงก็พูดต่อว่า “ฉันจะไปปักกิ่งเดี๋ยวนี้..”

 

หลิงหยุนถึงกับเหงื่อตกพร้อมกับร้องอุทานเสียงหลง“ไม่ได้นะ!”

 

เวลานี้หลิงหยุนยังคงยุ่งอยู่กับเรื่องของเกาเฉินเฉินหากเด็กสาวตัวแสบนี้มาปักกิ่งจริงๆ เขาคงจะไม่มีเวลาได้ทำอะไรแน่!

 

“ทำไมฉันจะไปไม่ได้!พ่อแม่ของฉันก็อยู่ปักกิ่ง.. ฉันจะไป!”

 

วันที่หลิงหยุนจะออกเดินทางจากจิงฉูมาปักกิ่งนั้นทุกอย่างรีบร้อนมากจนเด็กสาวตัวแสบไม่ได้มาส่งเขาด้วยตัวเอง เวลานี้เธอจึงคิดถึงหลิงหยุนจนแทบบ้า!

 

“หนิงน้อย..เชื่อฟังผมนะ! เวลานี้คุณจะต้องตั้งใจฝึกวิชาที่ผมสอนให้ และต้องตั้งใจเรียนรู้วิชาเก้าเข็มปลุกชีพให้เก่ง ต่อไปคุณจะได้เป็นหมอที่ยิ่งใหญ่ แล้วก็จะได้ช่วยเหลือผู้คนในประเทศนี้ยังไงล่ะ..”

 

หลิงหยุนนั้นนับว่าเป็นคนที่ไร้ยางอายอย่างที่สุด!

 

เสี่ยวเม่ยหนิงได้ฟังก็ยิ้มอย่างพอใจเพราะไม่ง่ายนักที่เธอจะได้ฟังคำชมจากหลิงหยุนเช่นนี้ เธอไม่ดื้อดึงอีกต่อไป และรีบเปลี่ยนน้ำเสียงที่พูดกับเขาทันที

 

“พี่หลิงหยุน..ถ้าอย่างนั้นพี่ก็ต้องระวังตัวด้วยนะ! แล้วถ้าวันใหนที่พี่ไม่ยุ่งมาก ฉันก็อยากจะ..”

 

หลิงหยุนตอบกลับไปทันที“ผมอยู่ตั้งไกล.. จะจูบคุณได้ยังไงกัน”

 

“จะบ้าเหรอ!ฉันอยากจะวีดีโอคอลคุยกับพี่ต่างหากเล่า!” เสี่ยวเม่ยหนิงตอบกลับไปพร้อมกับบิดไปมา และใบหน้าแดงก่ำด้วยความเขินอาย

 

“อ่อ..ที่แท้ก็เรื่องแค่นี้เอง!” หลิงหยุนปาดเหงื่อเม็ดโตบนหน้าผาก

 

หลังจากที่วางสายไปแล้วหลิงหยุนก็พบว่าทั้งหลิงหย่ง หลิงเฟิง และหลิงเลี่วย ต่างก็กำลังยืมล้อมรอบตัวเขา และกำลลังทำหน้าล้อเลียนพร้อมกับถามขึ้นว่า

 

“พี่ห้า..ท่านคุยกับใครกัน!” หลิงเลี่วยจงใจถามพร้อมกับยิ้มอย่างรู้ทัน

 

“พี่สะใภ้ของเจ้า..”หลิงหยุนตอบยิ้มๆ และไม่คิดที่จะปิดบัง

 

“เป็นพี่สะใภ้ทั้งสองคนเลยงั้นรึ..”หลิงเลี่วยลากเสียงยาวคล้ายจะล้อเลียน

 

หลิงหยุนคร้านที่จะต่อล้อต่อเถียงเขาจึงหันไปร้องตะโกนสั่งเหล่ากุ่ยให้จัดการทำความสะอาดน้ำสีเหลืองที่นองพื้นอยู่ แล้วจึงเดินตรงไปยังสวนชั้นที่หกต่อทันที..

 

แน่นอนว่าทั้งหลิงหยุ่งหลิงเฟิง และหลิงเลี่วย ต่างก็เดินตามหลิงหยุนไปติดๆ

 

“พวกเจ้าสามเคยฆ่าคนมาบ้างหรือยัง”หลิงหยุนร้องถามขณะที่เดินออกไป

 

“เอ่อ..ของข้าน่าจะหนึ่งหรือสอง” หลิงหย่งคิดอยู่นานก่อนจะตอบกลับไป

 

“แค่นั้นเองรึ พวกเจ้ามากับข้า.. ข้าจะสอนพวกเจ้าฆ่าคน!” หลิงหยุนพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยรังสีอำมหิต

 

หลิงหย่งหลิงเฟิง และหลิงเลี่วย ต่างก็หันไปมองหน้ากัน และได้แต่คิดในใจว่าหลิงหยุนนั้นช่างโหดเหี้ยมดุดันเสียจริงๆ! พวกเขาขอให้หลิงหยุนสอนวรยุทธให้ แต่ยังไม่ทันที่จะได้เรียนวรยุทธ หลิงหยุนก็จะสอนพวกเขาฆ่าคนก่อนแล้ว!

 

“ห๊ะ..นี่ท่านพูดจริงๆรึ!” หลิงเลี่วยถึงกับร้องถามออกมาด้วยความประหลาดใจ

 

ในระหว่างการต่อสู้ที่ดุเดือดก่อนหน้านี้นั้นทั้งสามคนต่างก็ดวงตาแดงก่ำเพราะคิดว่าตระกูลหลิงคงต้องถึงคราวสิ้นสลายแล้ว อีกทั้งยังพบเห็นซากศพกลาดเกลื่อนไปทั่วทั้งบริเวณ จึงไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวอะไรอีกแล้ว!

 

แต่หลังจากที่สถานการณ์พลิกผลันกลับเป็นตรงกันข้าม..เด็กหนุ่มทั้งสามคนก็ได้แต่จ้องมองซากศพที่กระจัดกระจายอยู่เต็มสวนภายในบ้านตระกูลหลิง มันดูไม่ต่างจากขุมนรกเลยแม้แต่น้อย! ชิ้นส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแขนขาล้วนกระเด็นไปทั่วทุกหนทุกแห่ง เลือดกระเซ็นซ่าน และเจิ่งนองไปทั่วทั้งบริเวณ แต่ทั้งสามคนกลับไม่มีท่าทางผะอืดผะอม หรืออยากจะอาเจียนกับภาพที่ได้เห็นเลยแม้แต่น้อย

 

ตั้งแต่เล็กจนโตมานั้นทั้งสามพี่น้องต่างก็เพิ่งจะเคยฆ่าคนเป็นครั้งแรก!

 

“เอาล่ะ..จากนี้ไปจะเป็นการชำระหนี้เลือด! ฆ่าพวกมันให้หมด ใครสามารถฆ่าได้มากกว่า คนนั้นก็จะได้ฝึกวรยุทธกับข้าก่อน!”

 

หลิงหยุนไม่รอให้สามพี่น้องได้มีโอกาสลังเลเขาเดินตรงเข้าไปหานินจาที่ถูกหักขาทั้งยี่สิบคนทันที

 

นักรบตระกูลหลิงเป็นร้อยแต่กลับมีชีวิตรอดเพียงแค่สามสิบหกคน นอกนั้นได้ถูกเหล่านินจาสังหารอย่างเหี้ยมโหดในสนามต่อสู้ และแน่นอนว่าพี่น้องทั้งสามสิบหกคนต่างก็ต้องการชำระหนี้เลือดครั้งนี้เช่นกัน!

 

หนี้เลือดในครั้งนี้ก็ต้องชำระด้วยเลือด!