บัญชามังกรเดือด บทที่ 621 เอาคุณมาเล่นด้วย
ไม่มีสิทธิ์เป็นผู้ถือหุ้นอย่างนั้นเหรอ? เมื่อได้ยินคำนี้ ฉินเทียนก็อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้
ก่อนหน้านี้เขาเพียงแต่ฟังรายงานจากเหล่าจูเท่านั้น บอกว่าการลงทุนครั้งนี้สามารถทำกำไรได้มากมายมหาศาล แล้วก็ไม่ได้สังเกตว่า จะไม่มีสิทธิในการจัดการเลยแม้แต่น้อยอย่างคาดไม่ถึง
ความรู้สึกที่ตกเป็นทาสของผู้อื่นเช่นนี้ มันทำให้เขารู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก
เมื่อเห็นดังนั้น อะมาดะก็รีบอธิบายออกมาด้วยรอยยิ้ม “เถ้าแก่ฉิน ด้วยเงินห้าพันล้าน คุณสามารถมีสิทธิในเงินปันผลถึงสี่สิบเก้าเปอร์เซ็นต์ พวกคุณสามารถได้กำไรมากมายจริงๆ”
“โครงการนี้ของพวกเรา ปัจจุบันทั่วทั้งโลกต่างก็ยังไม่มี”
“ตราบใดที่พวกคุณจัดหาเงินทุน รวมไปถึงการเปิดโรงงานที่ยุโรปผ่านไปได้อย่างราบรื่น ผมรับประกันได้ว่า อย่างช้าที่สุดสิบปี พวกคุณก็สามารถคืนทุนได้แล้ว”
“หลังจากนั้น ล้วนเป็นได้กำไรสุทธิทั้งหมด!”
“การร่วมมือครั้งนี้ สำหรับพวกเราทั้งสองฝ่ายแล้ว ต่างก็คุ้มค่ามากเลย!”
“ท่านว่า ตอนนี้สามารถเซ็นสัญญาได้แล้วใช่ไหมครับ?”
ฉินเทียนไม่ได้ฟังอะมาดะ แต่ทว่าได้นำเอาเอกสารแนะนำโครงการที่อยู่ตรงหน้าขึ้นมาดูคราวๆ อีกรอบหนึ่ง แล้วก็โยนไปอย่างลวกๆ พลางกล่าวว่า “มีสองแบบแผน”
“อย่างแรก ผมต้องการเป็นผู้ร่วมหุ้นห้าสิบเอ็ดเปอร์เซ็นต์ และถือครองสิทธิของผู้ถือหุ้นทั้งหมด พวกคุณรับได้แต่เงินปันผลเท่านั้น”
“อย่างที่สอง ซื้อขายเบ็ดเสร็จ เทคโนโลยีนี้ผมจะใช้เงินทุนซื้อไว้ทั้งหมด แล้วหลังจากนี้ไปพวกคุณไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ อีก”
“ทั้งสองแบบแผนนี้ พวกคุณเลือกเอา หลังจากนั้นค่อยมากำหนดราคากัน”
อะไรนะ?
เมื่อได้ฟังคำพูดของฉินเทียนแล้ว ไม่เพียงแต่คนขององค์กรซานสุ่ยเท่านั้น แม้แต่มิเชล ต่างก็ตกตะลึงเช่นกัน
ไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่า ฉินเทียนจะมีความกระหายอย่างคาดไม่ถึงขนาดนี้
ต้องรู้ว่า เทคโนโลยีพลังงานรูปแบบใหม่นี้ องค์กรซานสุ่ยใช้เวลาไปราวห้าปี โถมเข้าสู่ไปกับบุคลากรทางการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ระดับสูงหลายร้อยชีวิต เพียงแค่ค่าใช้จ่ายในการวิจัยเท่านั้น ก็ต้องเสียเงินไปว่าหลายร้อยล้านแล้ว
ปัจจุบันนี้เทคโนโลยีนี้ล้ำหน้าอุตสาหกรรมไปอย่างน้อยสิบปี หากเริ่มทำการผลิต สามารถจินตนาการถึงโอกาสได้เลย
เพียงแต่ว่า องค์กรซานสุ่ยไม่ได้รับความนิยมระดับโลก ไม่สามารถหาวิธีได้ด้วยตัวเอง ดังนั้นจึงจำใจต้องทนความเจ็บปวด แบ่งผลประโยชน์ออกไปบางส่วน อยากที่จะอยู่บนรายการของต้นไม้ใหญ่อย่างวิหารเทพต้นนี้
คิดไม่ถึงว่า ฉินเทียนต้องการที่จะเป็นคนควบคุมจริงๆ
หากควบคุมไม่ได้ ก็ซื้อมันมาตรงๆ เลย!
สิ่งนี้ทำให้คนขององค์กรซานสุ่ยไม่มีทางที่จะยอมรับได้
ซานสุ่ย อะมาดะรู้สึกว่าตัวเองได้รับคำสบประมาท เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมว่า “คุณฉิน ความต้องการของคุณ มันจะไม่มากเกินไปหน่อยเหรอครับ?”
“คุณจะต้องรู้ว่า องค์กรซานสุ่ยของพวกเรา ไม่ได้มีเพียงแค่วิหารเทพของพวกคุณที่สามารถเลือกหุ้นส่วนในการร่วมมือครั้งนี้ได้”
ฉินเทียนส่งเสียงหัวเราะเยาะออกมาพลางกล่าว “จริงเหรอ?”
“ถ้าอย่างนั้นก็ขอให้พวกคุณหาหุ้นส่วนที่ดียิ่งกว่านี้ได้ก็แล้วกันนะ”
“ลาก่อน”
พูดจบ ก็ลุกขึ้นเตรียมเดินไป ไม่มีความยืดยาดเลยแม้แต่น้อย
ถึงแม้ว่าโครงการนี้จะไม่เลว กำไรในอนาคตก็น่าดูชมเป็นอย่างมาก แต่ถ้าพูดถึงตามความรู้สึกแล้ว ฉินเทียนก็ไม่ได้คิดอยากที่จะร่วมมือกับคนกลุ่มนี้เป็นพิเศษ
เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้ผู้คนต่างก็ทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย
ปฏิกิริยาตอบกลับของมิเชล ก็คือการรีบร้อนเดินตามไป
ในเวลานี้ ประตูห้องทำงานก็ถูกเปิดออก ก็มีชายชราหนวดเคราสีขาวคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นที่ประตู แล้วยิ้มหวานกล่าวว่า “ฉันรอคอยที่จะพบราชาเทพมานานแล้ว ไม่คิดเลยว่าเลยว่าจะยังหนุ่มแน่นขนาดนี้”
“เป็นมังกรตะวันออกได้อย่างเต็มภาคภูมิจริงๆ!”
ฉินเทียนยิ้มเยาะพลางกล่าวว่า “คุณคือ?”
“ฉันแนะนำตัวเองสักหน่อย ฉันชื่อซานสุ่ย อาโอกิ”
“ปัจจุบันนี้ เป็นประธานกรรมการขององค์กรซานสุ่ย”
“คุณพ่อ คุณมาได้อย่างไร?” ซานสุ่ย อะมาดะ ก็เดินเข้ามา
ซานสุ่ย อาโอกิถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “เรื่องที่เกี่ยวข้องกับความร่วมมือ คุณฉิน ฉันคิดว่า พวกเรามาพูดคุยเรื่องนี้อีกครั้งเถอะ”
ฉินเทียนกล่าวด้วยเสียงที่เย็นชาว่า “โครงการนี้ สำหรับพวกคุณแล้วมันอาจจะมาก แต่สำหรับผมแล้ว เดิมทีก็ไม่คุ้มค่าที่กล่าวถึง”
“ในเมื่อประธานกรรมการขององค์กรซานสุ่ยออกหน้ามาขนาดนี้แล้ว ผมเห็นแก่หน้าของคุณ จะอยู่ต่ออีกสองสามนาทีก็แล้วกัน”
“แต่ว่า ผมไม่อยากที่จะเสียเวลากับเรื่องแบบนี้มากเกินไปนัก”
“ดังนั้น พูดตรงๆ มาเลยดีกว่า”
ซานสุ่ย อาโอกิเชิญฉินเทียนให้กลับไปด้วยตัวเอง เขายืนอยู่ด้านข้าง แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ราชาเทพฉิน ที่เมื่อครู่นี้คุณกล่าวว่ามีสองทางเลือก ผมล้วนได้ยินทั้งหมดนั้นแล้ว”
“คุณลองดูว่าแบบนี้ดีไหม ยังคงเป็นเงินลงทุนห้าพันล้านดอลลาร์สหรัฐ พวกคุณมีสิทธิถือหุ้นห้าสิบเอ็ดส่วน พวกผมมีสี่สิบเก้าส่วน”
“อำนาจในการตัดสินใจสุดท้ายเป็นของคุณ แต่ทว่าพวกเรา ก็มีโอกาสในการให้คำแนะนำได้เช่นกัน”
“พวกเรามีความร่วมมือแบบเท่าเทียมกัน คุณคิดว่าเป็นอย่างไรบ้าง?”
“คุณพ่อ——” เมื่อได้ยินคำพูดของซานสุ่ย อาโอกิ อะมาดะก็คิดที่อยากจะคัดค้านในทันที
นี่มันคืดอะไร? เงินลงทุนห้าพันล้านดอลลาร์สหรัฐยังคงไม่เปลี่ยน ซ้ำพวกเขายังต้องสละสัดส่วนการถือหุ้นควบคุมอีกด้วย
หากว่าเป็นเช่นนี้ ไม่สู้ยอมแพ้เรื่องสิทธิผู้ถือหุ้น แล้วขอเงินจากฉินเทียนมากอีกสักหน่อยไม่ดีกว่าหรือ
แต่อย่างไรก็ตาม ซานสุ่ย อาโอกิก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับเขา ดวงตาที่ฉลาดเฉียบแหลมคู่นั้น แฝงไปด้วยความคาดหวังมองมาที่ฉินเทียน
ฉินเทียนยิ้มเยาะ พลางกล่าวว่า “สมแล้วที่เป็นจิ้งจอกเฒ่า”
“คุณอาโอกิ หากว่าผมเดาไม่ผิด คุณต้องการที่จะเล่นกับผมใช่ไหม”
“ผ่านการเป็นเจ้าของร่วมกันของโครงการนี้ แล้วลากผมให้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิด หลังจากนั้นก็ค่อยๆ เอาทั้งองค์กรซานสุ่ย ผูกติดไว้บนรถของผม ถูกไหม?”
ซานสุ่ย อาโอกิหัวเราะพลางกล่าวว่า “ผมเชื่อราชาเทพฉิน แล้วก็เชื่อวิหารเทพ ว่าคุ้มค่าพอที่ผมจะเดิมพัน!”
“คุณฉิน ไม่ทราบว่าคุณจะยินยอมพาพวกเราไปเล่นด้วยได้ไหม?”
“ผมรู้ว่า คุณอาจจะมีขั้นตอนอย่างอื่นอยู่อีกเล็กน้อย คุณโปรดวางใจ พวกเราขอแค่หาเงินเท่านั้น เรื่องอื่นๆ ล้วนขึ้นอยู่กับคุณทั้งนั้น”
ฉินเทียนต้องการที่จะเข้าควบคุมโครงการทั้งหมด หรือไม่ก็ทำการสั่งซื้อมาโดยตรงเลย ก็คือไม่ต้องการเล่นกับพวกเขา
ไม่นึกมาก่อนเลยว่า ซานสุ่ย อาโอกิคนนี้จะเจ้าเล่ห์ขนาดนี้จริงๆ ค่อนข้างที่จะทำการอ่อนข้อมากขนาดนี้ออกมาได้ แล้วอยากที่จะเล่นด้วยมาก
ฉินเทียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็รู้สึกว่า การลงมือทำของโครงการนี้ หากมีบุคลากรด้านเทคนิควิศวกรรมขององค์กรซานสุ่ยเหล่านั้น ก็น่าจะดีกว่าไม่น้อย
นอกจากนี้ ซานสุ่ย อาโอกิก็ได้ประกาศจุดยืนไปแล้ว ว่าเพียงแค่อยากจะเป็นน้องชายคนหนึ่งเท่านั้น ขอเพียงแค่หาเงินได้ก็พอแล้ว เขาก็ไม่สามารถที่จะขี้เหนียวเกินไป
ถึงอย่างไร สถานการณ์ในญี่ปุ่นนี้ก็เปิดออกแล้ว เขาก็จำเป็นที่จะต้องมีพันธมิตรบ้างเหมือนกัน
“ผู้เฒ่าอาโอกิ ถือว่าผมเห็นแก่หน้าของคุณ”
“มิเชล ก็เอาตามที่เขาพูด เซ็นสัญญากับพวกเขาเถอะ”
“ครับ!” ดวงตาทั้งสองข้างของมิเชลเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น
ก่อนหน้านี้ เขาและจูกวางจือ เขาใช้เวลาพูดคุยเกี่ยวกับโครงการนี้เป็นเวลานานมาก แต่ก็สามารถใช้เงินได้เพียงห้าพันล้านดอลลาร์สหรัฐ ก็รับมาได้แค่สิทธิ์เงินปันผลแค่สี่สิบเก้าเปอร์เซ็นต์เท่านั้น
พวกเขารู้สึกว่า ตัวเองนั้นเก่งมากแล้ว
ไม่คิดเลยว่า เพียงแค่ฉินเทียนออกหน้า พูดง่ายๆ เพียงแค่ไม่กี่ประโยค ก็ได้รับกำไรอย่างเกิดความคาดหมายมากมายขนาดนี้
อีกด้านหนึ่ง ซานสุ่ย อะมาดะและคนอื่นๆ ก็ค่อยๆ เข้าถึงเรื่องที่เกิดขึ้น และตระหนักได้ถึงผลดีที่อยู่ในนั้น
มีสิทธิ์ในการพูดส่วนหนึ่ง พวกเขากับวิหารเทพ ก็คือความสัมพันธ์แบบสัมพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ในระดับบางอย่าง
มีความสัมพันธ์กับคนระดับนี้ สำหรับทั้งองค์กรซานสุ่ยมีประโยชน์ระดับโลกมากมายขนาดไหน ก็ไม่สามารถจินตนาการออกมาได้ง่ายๆ
“ขอบคุณมากครับราชาเทพฉิน!”
“เมื่อครู่นี้ เป็นผมที่หยาบคายมากเกินไปแล้ว!”
ซานสุ่ย อะมาดะโค้งคำนับให้กับฉินเทียนอย่างเคารพนอบน้อม
ฉินเทียนคิดที่จะพูดอะไรบางอย่าง แต่ในเวลานี้ ก็มีเสียงปังดังขึ้น ประตูของห้องทำงานก็ถูกทุบเปิดออก
“ฉินเทียน นายบอกกับฉันมาให้ชัดเจน ว่าที่จริงแล้วกำลังเล่นเกมอะไรอยู่กันแน่?”
“ฉันจะบอกนาย——”
ฮันหลิงพุ่งเข้าไปด้วยความเดือดดาล เมื่อเห็นฉากที่อยู่ตรงหน้า ก็อดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้าง
เธอมีความรู้สึกปรารถนาแต่ฝ่ายเดียวว่า ฉินเทียนเป็นแค่คนหลอกลวงเท่านั้น พึ่งการเล่นกลอุบายบางอย่าง แล้วได้รับผลประโยชน์จากคนแต่ละประเภท
หากเป็นองค์กรซานสุ่ยที่เฉลียวฉลาด จะต้องสามารถเปิดเผยหน้ากากของฉินเทียนได้ในไม่ช้าอย่างแน่นอน
ไม่คาดคิดเลยว่า เธอจะได้เห็นอะไรเช่นนี้?
ฉินเทียนที่นั่งอยู่ในระหว่างกลาง ราวกับเป็นเจ้านายอย่างไรอย่างนั้น และเจ้าของเดิม อย่างซานสุ่ย อะมาดะ ไม่คาดคิดว่าจะเหมือนกับเด็กประถมที่ทำความผิดมาอย่างไรอย่างนั้น แล้วแสดงความเคารพอย่างนอบน้อมอยู่ตรงหน้าเขา
“พวกคุณไม่ได้ถูกหลอกไปแล้วใช่ไหม เขาคือฉินเทียน ที่ถูกตระกูลฉินขับไล่ออกมาอย่างไร้ค่านะ!”
เธอกล่าวบ่นพึมพำ
ทุกคนเผยแววตาที่ดูแปลกประหลาดออกมา
ฉินเทียนเผยรอยยิ้มแล้วกล่าวว่า “พวกคุณออกไปก่อนเถอะ พวกเราขอคุยกันเป็นการส่วนตัวสักหน่อย”