ตอนที่ 535 ทุกแห่งหนล้วนมีหญ้า

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

ชายชุดเขียวลงจากเกี้ยวอย่างสง่างาม เขายิ้มให้มู่เฉียนซีแล้วกล่าวขึ้น “ยินดีต้อนรับสู่เกาะวิญญาณมรณะ  ข้าชื่อว่าโม่จิ่น ขอจงโปรดชี้แนะข้าด้วย”

มู่เฉียนซีลงมาจากเรือ  ทันใดนั้นดวงตาของนางก็ฉายแววแห่งความยินดีออกมา ส่วนที่โม่จิ่นได้แนะนำตนเองไปทั้งหมดนั้น  กลับถูกมู่เฉียนซีมองข้ามไป  นางวิ่งขึ้นไปบนฝั่งและเอาแต่มองดูกอหญ้าเหล่านั้น  แทบจะในฉับพลัน นางนำเอาจอบขนาดเล็กออกมาจากในมิติแล้วขุดเอาหญ้าเหล่านั้นไป

นี่ไม่ใช่หญ้าวิญญาณ  มันเป็นเพียงแค่หญ้าธรรมดา ๆ เท่านั้นแต่ก็สามารถนำไปใช้ได้ ผลของมันก็ไม่เลว แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นก็คือคนของทวีปเซี่ยโจวไม่เคยพบเห็นมันมาก่อนเลย

ใบหน้าของโม่จิ่นที่เดิมทีมีรอยยิ้มนั้นแข็งทื่อไป ในเมื่อเขาไม่มีค่าเท่าหญ้าทั่วไปกอหนึ่ง นี่มันช่างทำร้ายจิตใจกันเสียจริง หลังจากที่เจอไปชนิดหนึ่งแล้ว  มู่เฉียนซีก็ได้พบกับอีกชนิดหนึ่งเข้า  นางคิดทันทีว่าทวีปเซี่ยโจวนั้นเล็กเกินไปจริง ๆ หญ้าที่เป็นหญ้าชั้นยอดและมีอยู่อย่างจำกัดในทวีปเซี่ยโจวกลับมีอยู่เต็มเกาะวิญญาณมรณะแห่งนี้ และเกรงว่าที่เกาะวิญญาณมรณะแห่งนี้คงไม่มีใครรู้ถึงคุณค่าของของมัน

เกาะวิญญาณมรณะในสายตาของมู่เฉียนซีตอนนี้เต็มไปด้วยสมบัติล้ำค่าอยู่ทั้งเกาะเลยทีเดียว

เมื่อมู่เฉียนซีนำมันขึ้นมาดูหลาย ๆ กอ นางถึงได้รู้สึกถึงเจ้าหมอนั่นที่ถูกนางเมินเฉยมาเป็นระยะเวลานาน

“เมื่อครู่นี้เจ้าว่าเจ้าชื่ออะไรนะ ?” มู่เฉียนซีกล่าวถามขึ้น

โม่จิ่นแสยะมุมปาก “โม่จิ่น โม่ที่แปลว่าน้ำหมึก จิ่นที่แปลว่าผ้า แม่นางอย่าได้ลืมอีกล่ะ” “อืม ส่วนข้ามู่เฉียนซี”

จากนั้นมู่เฉียนซีก็พุ่งหายไปอย่างรวดเร็ว บนเกาะแห่งนี้มีสมุนไพรวิญญาณมากมาย นางไม่ยอมอยู่เฉยเป็นแน่

โม่จิ่นรีบวิ่งตามนางไป “แม่นางมู่ ที่เขตตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้ของเกาะเป็นที่ของพวกเรา เจ้าจงอย่าได้เลยข้ามเขตแดนไป หากข้ามแดนไปจะเป็นอันตรายเพราะเจ้านั้นเป็นไพ่หลักของพวกเรา เราจะให้เกิดเรื่องร้ายอะไรขึ้นมิได้!”

ทว่าเมื่อตอนที่เขาได้เห็นนางแล้วนั้น ก็ได้เห็นนางเอาแต่มองดูหญ้าเหล่านั้นอย่างใจจดใจจ่อ เขาจึงจนปัญญาในทันใด  เขาเองถูกขังอยู่บนเกาะแห่งนี้มานาน หญ้าธรรมดา ๆ นี้ เขาได้พบเจอมาไม่รู้ตั้งกี่หน แล้วก็ไม่เห็นจะพบว่ามันจะมีอะไรที่พิเศษตรงไหนเลย หลังจากที่พื้นที่แห่งนี้ถูกมู่เฉียนซีกวาดเอาไปแล้ว โม่จิ่นก็กล่าวขึ้น “แม่นางมู่ จะไปที่จวนของข้าก่อนหรือไม่ ? เมื่อไปถึงจวนของข้าแล้วเจ้าต้องการหญ้าพวกนี้ ข้าสั่งให้ลูกน้องข้าไปหาให้ก็ได้”

มู่เฉียนซีพยักหน้า “อืม เช่นนั้นก็ดี”

มีคนจำนวนมากช่วยกันทำงานมักจะไวกว่านางเพียงคนเดียว มู่เฉียนซีจึงได้ตามโม่จิ่นไปที่จวนของเขา

ถึงแม้ว่าเกาะวิญญาณมรณะจะเป็นคุกแห่งหนึ่ง ทว่าโม่จิ่นนั้นเป็นหนึ่งในแปดผู้เป็นผู้นำแห่งเกาะวิญญาณมรณะ จวนของเขาจึงหรูหราอย่างที่สุด และมันไม่ได้ต่างอะไรกับจวนหรือวังของผู้มั่งมีและเชื้อพระวงศ์ที่อยู่ข้างนอกเลย

ทั้งจวนมีความหรูหรา แต่ทว่ากลับไม่มีสตรีใดเลยแม้สักนางหนึ่ง เมื่อตอนที่โม่จิ่นนำพามู่เฉียนซีเข้ามาในจวน พวกเขานั้นล้วนแต่รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมากจริง ๆ

มู่เฉียนซีกล่าวถามขึ้น “งานแข่งขันสัตว์ครั้งใหญ่จะจัดขึ้นเมื่อไรรึ ?”

“หลังจากนี้อีกห้าวัน” โม่จิ่นกล่าวตอบ

“สมบัติในคลังสมบัติของเจ้าล่ะ ขอให้ข้าดูก่อนสิ แล้วเมื่อถึงเวลาค่อยตัดสินใจ”

“ย่อมได้”

ปรากฏว่ามู่เฉียนซีนั้นได้กวาดตามองผ่านคลังสมบัติของพวกเขาแล้วกล่าวขึ้น “เฮ้อ! พวกเจ้านั้นไม่ค่อยมีเงินทองเอาเสียเลย แต่ว่าพวกเจ้าถูกขังอยู่ในคุกเช่นนี้ก็เป็นที่เข้าใจได้” โม่จิ่นจนปัญญา พวกเขานั้นเป็นผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในเกาะวิญญาณมรณะแห่งนี้แล้ว แต่กลับไม่มีอะไรที่ถูกใจนางเลได้อย่างไรกัน ?

มาตรฐานของนางนั้นชักจะสูงเกินไปแล้วกระมัง! เจ้าเด็กสาวผู้นี้มีที่มาที่ไปอย่างไรกันแน่ ?

“เช่นนั้นเรื่องของการร่วมมือล่ะ ?”

มู่เฉียนซี “ขอเพียงแค่คนของเจ้าช่วยข้าหาสมุนไพรบนเกาะนี้ได้ในจำนวนและคุณภาพที่ข้าพึงพอใจ ข้าจะตัดสินใจให้ดี ๆ อีกครั้งก็แล้วกัน”

ในใจโม่จิ่นนั้นแทบจะกระอักเลือดออกมา สมบัติล้ำค่าของพวกเขาทั้งหมดกลับสู้ไม่ได้แม้แต่กับกอหญ้า ไม่รู้เลยจริง ๆ ว่าสตรีนางนี้คิดอะไรอยู่กันแน่  แม้สมบัติที่มีราคาถูกที่สุดในคลังของพวกเขาก็ยังมีราคาและคุณค่ามากกว่าหญ้าทั้งเกาะนี้เสียอีกนะ!

โม่จิ่นขมวดคิ้วพลางกล่าว “ได้ พวกลูกน้องของข้าไม่เป็นไรหรอก ให้พวกเขาไปถอนหญ้าตามที่เจ้าต้องการได้ ไม่มีปัญหา”

มู่เฉียนซีพยักหน้า “อืม เช่นนั้นข้าจะไปฝึกบำเพ็ญรอ เมื่อหาของได้แล้วก็มาบอกข้าด้วยแล้วกัน”

หลังจากได้ล่องลอยอยู่บนทะเลมาเป็นเวลานาน มาวันนี้ได้พักอยู่บนพื้นดินเสียบ้างก็มิเลว  ถึงแม้ว่าที่ที่นางอยู่ในเวลานี้จะขึ้นชื่อว่าเป็นคุกที่อันตรายที่สุดในทวีปเสียโจว…เกาะวิญญาณมรณะ ก็ตาม

เมื่อได้เลื่อนขั้นไปถึงราชาแห่งภูตระดับเจ็ด มู่เฉียนซีก็ดูดเอาพลังวิญญาณที่อยู่ระหว่างสวรรค์และปฐพีเข้าไปก่อนจะฝึกบำเพ็ญต่อ จนกระทั่งเมื่อนางลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ท้องนภาก็มืดลงเสียแล้ว

ทันใดนั้น ข้างตัวของนางมีคนเพิ่มขึ้นมาหนึ่งคน มู่เฉียนซีจ้องมองใบหน้าสง่างามอย่างไม่มีผู้ใดเทียบได้นั้นแล้วกล่าวขึ้น “จิ่วเยี่ย เจ้าเข้ามาตั้งแต่เมื่อไรรึ ?” “นานแล้ว”

“มานอนเถอะ…” กล่าวจบ จิ่วเยี่ยก็ได้ดึงเอาร่างมู่เฉียนซีเข้ามาในอ้อมอกของตนอย่างถือวิสาสะ เขากอดนางเอาไว้แน่นและเตรียมที่จะนอนหลับ

“อ๊ะ!” มู่เฉียนซีถูกจิ่วเยี่ยบีบบังคับให้นอนพักผ่อน เขานี่ไม่เคยถามกันก่อนเลย

เอาแต่ใจเสียจริง!

ลมทะเลพัดเข้ามาทางหน้าต่าง คนทั้งสองหลับไปอย่างใกล้ชิดกัน

ในเวลาเดียวกัน จื่อโยวตากลมทะเลอยู่ที่ชายหาดเพียงลำพัง สีหน้าเขาเหยเกขณะกล่าวพึมพำ “เยี่ย! เจ้านั้นช่างไร้ความรู้สึกเสียจริง ตนเองนั้นมีแม่นางมู่คนงามให้นอนกอด แต่ข้านั้นกลับตัวคนเดียวโดดเดี่ยวเดียวดาย” “เกาะวิญญาณมรณะแห่งนี้แปลกนัก สรุปแล้วมันเป็นเพราะอะไรกันแน่ ?! มันไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่อแม่นางมู่คนงามของเยี่ยแต่อย่างใด เช่นนั้นข้าเองก็คร้านที่จะสนใจแล้ว”

ร่างจื่อโยวกะพริบผ่านบนเกาะไปเหมือนกับวิญญาณดวงหนึ่ง เขาตั้งใจจะไปหาที่มาของเกาะประหลาดแห่งนี้

คนทั้งเกาะวิญญาณมรณะนั้นล้วนแต่คิดว่าผู้นำโม่เป็นบ้าไปแล้ว ส่วนเหตุผลนั้นก็แน่นอนว่าเป็นเพราะเขาได้ส่งคนไปหาหญ้าธรรมดา ๆ เหล่านั้นมา  เมื่อไปหาข่าวมา ก็ได้ทราบว่าผู้นำโม่พาสตรีงามกลับมาด้วยนางหนึ่ง  นางผู้นั้นชอบหญ้ารกพวกนี้ เช่นนั้นแล้วเพื่อสตรีงามผู้นี้  ผู้นำโม่จึงได้ทำเรื่องที่ทำให้ผู้อื่นมิอาจจะเข้าใจได้

ผลการเก็บเกี่ยวในแต่ละวันนั้นไม่เลวเลย พวกเขาได้เอาหญ้ายาที่สามารถใช้ได้เข้าไปปลูกในมิติของมู่เฉียนซี มู่เฉียนซีหยิบพู่กันขึ้นมา จากนั้นนางก็ลงมือเขียนสูตรยาที่อยู่ในหัวของตนเองออกมา นี่มันไม่ได้แตกต่างอะไรกับยาฟื้นคืนชีพเลย ไม่ว่าจะเป็นวัสดุ สิ่งของที่ต้องใช้ หรือว่าความสามารถของนักปรุงยา ทั้งหมดล้วนแต่มีเงื่อนไขที่สูงเป็นอย่างมากทั้งนั้น

ยานี้จะต้องใช้ผู้ที่มีคุณสมบัติเป็นปรมาจารย์นักปรุงยาระดับเก้า ทว่าระดับของนางในตอนนี้เป็นเพียงนักปรุงยาระดับสูงผู้หนึ่งเท่านั้น ระยะทางที่จะไปถึงขั้นปรมาจารย์ปรุงยาระดับเก้านั้นยังอีกยาวไกล แต่นางเชื่อว่าตนเองสามารถไปให้ถึงระดับขั้นนั้นได้แน่นอน

ยานี้ต้องใช้สมุนไพรขั้นสูงสุดระดับสวรรค์ถึงสองชนิดนั่นก็คือหญ้าจิ่วอินหยวน และผลจิ่วหยางซวน

ในทวีปเซี่ยโจวยังพอจะหาสมุนไพรระดับปฐพีได้บ้าง แต่ก็แทบจะต้องถึงขั้นระเบิดเมฆาหากันเลยทีเดียว สมุนไพรระดับขั้นสวรรค์นั้นไม่เคยปรากฏมาก่อน หากคิดที่จะหาสมุนไพรวิญญาณขั้นสูงเช่นนั้นได้พบ คงต้องเดินทางค้นหาไปทั่วทั้งแดนใต้  ถ้าหากมู่เฉียนซีสามารถหามันได้พบก็นับว่าเป็นโชคของนางแล้ว นอกจากนี้ยังมีสมุนไพรระดับสวรรค์ขั้นธรรมดาอีกเก้าชนิด สมุนไพรวิญญาณระดับปฐพีอีกสิบแปดชนิด ส่วนสมุนไพรวิญญาณธรรมดาทั่วไปนั้นหาได้ไม่ยากเย็นนัก

ในขณะที่มู่เฉียนซีกำลังรู้สึกปวดศีรษะอยู่กับสมุนไพรวิญญาณชนิดนี้อยู่นั้น ก็ได้มีเสียงที่แหลมสูงเสียงหนึ่งดังลอยมา “สาวน้อยบ้านนอกผู้นั้นอยู่ที่ไหน ? ให้นางออกมาพบข้า”

“คุณหนูเซียว เอ่อ… คุณหนูมู่นั้นไม่พบแขก…”

มู่เฉียนซีตะลึงงัน สาวน้อยบ้านนอก นั่นหมายถึงนางรึ ?

เวลานี้ตระกูลมู่ของนางนั้นสามารถเทียบได้กับสำนักนิกายระดับหนึ่ง นางที่เป็นผู้นำตระกูลมู่ได้กลายเป็นไอ้คนบ้านนอกไปตั้งแต่เมื่อไรกัน

ไม่นานนัก แสงบาง ๆ ที่ประตูก็ได้ถูกเงาร่างหนึ่งกั้นขวางเอาไว้ มู่เฉียนซีเงยหน้าขึ้นก็พบเห็นหญิงสาวชุดดำที่มีใบหน้าสดใสและทรวดทรงองค์เอวเข้ารูปสวย

เซียวอู่มองหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าตน ใบหน้าที่ละเอียดงดงามนั้นทำให้นางที่เป็นถึงสาวงามอันดับหนึ่งแห่งเกาะวิญญาณมรณะถึงกับอับแสงไปเลยทีเดียว นางนั้นไม่มีทางที่จะเทียบได้เลย!

นางชี้นิ้วไปที่มู่เฉียนซีแล้วกล่าวขึ้นอย่างจงใจ “เจ้าคือเด็กสาวบ้านนอกที่ให้พี่จิ่นหาหญ้าไปทั่วทุกหนแห่งงั้นรึ ? …เจ้ามาจากที่แห่งใดกัน แม้แต่หญ้าและดอกไม้เพียงเล็กน้อยก็ไม่เคยพบเจอ ช่างน่าหัวเราะให้ฟันร่วงเสียจริง”

.