ตอนที่ 628 หมอเทวดาอยู่ที่ใด

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

ตอนที่ 628 หมอเทวดาอยู่ที่ใด

อันหลิงเกอมิรู้ว่าหากกลับไปที่จวนอ๋องมู่อีกครั้ง เมื่อถึงเวลานั้นตนจะเผชิญหน้ากับมู่จวินฮานเช่นไร ?

เขาจำนางได้หรือไม่ ? เรื่องพวกนี้ล้วนเป็นปัญหาที่นางยังหาคำตอบมิได้

ทว่าตอนนี้อันหลิงเกอไม่จมอยู่กับความทุกข์ของการสูญเสียบุตรอีกแล้ว เพราะอย่างไรนางก็ยังมีความแค้นที่ต้องสะสาง !

นางต้องไปหามู่เหล่าหวางเฟยและทำให้อีกฝ่ายได้รับผลกรรมที่ก่อไว้ !

มิว่าเป็นบุตรของนาง มารดาหรือตัวนางเอง ทุกเรื่องมู่เหล่าหวางเฟยต้องชดใช้ !

ในขณะเดียวกัน มู่จวินฮานที่อยู่ในจวนอ๋องก็รู้สึกว่าแต่ละวันผ่านไปอย่างว่างเปล่า มิรู้เลยว่าแท้จริงเขาสูญเสียอันใดไปกันแน่

เขายังไปดูอาการของเฝิงเยว่เอ๋อทุกวัน บางครั้งเขาก็รู้สึกว่านางเหมือนคนในความฝันแต่บางครั้งก็มิใช่

“ตายังมองมิเห็นอีกหรือ ? ”

“ยังเจ้าค่ะ” เฝิงเยว่เอ๋อพยักหน้าอย่างผิดหวังเล็กน้อย

“ได้ยินว่าใต้หล้ามีหมอเทวดาอยู่มิน้อย ข้างกายข้าก็เคยมีอยู่คนหนึ่งเพียงแต่ตอนนี้เขาออกไปท่องเที่ยวจึงมิรู้ว่าอยู่ที่ใด”

เมื่อได้ยินคำว่าหมอเทวดาแล้ว มู่เหล่าหวางเฟยที่อยู่ด้านข้างก็ตกใจขึ้นมา

“ซูโจว คิดว่าเจ้าคงเคยได้ยินมาบ้าง”

อ้อ จำอีกคนมิได้ก็ดีแล้ว

“มิเพียงเคยได้ยินชื่อเขาเพราะข้ายังเคยได้ยินชื่อหมอหญิงที่เก่งกาจของเมืองหลวงที่ชื่ออันหลิงเกออีกด้วยเจ้าค่ะ นางเป็นคนที่ข้าเลื่อมใสยิ่งนัก แต่น่าเสียดายที่หานางมิพบ เช่นนั้นนางอาจรักษาตาของข้าได้เจ้าค่ะ”

เมื่อได้ยินชื่อของอันหลิงเกอแล้ว คนที่อยู่ในห้องต่างพากันตกตะลึง ใบหน้าของปี้จูเต็มไปด้วยความหวังว่าพอมู่จวินฮานได้ยินชื่อนี้จะนึกถึงนายหญิงขึ้นมาได้บ้าง

ทว่ามู่จวินฮานแค่นิ่งไปเล็กน้อย จากนั้นก็ยิ้มออกมา

เห็นเช่นนี้แล้วมู่เหล่าหวางเฟยจึงสบายใจขึ้น

“เช่นนั้นก็ดี หากตามหาพบ ข้าจะให้นางมารักษาตาของเจ้า”

“ขอบพระคุณท่านอ๋องเจ้าค่ะ”

เฝิงเยว่เอ๋อมิรู้ว่ากล่าวอันใดผิดไป แค่รู้สึกว่าจู่ ๆ บรรยากาศรอบกายก็เปลี่ยนไป

“เอาล่ะ แม่กลับก่อนแล้วกัน”

มู่เหล่าหวางเฟยเห็นว่ามู่จวินฮานจำมิได้ก็เบาใจขึ้นมาก

“น้อมส่งหมู่เฟยขอรับ”

“น้อมส่งมู่เหล่าหวางเฟยเจ้าค่ะ”

บัดนี้เฝิงเยว่เอ๋อสามารถลงจากเตียงได้แล้ว ทุกวันมู่จวินฮานจะพานางไปเดินเล่นในสวนจนความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มลึกซึ้งขึ้น

เพียงแต่เฝิงเยว่เอ๋อมิรู้ว่าทุกครั้งที่มู่จวินฮานได้พบนางก็มักรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดไป

“ท่านอ๋อง วันนี้พาข้าไปที่สวนได้หรือไม่เจ้าคะ ? ”

ได้ยินว่าช่วงนี้ดอกบัวบานสะพรั่ง แต่เฝิงเยว่เอ๋อก็รู้ดีว่าตนมิสามารถมองเห็นได้

ทว่าอย่างน้อยได้ไปรับรู้ถึงแสงแดดอันอบอุ่นของฤดูร้อนและได้กลิ่นหอมของดอกบัวบ้างก็ยังดี

“ได้” เห็นท่าทางของเฝิงเยว่เอ๋อแล้ว มู่จวินฮานก็อดสงสารมิได้

นางเป็นเช่นนี้ก็เพราะเขา หากมิใช่เพราะเขาแล้ว ตอนนี้นางก็ยังมองเห็นอยู่

“เรียนท่านอ๋อง ตรวจสอบแล้วพบว่าพิษนั้นเป็นของหอพิษกู่ขอรับ”

“หืม ? ”

ตอนนั้นได้มีองครักษ์เดินเข้ามารายงาน

มู่จวินฮานขมวดคิ้วมุ่น หอพิษกู่ออกไปไกลจากเมืองหลวงแล้ว เหตุใดจึงเกี่ยวข้องกับการลอบสังหารเขาได้

มู่จวินฮานจดจำหอพิษกู่ได้ ทว่าเมื่อนึกถึงเงาของคนที่อยู่ในส่วนลึกของหัวใจแล้วเขาก็ยังจำอันใดมิได้อยู่ดี

มิรู้ว่าเหตุใดส่วนลึกในใจ เขารู้สึกว่าหอพิษกู่มิเคยมีความขัดแย้งกับตน

แล้วมิรู้เหตุผลที่แน่ชัดเพราะเหมือนกับว่าเคยมีใครบางคน…

“ท่านอ๋อง ท่านอ๋องขอรับ” องครักษ์ที่อยู่ด้านข้างเรียกขึ้นมา

“ไปตรวจสอบให้ละเอียด”

มู่จวินฮานได้สติแล้วก็พาเฝิงเยว่เอ๋อเดินไปที่สวนทันที

ดอกบัวบานแล้วจริง ๆ บัดนี้บุปผาบานสะพรั่งไปทั่วทั้งสวน เพียงแต่นางมองมิเห็นจึงทำให้มู่จวินฮานรู้สึกเสียใจไม่น้อย

“เด็กเด็ก” เมื่อได้ยินเสียงเรียก ปี้จูก็ก้าวออกมา

“ไปตามหาอันหลิงเกอผู้นั้นและให้นางมารักษาอาการของเฝิงกู่เหนียง”

เมื่อได้ยินประโยคนี้แล้ว ปี้จูก็คุกเข่าลงพื้นทันที

เจ้านายของนาง…

ปี้จูรู้สึกอยากร้องไห้ขึ้นมาเสียจริง มู่จวินฮานกล่าวถึงพระชายาตั้งหลายครั้งแต่ก็ยังจำมิได้ ช่างน่าปวดใจยิ่งนัก

“เป็นอันใดไป…” เฝิงเยว่เอ๋อได้ยินเสียงก็รู้สึกไม่เข้าใจ

“เหตุใดหรือ ? ” มู่จวินฮานขมวดคิ้วมุ่น

“เรียนท่านอ๋อง ไม่มีอันใดเจ้าค่ะ ปี้จูแค่รู้สึกมึนหัวและขาจึงอ่อนแรง…คงเพราะตากแดดมากไปเจ้าค่ะ”

เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของเฝิงเยว่เอ๋อก็เต็มไปด้วยความเป็นห่วง นางรีบย่อตัวลงแล้วยื่นมือไปตรวจชีพจรให้ปี้จู

“ชีพจรเต้นเร็ว ดูมิค่อยแข็งแรงจริง ๆ เจ้ารีบไปพักผ่อนเถิด ท่านอ๋องให้คนอื่นไปตามหาได้หรือไม่เจ้าคะ ? เรื่องนี้ไม่รีบเท่าไร อีกอย่างปี้จูก็ดูแลข้าจนชินแล้วเจ้าค่ะ”

เมื่อเห็นว่าเฝิงเยว่เอ๋อช่วยพูดแทนตน ปี้จูจึงมองนางด้วยแววตาซาบซึ้งแล้วรีบถอยออกไปทันที

“ช่างเถิด ให้คนอื่นไปแทนแล้วกัน” มู่จวินฮานมีกะจิตกะใจมาสนใจสาวใช้ที่ไหนกัน แค่เปลี่ยนคนใหม่ก็พอแล้ว

ทว่าภายในใจของเฝิงเยว่เอ๋อนั้นรู้ดีว่าชีพจรของปี้จูปกติดีและคงมิได้เป็นอันใดอย่างที่อ้าง

แต่เหตุใดจึงร้อนรนเพียงนั้น ?

อันหลิงเกอผู้นั้นมีความเกี่ยวข้องกับปี้จูอย่างไรกันแน่ ?

ได้ยินว่าก่อนหน้านี้อันหลิงเกอสามารถรักษาโรคระบาดได้และช่วยแก้ปัญหาอีกมากมาย

ทั่วทั้งเมืองหลวงล้วนบอกว่านางเป็นเทพธิดา มิหนำซ้ำฐานะของนางก็ยังสูงส่ง

มิเพียงเป็นบุตรีภรรยาเอกแห่งจวนโหว ยังได้รับพระราชทานตำแหน่งจากฮ่องเต้อีกด้วย

สตรีที่เก่งกาจเช่นนี้ ปี้จูไปรู้จักได้อย่างไร ?

หากเป็นเช่นนั้น เหตุใดจึงมิอยากให้อันหลิงเกอเข้ามาในจวน หากอีกฝ่ายสามารถรักษาดวงตาของนางได้ ท่านอ๋องคงประทานรางวัลให้อย่างงามเป็นแน่ เรื่องดีเช่นนี้เหตุใดต้องหนีด้วย ?

“แต่อันหลิงเกอหายไปอย่างไร้ร่องรอย หากตามหามิพบก็มิเป็นไรเจ้าค่ะ” เฝิงเยว่เอ๋อยิ้มออกมาขณะกล่าวกับมู่จวินฮานที่อยู่ด้านข้าง

นางอยากมอบโอกาสนี้ให้แก่ปี้จูเพราะอย่างไรที่ผ่านมาปี้จูก็ดูแลนางอย่างดี

“เจ้าวางใจเถิด ข้าจักรักษาตาของเจ้าให้หายจงได้” มู่จวินฮานจับมือของนางครู่หนึ่งแล้วปล่อยออก

เมื่อครู่มิรู้ว่าเหตุใดภายในใจของมู่จวินฮานรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาและเมื่อรู้สึกประหลาดเช่นนี้ก็มิอาจปล่อยไปได้

ลึก ๆ แล้วในใจของเขามิอยากแตะต้องสตรีคนไหนอีก ราวกับว่าเขาเคยให้สัญญากับใครบางคนเอาไว้และเหมือนว่ามีการต่อต้านเกิดขึ้นในใจด้วย

มู่จวินฮานก็บอกมิถูกแต่ก็รู้สึกเช่นนั้นจริง ๆ

เฝิงเยว่เอ๋อรู้สึกได้ถึงความผิดปกติของเขาแต่ก็มิได้กล่าวอันใดออกมา

ในใจของเขามิได้มีนางอยู่ ข้อนี้นางเองก็รู้ดี ทว่าตอนนี้นางก็เผลอหลงใหลเขาเสียแล้ว

นางควรทำเช่นไร

ในจวนนี้เฝิงเยว่เอ๋อถือเป็นสตรีที่โชคดีมากเพราะได้พบมู่จวินฮานทุกวัน

“ตอนนี้ก็ทราบแล้วว่าพิษมาจากที่ใด ขอแค่ตามหาหอพิษกู่ให้เจอก็เชื่อว่าเราต้องพบยาถอนพิษแน่”

มู่จวินฮานพูดปลอบเฝิงเยว่เอ๋อ การกระทำเมื่อครู่เขาเองก็มิเข้าใจเหมือนกัน แต่รู้ว่ามันคงทำร้ายนางเข้าเสียแล้ว

“อืม เยว่เอ๋อขอบพระคุณท่านอ๋องเจ้าค่ะ”

“เจ้าเลิกพูดเช่นนี้กับข้าได้แล้ว เจ้าเป็นคนช่วยข้าเอาไว้ก็ควรเป็นข้าที่ขอบคุณมากกว่า”

ตอนนั้นเอง จู่ ๆ เฝิงเยว่เอ๋อก็รู้สึกว่าระยะห่างระหว่างนางกับมู่จวินฮานได้ขยับเข้ามาใกล้กันมากขึ้นจนอดดีใจอยู่ลึก ๆ มิได้

“เจ้าค่ะ” ความดีใจในน้ำเสียงของเฝิงเยว่เอ๋อนั้นมู่จวินฮานก็ฟังออก แต่ที่เขาทำเช่นนั้นเพราะเมื่อครู่รู้สึกว่ามิควรวางอำนาจต่อผู้มีพระคุณ คาดมิถึงว่าจะทำให้นางดีใจมากเพียงนี้ ช่างไร้เดียงสาเสียจริง

เมื่อนึกถึงคำว่าไร้เดียงสาแล้วมู่จวินฮานก็นึกถึงใครคนหนึ่งขึ้นมา แต่มิว่าพยายามเช่นไรก็ยังคิดมิออกอยู่ดี

ช่วงที่ผ่านมานี้ เขาลืมเลือนสิ่งใดไปกันแน่