บทที่ 722 : พลังจิต และพลังวนหยิน-หยาง!

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

บทที่ 722 : พลังจิต และพลังวนหยิน-หยาง!

 

หลิงหยุนเดินไปด้วยร่างที่ฉายรังสีอำมหิตออกมาอย่างชัดเจนบ่งบอกถึงความต้องการที่จะสังหารศัตรูตรงหน้าโดยที่ใครก็ไม่อาจหยุดยั้งได้!

 

หลิงหยุนเปิดจิตหยั่งรู้ออกสำรวจไปรอบๆและเมื่อพบกระบี่เปื้อนเลือดที่หล่นอยู่บนพื้นกระเบื้องสีฟ้า เขาก็เอื้อมมือออกไปทางกระบี่ด้ามนั้นทันที!

 

ฟรึบ!

 

ยังไม่ทันที่หลิงหยุนจะได้โน้มตัวลงเก็บกระบี่ยาวบนพื้นเลยด้วยซ้ำกระบี่ด้ามนั้นก็พุ่งจากพื้นเข้าสู่ฝ่ามือของหลิงหยุนทันทราวกับถูกดูดด้วยแม่เหล็ก!

 

“หลิงเลี่วย..เจ้ามาก่อนคนแรก!”

 

หลิงหยุนเองก็ไม่ทันได้สังเกตเห็นกระบี่ที่พุ่งจากพื้นเข้าสู่ฝ่ามือของตนเองเขาหันไปมองหลิงเลี่วยด้วยสีหน้าที่ฉายรังสีอำมหิตพร้อมกับยื่นกระบี่ในมือให้

 

หลิงเลี่วยจ้องมองหลิงหยุนด้วยความตกตะลึงเขายืนอ้าปากค้างพร้อมกับจ้องมองกระบี่ในมือของหลิงหยุน!

 

ไม่ใช่เพียงหลิงเลี่วยเท่านั้นที่อยู่ในอาการตกตะลึง!

 

ทั้งหลิงเฟิงหลิงหย่ง และนักรบตระกูลหลิงทั้งสามสิบหกที่พากันวิ่งเข้ามานั้น ต่างก็จ้องมองหลิงหยุนด้วยอาการตกตะลึงเช่นเดียวกัน!

 

พลังจิต!นี่หลิงหยุนมีพลังจิตด้วยหรือ!

 

“เจ้าไม่กล้ารึ!”

 

หลิงหยุนร้องถามหลิงเลี่วยที่ยืนนิ่งอ้าปากค้างและคิดว่าหลิงเลี่วยไม่กล้าที่จะลงมือสังหารเหล่านินจา จึงได้แต่ร้องถามออกไปด้วยความหงุดหงิด เวลานี้นินจาทั้งยี่สิบคนไม่มีทั้งอาวุธ ไม่มีทั้งเรี่ยวแรงที่จะต่อสู้ และพวกมันยังได้สังหารนักรบตระกูลหลิงไปถึงเจ็ดสิบกว่าคน!

 

หลิงเลี่วยยกมือขวาขึ้นชี้ไปที่กระบี่ในมือของหลิงหยุนพร้อมกับร้องถามออกมาอย่างตกใจ “พี่ห้า.. นี่ท่าน.. ท่านมีพลังจิตด้วยหรือนี่!”

 

หลิงหย่งเองก็มีปฏิกิริยาไม่ต่างจากน้องชายเขาร้องถามด้วยสีหน้าตื่นเต้น “น้องห้า.. ดูเหมือนเจ้าจะมีพลังจิต.. นี่เจ้าต้องมีพลังจิตแน่ๆ! ช่างน่าอัศจรรย์เหลือเกิน!”

 

“เอ่อ..”

 

หลิงหยุนถึงกับพูดไม่ออกและได้แต่คิดในใจว่าพลังจิตอะไรกัน!

 

หลิงหยุนก้มมองกระบี่ในมือขวาของตนเองด้วยความงุนงงสงสัยแล้วจึงคิดใคร่ครวญดูว่าตนเองได้ทำอะไรลงไป และก็ได้รู้ว่าทุกคนกำลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่

 

หลิงหยุนได้แต่นึกตื่นเต้นอยู่ในใจว่า..‘นี่ข้าไม่ได้ตั้งใจทำให้ดูเหมือนมีพลังจิตเลยแม้แต่น้อย!’

 

ในการเกิดสิ่งที่มนุษย์เรียกว่าพลังจิตนั้นสำหรับหลิงหยุนแล้วสามารถเกิดขึ้นได้จากสองสาเหตุ..

 

สาเหตุแรกคือเกิดจากการมีจิตหยั่งรู้ที่แข็งแกร่งและทรงพลังจิตหยั่งรู้ที่แข็งแกร่งนั้นไม่เพียงแค่สามารถใช้ดึงดูดวัตถุสิ่งของที่อยู่ในระยะไกลได้ แต่หากแข็งแกร่งหรือมีกำลังมากพอ ก็จะสามารถใช้แทนมือไม้ได้เลยทีเดียว หรืออาจเรียกว่าเป็นมือล่องหนที่สามารถใช้ทำแทนเรื่องต่างๆแทนมือได้เลยก็ว่าได้

 

แต่จิตหยั่งรู้จะครอบคลุมหรือสามารถทำอะไรได้แค่ใหนนั้น ก็ขึ้นอยู่กับขั้นการบ่มเพาะพลังของคนผู้นั้นด้วย

 

ส่วนสาเหตุที่สองก็คือ..ลมปราณที่ส่งออกมาจากฝ่ามือนั่นเอง ฝ่ามือนั้นไม่เพียงสามารถปลดปล่อยลมปราณที่มีพลังรุนแรงดังเช่นพายุออกมาได้ แต่ยังสามารถใช้ลมปราณดูดกลับเข้าไปได้อีกด้วย หากลมปราณในจุดตันเถียนของผู้นั้นเกิดการหมุนกลับ ก็จะทำให้เกิดลมปราณที่ดูดกลับ และสามารถดึงดูดสิ่งของวัตถุที่อยู่ในระยะไกลได้เช่นเดียวกัน และสิ่งของวัตถุนั้นก็จะแนบติดกับฝ่ามือของคนผู้นั้นได้ราวกับแม่เหล็กที่ดูดตะปูไว้เลยทีเดียว

 

และแรงดูดนี้ก็จะสัมพันธ์กับระดับกำลังภายในของคนผู้นั้นด้วยยิ่งแข็งแกร่งมากเพียงใด แรงดูดก็จะยิ่งมีพลังมาก เช่นเดียวกับที่แม่เหล็กยิ่งมีขนาดใหญ่ ก็จะยิ่งมีแรงดูดที่รุนแรงจนสามารถดูดเหล็กขนาดที่ใหญ่ขึ้นได้

 

ลักษณะการดูดกลับเช่นนี้ของลมปราณภายในร่างกายก็จะคล้ายๆกับปรากฏการณ์มังกรพ่นน้ำที่เกิดจากกระแสน้ำวน เพียงแต่เปลี่ยนเป็นกระแสหมุนวันของลมปราณแทน

 

แต่ถึงกระนั้น..การจะดึงลมปราณกลับเพื่อให้เกิดพลังดูดรุนแรงผ่านฝ่ามือนั้น ก็เป็นเรื่องที่ทำได้ยากกว่าการปล่อยลมปราณออกทางฝ่ามือหลายพันเท่านัก แม้แต่ยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-8 ก็ยังไม่สามารถทำเช่นนั้นได้!

 

จิตหยั่งรู้ของหลิงหยุนเวลานี้ยังไม่แข็งแกร่ง และมีพลังมากพอที่จะทำเช่นนี้ได้..

 

หลิงหยุนรู้สึกตื่นเต้นดีใจเมื่อคิดได้ว่าวิชาพลังลับหยิน-หยางที่เขาเพียรฝึกฝนมาอย่างต่อเนื่องนั้น เวลานี้ได้ก้าวหน้าแล้ว และพลังหยินหยางที่อยู่ในจุดตันเถียนของเขานั้น ก็กำลังจะก่อรูปเป็นพลังวนหยิน-หยาง!

 

เมื่อครั้งที่อยู่บนเกาะเตียวหยูนั้นหลิงหยุนคาดเดาว่าหากเขาเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นปรับร่างกาย-8 ได้เมื่อใด ก็จะสามารถใช้จิตหยั่งรู้ของตนเองสำรวจดูภายในร่างกายได้ แต่เวลานี้หลิงหยุนเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นปรับร่างกาย-9 แล้ว แต่จิตหยั่งรู้ของเขาก็ยังไม่สามารถมองเห็นภายในร่างกายตัวเองได้อย่างที่คิดไว้!

 

หลิงหยุนได้เคยพยายามทดลองดูหลายต่อหลายครั้งแต่ก็ต้องล้มเหลวทุกครั้ง และนั่นทำให้หลิงหยุนรู้สึกเสียใจอย่างมาก..

 

ส่วนเนตรหยินหยางของหลิงหยุนเวลานี้สามารถมองทะลุแผ่นเหล็ก หิน หรือสิ่งกีดขวางที่มีความหนาถึงสิบเซ็นติเมตรได้แล้วหากใช้เนตรหยินหยางขั้นสุด เขาสามารถมองมองทะลุเข้าไปในต้นขาของตนเองได้ แต่กลับไม่สามารถมองเห็นจุดตันเถียนของตนเองได้..

 

ในเมื่อไม่สามารถมองเห็นจุดตันเถียนของตนเองได้หลิงหยุนจึงยังคงไม่รู้ว่าเวลานี้จุดตันเถียนของเขานั้นมีลักษณะอย่างไรแล้วบ้าง! จึงได้แต่วิเคราะห์คาดเดาไปตามความรู้สึก

 

อย่างที่เคยอธิบายไปก่อนหน้านี้..จุดตันเถียนของคนเรานั้นไม่ได้มีลักษณะแบนเรียบ แต่มีลักษณะเป็นทรงกลม

 

ส่วนจุดตันเถียนของหลิงหยุนนั้นกลับเป็นรูปยันต์หยิน-หยางแปดทิศและไม่ว่าจะมองมุมใหน จุดตันเถียนของหลิงหยุนก็จะเป็นรูปยันต์แปดทิศที่มีหยิน-หยางอยู่ด้านใน

 

ยิ่งไปกว่านั้น..จุดตันเถียนที่เป็นรูปยันต์หยิน-หยางแปดทิศของหลิงหยุนนี้ ก็ยังหมุนอยู่ตลอดเวลาไม่มีหยุด และมีพลังหยิน-หยางที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่พวยพุ่งออกมาจากดวงตาหยิน-หยางที่อยู่ด้านในอย่างต่อเนื่อง และด้วยสาเหตุนี้ทำให้การฝึกฝนของหลิงหยุนก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว

 

การที่พลังหยิน-หยางถูกสร้างขึ้นได้เองจากภายในร่างกายเช่นนี้ไม่ว่าจะเป็นอัจฉริยะด้านบ่มเพาะคนใหน หากได้เห็นความสามารถที่น่าอัศจรรย์นี้ของหลิงหยุน ก็คงต้องรู้สึกอิจฉาจนแทบคลั่ง และแทบอยากฆ่าเขาทิ้งอย่างแน่นอน!

 

สิ่งที่เกิดขึ้นกับหลิงหยุนนั้นไม่ต่างจากการสร้างสรรบางสิ่งบางอย่างจากความว่างเปล่า และความสามาถที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้ ใครบ้างที่จะไม่รู้สึกหวาดกลัวเล่า

 

อย่าว่าแต่ผู้ที่บ่มเพาะพลังด้วยกันจะหวาดกลัวเลยแม้แต่ตัวหลิงหยุนเองก็ทั้งหวาดกลัวและหวั่นใจ เพราะความจริงแล้ววิชาลับหยิน-หยางไม่ควรเป็นเช่นนี้..

 

วิชาลับหยิน-หยางนั้นคือการดูดซับเอาพลังชีวิตและพลังชี่ที่อยู่ระหว่างสวรรค์กับโลกเข้าไปในร่างกาย จากนั้นจึงเปลี่ยนพลังที่ดูดซับเข้าไปนี้เป็นพลังหยิน-หยางในร่างกายของตนเองผ่านการฝึกวิชา แต่นี่จุดตันเถียนของหลิงหยุนสามารถสร้างพลังหยิน-หยางขึ้นมาได้เองโดยไม่ต้องดูดซับอะไรเข้าไป!

 

เมื่อครั้งที่หลิงหยุนลงไปฝึกวิชาลับหยิน-หยางที่ก้นหลุมยักษ์นั้นทำให้จุดตันเถียนของหลิงหยุนเปลี่ยนเป็นแปลกประหลาดลึกลับ จากจุดตันเถียนธรรมดาได้กลายเป็นจุดตันเถียนรูปยันต์หยิน-หยางแปดทิศที่สามารถสร้างพลังหยิน-หยางขึ้นมาได้เอง!

 

แทบไม่ต้องพูดถึงหลิงหยุนเวลานี้เพราะต่อให้เป็นหลิงหยุนที่อยู่ในขั้นอมตะ ก็ไม่สามารถอธิบายปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ได้เช่นกัน!

 

เวลานี้สมุดจักรพรรดิเองก็อยู่ในตำแหน่งจุดตันเถียนของหลิงหยุนและคอยทำหน้าที่ดูแลปกป้องจุดตันเถียนของเขาอีกด้วย

 

เรียกได้ว่าจุดตันเถียนของหลิงหยุนนั้นคล้ายกับมีกองทัพที่แข็งแกร่งคอยดูแลปกป้องอยู่ เพียงแต่ตัวเขาเองนั้นไม่รู้! เพราะนอกเหนือจากพลังหยิน-หยางแล้ว ก็ยังมีเส้นโค้งรูปมังกรที่มีสีคล้ายทองคำบริสุทธิ์ ปราณเสวียน (เหลือง) และหวง (ดำ) แล้วก็สายฟ้าสีต่างๆ และอื่นๆอีกมากมาย

 

แม้ว่าหลิงหยุนจะยังคงไม่รู้เรื่องเหล่านี้แต่สิ่งหนึ่งที่เขารู้สึกได้ก็คือว่าจุดตันเถียนของเขานั้นเคลื่อนไหวและหมุนอยู่ตลอดเวลาไม่มีหยุด นั่นเพราะทุกครั้งที่เขาเดินวิชาพลังลับหยิน-หยาง ก็จะมีพลังหยินและหยางส่งผ่านสู่เส้นลมปราณเหยินกับเส้นลมปราณตูทันที และนี่คือเหตุผลที่เขาคาดเดาว่าจุดตันเถียนของเขานั้นมีการหมุนและเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา

 

แต่ถึงกระนั้นหลิงหยุนก็ไม่อาจคคาดเดาได้ว่าพลังหยินและหยางอันใหนที่จะวิ่งผ่านเส้นลมปราณเหยิน และอันใหนจะวิ่งผ่านเส้นลมปราณตู เพราะหลายครั้งที่ต่างก็วิ่งสลับกันโดยที่หลิงหยุนไม่สามารถควบคุมได้

 

และความจริงแล้วพลังวนหยิน-หยางนี้ก็ไม่ควรจะก่อตัวขึ้นในเวลานี้เพราะเขายังไม่ได้เข้าสู่ขั้นพลังชี่เลย แต่ถึงกระนั้นก็ใกล้เคียงมาก เพราะเวลานี้หลิงหยุนเองก็อยู่ในระดับสูงสุดขั้นปรับร่างกาย-9 เหลืออีกเพียงแค่ระดับเดียวก็จะเข้าสู่ขั้นพลังชี่แล้ว

 

เวลานี้พลังวนหยิน-หยางที่ก่อตัวขึ้นในจุดตันเถียนของหลิงหยุนนั้นก็ยังเป็นเพียงกลุ่มควันเท่านั้น และยังไม่สามารถนำไปใช้ประโยชน์อะไรได้

 

พลังวนหยิน-หยางนี้นับว่าน่าทึ่งมากเพราะมันจะทำให้ภายในจุดตันเถียนของหลิงหยุนนั้นราวกับมีกลุ่มควันที่หมุนวนเป็นเกลียวอยู่ภายในคล้ายพายุหมุนทอร์นาโด และด้วยกระแสพลังที่หมุนรุนแรงนี้ ก็จะทำให้เกิดพลังทำลายล้างที่สูงขึ้นกว่าเดิมเป็นร้อยๆเท่าเลยทีเดียว!

 

หลิงหยุนเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นปรับร่างกาย-9แล้ว แต่ยังไม่สามารถดึงลมปราณกลับเข้าหาตัวได้ ดังนั้นภาพที่เห็นว่าหลิงหยุนมีพลังจิตนั้น อาจสามารถอธิบายได้เป็นสองอย่าง

 

อย่างแรก..พลังวนหยิน-หยางได้ก่อตัวขึ้นในร่างกายของหลิงหยุนแล้วจริงๆ หรืออาจเป็นเพราะหลิงหยุนมีจิตมุ่งมั่นจดจ่ออยู่กับการฆ่าจนเกิดเป็นสมาธิฉับพลัน จึงทำให้สามารถใช้จิตควบคุมจุดตันเถียนของตนเองได้โดยบังเอิญ ประกอบกับจุดตันเถียนหมุนกลับหลัง ทำให้พลังวนหยิน-หยางก่อตัวขึ้นมา และส่งผ่านฝ่ามือไปดูดเอากระบี่ที่พื้นขึ้นมา!

 

หลิงหยุนรู้สึกปิติดีใจเป็นอย่างมากและคิดว่าตนเองนั้นน่าจะคาดเดาได้ถูกต้อง..

 

และก็นับว่าจริง..เพราะหลังจากที่หลิงหยุนเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นปรับร่างกาย-9 แล้ว จุดตันเถียนของเขาก็เปลี่ยนไป จุดตันเถียนที่ขับเคลื่อนโดยพลังหยิน-หยาง เริ่มหมุนเร็วขึ้น และสามารถสร้างพลังหยิน-หยางที่รุนแรงและทรงพลังมากขึ้น

 

และนี่อาจคือเต๋า..ที่ทุกอย่างล้วนเป็นไปตามธรรมชาติ หากหลิงหยุนตั้งใจทำให้เป็นเช่นนั้น ก็ใช่ว่าจะเป็นไปอย่างที่เขาตั้งใจ

 

แต่ถึงกระนั้น..พลังวนหยิน-หยางนี้ก็ได้ก่อตัวขึ้นในร่างกายของหลิงหยุนแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย และนี่คือจุดเริ่มต้นบนเส้นทางที่น่าอัศจรรย์ของหลิงหยุน!