บทที่ 140 ชายที่มาตามหาฮวงฟูอี้

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠)

บทที่ 140
ชายที่มาตามหาฮวงฟูอี้

ในขณะที่พระอาทิตย์กำลังตก แสงสายัณห์อาบไปทั่วป่าในภูเขา แสงและเงาของใบไม้ต่างๆสาดไปทั่วทางเดิน เมื่อ มู่หรงเสวี่ยและฮวงฟูอี้เดินจับมือกันออกมาจากในป่า ใบหน้าที่สวยงามและมีความสุขของพวกเขาทันใดนั้นก็ปรากฏต่อสายตาของโลก ก่อตัวเป็นภาพที่สวยงามอย่างมาก

ในตอนนี้อยู่ดีๆก็มีชายสามคนปรากฏตัวขึ้นมาอยู่ไกลๆ สายตาของมู่หรงเสวี่ยเปลี่ยนไปและดึงฮวงฟูอี้ให้มาอยู่ข้างหลัง ชายสามคนที่เดินเข้ามาร่างสูงมากๆและแต่ละคนก็มีท่าทางที่แข็งแรงด้วย ซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกถึงบางอย่างที่ผิดปกติ นอกจากนี้สายตาของพวกเขาก็เห็นได้ชัดว่าจ้องไปที่ฮวงฟูอี้

มู่หรงเสวี่ยเปิดปากพูดกระซิบอย่างจริงจังไปที่ฮวงฟูอี้ที่อยู่ข้างหลังเธอ “เสี่ยวอี้ เดี๋ยวนะ ยืนอยู่ข้างหลังพี่สาว ไม่ต้องพูดอะไรเข้าใจไหม?” เธอไม่รู้ว่าคนที่เข้ามาจะเป็นมิตรหรือศัตรู
“ดราก้อนมาสเตอร์ ขออภัยที่พวกเรามาช้า!” ชายคนแรก หลงอี้ไม่ได้สนใจมู่หรงเสวี่ยเลยแต่กลับพูดอย่างเคารพไปที่ ฮวงฟูอี้ที่อยู่ข้างหลังมู่หรงเสวี่ย

ดราก้อนมาสเตอร์งั้นเหรอ?! นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย?! แต่มู่หรงเสวี่ยก็รู้สึกโล่งในอยู่เล็กน้อย อย่างน้อยอีกฝ่ายก็ไม่ได้จะทำอะไรและน้ำเสียงเขาก็ดูอ่อนน้อมอย่างมาก แต่เธอก็ยังไม่มั่นใจว่าอีกฝ่ายแกล้งทำเพื่อให้เหยื่อตายใจหรือเปล่า และตอนนี้ฮวงฟูอี้ก็ยังจำอะไรไม่ได้ด้วย

ฮวงฟูอี้เชื่อฟังสิ่งที่พี่สาวเพิ่งจะบอกที่สั่งให้เขาไม่ต้องพูดอะไร ดังนั้นเขาจึงเพียงแค่มองไปที่คนที่อยู่ตรงหน้าด้วยสีหน้าเย็นชาโดยไม่พูดอะไรสักคำ

อย่างไรก็ตาม ชายทั้งสามคนที่อยู่อีกฝั่งก็เริ่มที่จะเหงื่อซึมแล้ว ทำไมดราก้อนมาสเตอร์ถึงไม่พูดอะไรเลยล่ะ? เขาไม่อ้าปากด้วยซ้ำ ถึงแม้พวกเขาพร้อมที่จะรับการลงโทษแล้วแต่ก็ยังรู้สึกกลัวอยู่ดี

จะมัวยืนอยู่แบบนี้ไปตลอดไม่ได้ มู่หรงเสวี่ยจึงพูดออกไปว่า “พวกคุณเป็นใคร?!!”

ชายทั้งสามมองไปที่มู่หรงเสวี่ยอย่างประหลาดใจ นี่เป็นครั้งแรกที่มีใครกล้าที่จะพูดขัดขึ้นมาต่อหน้าดราก้อนมาสเตอร์ แต่ดราก้อนมาสเตอร์ก็ยังเงียบไม่พูดอะไรออกมา เวลาที่มีดราก้อนมาสเตอร์อยู่ ท่านจะต้องเป็นใหญ่ที่หนึ่ง

มู่หรงเสวี่ยปวดใจจี๊ด คนพวกนี้ไม่ยอมตอบหรือพูดอะไรเลย อยากจะยืนกันอยู่แบบนี้หรือไง

หลังจากนั้นสักพัก มู่หรงเสวี่ยก็จับมือฮวงฟูอี้แล้วพูดด้วยเสียงเบา “ถ้าพวกเขาไม่ตอบ งั้นเราไปกันเถอะ…” เธอดึงมือฮวงฟูอี้และค่อยๆเดินผ่านคนพวกนั้นไป

ชายคนหนึ่งพูดออกมา “ดราก้อนมาสเตอร์…” ดราก้อนมาสเตอร์ยอมให้ผู้หญิงนำเขา เกิดอะไรขึ้นเนี่ย

ฮวงฟูอี้หันกลับไปมองพวกเขา เขาไม่รู้ว่าทำไมหัวเขาถึงปวด เขารู้สึกคุ้นกับชายที่เรียกเขาว่าดราก้อนมาสเตอร์เหลือเกิน
พวกเขาจ้องมองท่าทางของฮวงฟูอี้ ทำไมท่าทางที่ดราก้อนมาสเตอร์มองเขามันถึงได้ดูแปลกๆ? นี่ดราก้อนมาสเตอร์…เมื่อคิดได้แบบนี้ เขาก็ต้องตกใจ วิ่งตามไปจับที่มู่หรงเสวี่ยและพูดออกมาอย่างโมโห “เธอทำอะไรกับดราก้อนมาสเตอร์ของเรา?” ตอนนี้เมื่อเขาคิดถึงท่าทางที่แปลกๆของดราก้อนมาสเตอร์

มู่หรงเสวี่ยอยากที่จะดิ้นให้หลุดจากมือเขาทันทีแต่ก็ทำไม่ได้

ความโกรธแวบขึ้นมาในดวงตาของฮวงฟูอี้และผลักเขาออกไป “อย่ามาแตะต้องพี่สาวฉันนะ!”

หลังจากนั้นชายทั้งสองที่ตามหลงอี้ก็วิ่งเข้ามา ช่วยพยุงหลงอี้ขึ้นมาจากพื้นและพูดเสียงเบา “หลงอี้ ต้องมีอะไรผิดปกติกับดราก้อนมาสเตอร์แน่ๆ…”

เหล่าบอดี้การ์ดขมวดคิ้ว เมื่อกี้ดราก้อนมาสเตอร์พูดว่าอะไรนะ?! พี่สาวงั้นเหรอ?! ดราก้อนมาสเตอร์มาจากที่ไหน? ผู้หญิงคนนี้ทำอะไรกับดราก้อนมาสเตอร์?! “ดราก้อนมาสเตอร์ ! จำผมได้หรือเปล่า? ผมหลงอี้ไง”
หลงอี้งั้นเหรอ?!!!
สมองของฮวงฟูอี้แวบความทรงจำเศษเสี้ยว เขาเหงื่อออกจนเย็นและสีหน้าก็เริ่มซีดเผือด มู่หรงเสวี่ยสังเกตเห็นได้และรีบช่วยฮวงฟูอี้ “เสี่ยวอี้ เป็นอะไรหรือเปล่า?”

หลงอี้เองก็กังวลและอยากที่จะเข้ามาจับฮวงฟูอี้ แต่ดราก้อนมาสเตอร์ส่ายมือและจับมือมู่หรงเสวี่ยไว้แน่น

ในตอนนี้มู่หรงเสวี่ยกังวลเรื่องอาการของฮวงฟูอี้ เธอจึงพูดออกไป “ฉันจะพาเขากลับบ้าน ถ้ามีอะไรที่อยากจะคุยก็ค่อยตามเขามาแล้วกัน…” จากสถานการณ์ตอนนี้แล้ว ชายทั้งสามคนน่าจะเป็นเพื่อนของฮวงฟูอี้

เธอช่วยฮวงฟูอี้ให้เดินกลับไปที่รถอย่างรวดเร็ว โดยมีคนทั้งสามตามมาข้างหลังเธอ แล้วรีบขับรถกลับอย่างรวดเร็ว

เมื่อกลับมาที่วิลล่า มู่หรงเสวี่ยพบว่าฮวงฟูอี้สลบไปแล้ว เธอรีบเปิดประตูวิลล่าด้วยรีโมทแล้ววางมือข้างหนึ่งของเขาไว้ที่ไหล่ของเธอ พยายามที่จะพยุงเขาเข้าไป ทันทีที่หลงอี้ที่ตามมาเห็นเหตุการณ์นี้ เขาก็รีบวิ่งเข้ามาและช่วยพยุงดราก้อนมาสเตอร์ เกือบจะทันทีที่มู่หรงเสวี่ยกำลังจะทำร่างของดราก้อนมาสเตอร์ที่เคารพล่วงลงพื้น “ให้วางที่ไหน?” เขาถามมู่หรงเสวี่ย

มู่หรงเสวี่ยตอบ “ตามฉันมา เดินตรงขึ้นไปชั้นสองเลย” เธอเดินนำทางไป

หลงอี้โอบฮวงฟูอี้ไว้เพื่อเดินตามให้ทันเธอแต่ชายอีกสองคนข้างหลังเขาไม่ได้เดินตามมาด้วย แต่ยืนเฝ้าหน้าประตูวิลล่าไว้และมองอย่างระวังไปรอบๆ พวกเขาไม่ได้คิดว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับดราก้อนมาสเตอร์ ครั้งนี้แม้ว่าพวกเขาจะต้องตายก็จะไม่ยอมทิ้งหน้าที่อย่างแน่นอน แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือปัญหาของดราก้อนมาสเตอร์

มู่หรงเสวี่ยบอกให้หลงอี้วางฮวงฟุอี้ลงบนเตียงของเธอ เพราะในช่วงเวลาที่ผ่านมาฮวงฟูอี้นอนอยู่กับเธอ เธอปล่อยให้หลงอี้เข้ามาในห้องได้โดยตรง นอกจากนี้เธอก็เอาเข็มทองคำทั้งหมดเข้ามาในห้องด้วยเผื่อว่ามีเหตุการณ์ฉุกเฉินที่เธอไม่สามารถหยิบออกมาจากมิติลับได้

เธอหยิบเข็มทองคำออกมาเพื่อกำจัดพิษและเพิ่มชีพจรให้ฮวงฟูอี้ เพราะตอนนี้ชีพจรของเขาสับสนอย่างมาก ที่หัวเขายังมีเหงื่อออกด้วยและคิ้วก็ขมวดกันแน่น เขาดูไม่ค่อยสบายตัวอย่างมาก

มู่หรงเสวี่ยหยิบเข็มทองออกมา พยายามที่จะทำให้เขาสงบและลดความเจ็บปวดของเขา

“เธอต้องการอะไร?” หลงอี้จับมือมู่หรงเสวี่ย
“ปล่อย ฉันเป็นหมอแผนจีนโบราณ ไม่เห็นหรือไงว่าตอนนี้เขาไม่สบาย? อย่าขัดจังหวะการรักษาของฉัน แล้วก็ไม่ต้องห่วงสิ่งที่ฉันจะทำกับเขาด้วย! ถ้าฉันอยากทำร้ายเขา ฉันไม่รอจนถึงตอนนี้หรอก พวกนายเองต่างหากที่หายไปไหนกันตั้งนาน ไม่รู้เลยหรือไงว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาบ้าง?” มู่หรงเสวี่ยพูดอย่างเย็นชา

หลงอี้จึงปล่อยมือเธอ ครั้งนี้เป็นพวกเขาเองที่ละเลยหน้าที่ แต่เด็กสาวคนนี้เชื่อถือได้หรือเปล่า? เธอยังเด็กอยู่เลย ถึงแม้จะเป็นหมอแผนจีนโบราณก็คงจะไม่เก่งเท่าไรหรอก แต่ดราก้อนมาสเตอร์ในตอนนี้….และเขาก็คิดว่าเธอคงไม่กล้าที่จะทำอะไรหรอก คนแบบเธอคงไม่กล้าที่จะเข้ามามีปัญหากับดราก้อนพาวิลเลี่ยนหรอก

หลังจากที่คิดเรื่องนี้อยู่สักพัก เขาก็กดโทรศัพท์โทรหา ดร.หลง ที่เป็นแพทย์เฉพาะทางของฮวงฟูอี้ อย่างไรก็ตามมันก็ต้องใช้เวลากว่าที่เขาจะมาถึงที่นี่

มู่หรงเสวี่ยไม่มีเวลาที่จะสนใจว่าหลงอี้คิดอะไรอยู่ เธอกำลังอุทิศตัวเองให้ฮวงฟูอี้อยู่

หลังจากนั้นสักพัก เมื่อหลงอี้คุยโทรศัพท์เสร็จ เขาก็พบว่ามู่หรงเสวี่ยดึงเข็มออกแล้วในระหว่างที่ฮวงฟูอี้ที่กำลังนอนอยู่บนเตียงหายใจคงที่และไม่ดูซีดเผือดอีกแล้ว หลงอี้มองไปที่ มู่หรงเสวี่ยอย่างประหลาดใจ ถึงแม้เขาจะไม่รู้เรื่องทักษะการแพทย์แต่ตอนนี้อาการของดราก้อนมาสเตอร์คงที่ได้อย่างรวดเร็ว แบบนี้ทักษะทางการแพทย์ของเธอก็คงจะไม่แย่เท่าไร

“สวัสดีครับ ผมหยาบคายไปหน่อย ผมชื่อหลงอี้ ผมขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม?” หลงอี้กระซิบกับมู่หรงเสวี่ย
มู่หรงเสวี่ยจับชีพจรของฮวงฟูอี้อีกครั้ง เมื่อมั่นใจแล้วว่าไม่มีปัญหาอะไรเธอจึงลุกขึ้นออกมา “ได้สิ ตามฉันมา”

เมื่อพวกเขาเดินมาถึงห้องนั่งเล่นที่ชั้นหนึ่ง มู่หรงเสวี่ยก็ถามอย่างสุภาพ “อยากจะดื่มอะไรหน่อยไหมคะ? กาแฟหรือชาดี?” เขาเป็นแขก อีกอย่างเขาก็เกี่ยวข้องกับฮวงฟูอี้ด้วย

“ไม่ครับ ผมอยากที่จะถามเรื่องดราก้อนมาสเตอร์…” ตอนนี้เขาเพียงแค่อยากที่จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับดราก้อนมาสเตอร์?

มองไปที่สีหน้าเป็นกังวล มู่หรงเสวี่ยจึงพูดออกไปว่า “ตอนที่ฉันเจอเขา เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส…และดูเหมือนว่าเขาจะมีความทรงจำเท่ากับเด็กห้าขวบเท่านั้น สาเหตุน่าจะเกี่ยวกับหัวที่ได้รับบาดเจ็บของเขา…”

หลงอี้ตกใจยืนและพูดออกมาว่า “อะไรนะ?! คุณหมายความว่าดราก้อนมาสเตอร์…” สีหน้าเขาเปลี่ยนไปหลายครั้งและสุดท้ายก็นิ่ง
“ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวอีกไม่กี่วันก็น่าจะฟื้นความทรงจำได้…” เธอมองจากสถานการณ์ของฮวงฟูอี้ และพูดออกไปว่าตอนนี้เขาน่าจะฟื้นความทรงจำได้แต่ก็ไม่ได้ยืนยัน เธอพูดว่าอีกไม่กี่วัน

“คุณรู้ได้ยังไง?”
“ฉันมั่นใจในยาของตัวเอง ตอนนี้ขอฉันถามบ้าง คุณกับเสี่ยวอี้มีความสัมพันธุ์กันยังไง?” ดวงตาของเธอจ้องตรงไปที่หลงอี้เพื่อไม่ให้พลาดสัญญาณอะไรเลย

เมื่อได้ยินมู่หรงพูดออกมา เสี่ยวอี้งั้นเหรอ?! ดราก้อนมาสเตอร์บอกชื่อจริงของเขาจริงๆเลยงั้นเหรอ?!!!

“พวกเราเป็นลูกน้องของเขา เราส่วนเรื่องอื่นเราไม่มีอะไรจะพูด” หลงอี้อธิบาย

ลูกน้องงั้นเหรอ?!!
มู่หรงเสวี่ยเงียบไปชั่วครู่ พิจารณาถึงความน่าจะเป็นของเรื่องที่ได้ยิน อย่างไรก็ตามทั้งสามคนก็ดูเหมือนจะเคารพฮวงฟูอี้อย่างมากจริงๆและท่าทางของพวกเขาก็ดูอ่อนน้อมอย่างมากด้วย เดาว่าพวกเขาคงไม่ได้โกหกเธอ อย่างไรก็ตามตราบใดที่เธอยังต้องดูแลความปลอดภัยของฮวงฟูอี้ เธอก็ไม่สนใจเรื่องอื่นอย่างเรื่องตัวตนของเขาหรอก… “โอเค เข้าใจแล้ว แต่ก่อนที่เสี่ยวอี้จะฟื้นความจำ ฉันจะปล่อยให้พวกนายพาตัวเขาไปไม่ได้ ถึงแม้จะดูแล้วว่าพวกนายไม่ได้มีเจตนาไม่ดีอะไรแต่ฉันก็เชื่อใจพวกนายเต็มร้อยไม่ได้ ถ้าพวกนายอยากที่จะบังคับเขา ฉันก็จะไม่อ่อนข้อให้แล้วนะ” มู่หรงเสวี่ยพูดเสียงเบาแต่แผงไว้ด้วยการข่มขู่อยู่เล็กๆ

หลงอี้ไม่ได้คิดที่พาตัวดราก้อนมาสเตอร์ไปตอนนี้ ถึงแม้ดราก้อนมาสเตอร์จะไม่มีความทรงจำแต่เขาก็บังคับอะไรท่านไม่ได้ ทุกคำพูดของดราก้อนมาสเตอร์คือคำสั่งและดูเหมือนดราก้อนมาสเตอร์ก็จะเชื่อใจหญิงสาวตรงหน้าอย่างมากด้วย

“เราจะยังไม่พาตัวดราก้อนมาสเตอร์ไปโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่เราขออนุญาตอยู่เฝ้าที่นี่ได้ไหม?! แต่ถึงแม้คุณจะไม่อนุญาต พวกเราก็ไม่กลับหรอกครับ” ตอนนี้ไม่รู้ว่าดราก้อนมาสเตอร์จะเป็นอันตรายแค่ไหน เขาต้องปกป้องความปลอดภัยของดราก้อนมาสเตอร์
“ตามใจนายแล้วกัน! แต่ฉันไม่ขอรับผิดชอบเรื่องความสะดวกของนายนะ” คนพวกนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ เธอไม่อยากที่จะทำอะไรเพื่อพวกเขา

ชายอีกสองคนที่เหลือเข้ามายืนอย่างเรียบร้อยและพวกเขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็แค่เพื่อ ฮวงฟูอี้ ส่วนคนอื่นๆก็ไม่สำคัญ

มู่หรงเสวี่ยคิดเรื่องนี้อยู่สักพักแต่เธอก็ยังโทรหาพี่ชูอยู่ดี ในตอนนี้หาคนอื่นมาอยู่กับเธอด้วยน่าจะดีกว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดคือปูมหลังของพี่ชูไม่ใช่ธรรมดาๆ ไม่มากก็น้อยเธอก้อยากที่จะมีคนอยู่ด้วย อีกอย่างเธออยากที่จะยืมคนจากเขาด้วยแต่เธอยังหาใครในครอบครัวที่รู้จักไม่ได้เลย

หลังจากที่ได้รับสาย ชูอี้เสิ่นก็รีบมาและเห็นชายสองคนที่อยู่หน้าประตู สีหน้าเขาเย็นชาแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ก่อนหน้านี้ตอนที่คุยโทรศัพท์มู่หรงเสวี่ยไม่ได้พูดไว้อย่างชัดเจน เธอเพียงแค่พูดว่าสถานการณ์ที่วิลล่าของเธอค่อนข้างซับซ้อน พอจะให้เธอยืมคนสักสองสามคนได้หรือเปล่า
“เสี่ยวเสวี่ย เธอเป็นอะไรหรือเปล่า?” ชูอี้เสิ่นเห็นมู่หรงและรีบเดินเข้าไปเพื่อตรวจร่างกายมู่หรงเสวี่ยทันที เมื่อพบว่าเธอไม่ได้มีบาดแผลอะไรจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก

มู่หรงเสวี่ยหัวเราะ “ไม่ต้องห่วงหรอกพี่ชู ฉันไม่ได้เป็นอะไร! แต่มีเรื่องที่จะรบกวนพี่อีกแล้ว…”

“คนพวกนี้มันอะไรกันเหรอ?” เรามองไปที่หลงอี้ที่กำลังนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นและชี้ไปที่ชายสองคนที่ประตู

“เขาชื่อหลงอี้ แต่ฉันไม่ได้รู้จักเขาหรอก เขาเพียงแค่ต้องอยู่กับฉันด้วยเหตุผลบางอย่าง พี่ให้ฉันยืมคนสักสองสามคนได้ไหมคะ?”

ชูอี้เสิ่นขมวดคิ้วและมองไปที่ท่าทางของเสี่ยวเสวี่ย เธอไม่รู้จักคนพวกนั้นเลยสักนิด “ทำไมเธอถึงปล่อยให้พวกเขาอยู่ที่นี่?! มันอันตรายนะ เธอเป็นผู้หญิงนะ…”

“เพราะงั้นฉันถึงขอยืมคนจากพี่ไงล่ะคะ! จะโอเคไหมคะ?” มู่หรงเสวี่ยไม่ได้ตั้งใจที่จะสุภาพเลย หลังจากที่เธอได้กลับมาเกิดใหม่ สุดท้ายเธอก็ได้เข้าใจเรื่องหนึ่ง นั่นคือ เพื่อนแท้ไม่จำเป็นต้องสุภาพและเธอไม่จำเป็นต้องพยายามทำอะไรเลย เธอไม่จำเป็นต้องวางแผนทุกอย่างสำหรับเสี่ยวเข่อลี่เหมือนกับในชีวิตที่แล้วของเธอ คนสุดท้ายที่ยอมมาหาเธอคือเพื่อนแท้ของเธอ ตลกจริงๆเลย

“ได้อยู่แล้ว ฉันให้ยืมได้แต่ฉันจะมั่นใจได้ยังไงในเมื่อเธอเป็นแบบนี้…”

มู่หรงเสวี่ยมองสีหน้าเป็นกังวลและเหงื่อที่ผุดอยู่บนหน้าเขา เดาว่าทันทีที่เขาได้รับโทรศัพท์ของเธอ เขาก็รีบมาเลยและไม่รู้เลยว่ามันกระทบกับงานเขาหรือเปล่า ช่างเป็นเรื่องที่ทำให้เธอตื้นตันจริงๆ นี่แหละคือเพื่อนแท้…ถึงแม้โม่อ้ายลี่เองก็จะอยู่ในเมืองหลวงด้วยเหมือนกันแต่เธอก็เป็นผู้หญิง ดังนั้นเธอจึงไม่ได้สนใจที่จะโทรหาเธอ

“ไม่ต้องกังวลหรอกนะพี่ชู ฉันไม่เป็นอะไรจริงๆ พวกเขาไม่ใช่คนไม่ดีอะไร” ถึงแม้ถ้าพวกเขาจะเป็นคนไม่ดี เธอก็เชื่อว่าเธอมีความสามารถที่จะสู้ได้ ถ้ามันจำเป็น เธอก็ยังมีมิติลับ
“ไม่ ฉันจะย้ายเข้ามาอยู่ด้วย ไม่งั้นเธอก็ย้ายออกไป เลือกเอาแล้วกัน” ชูอี้เสิ่นพูดอย่างเคร่งขรึม

มู่หรงเสวี่ยตกใจ “นี่…” เธอไม่ค่อยเต็มใจเพราะกังวลว่าจะดึงเขาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

“นี่ฉันน่าไว้ใจน้อยกว่าคนแปลกหน้าแล้วหรือไง?” ชูอี้เสิ่นมองท่าทางลังเลของมู่หรงด้วยสายตาเจ็บปวดเล็กน้อย

“พี่ชู พี่เข้าใจฉันผิดแล้ว ถ้าฉันไม่เชื่อใจพี่ฉันก็คงไม่โทรหาพี่หรอก ฉันแค่กลัวว่าฉันจะทำให้พี่ต้องวุ่นวายด้วย…” สายตาที่เจ็บปวดของพี่ชูทำให้เธอประหลาดใจ เธอไม่คิดว่าพี่ชูจะเสียใจขนาดนี้

อย่างไรก็ตามเธอคิดว่าถ้าพี่ชูไม่เอาตัวเองเข้ามาช่วยเธอในยามเดือดร้อน เธอเองก็คงจะเสียใจด้วยเหมือนกัน เธอจึงคิดว่าเธอเข้าใจได้

“ฉันจะย้ายเข้ามาวันนี้” ไม่ใช่ว่าเธอไม่เชื่อใจเขา ไม่ว่ามันจะเป็นยังไงเขาก็หวังว่าตัวเองจะช่วยได้