ตอนที่ 3-2 คืนเข้าหอ

ซ่อนรักเคียงบัลลังก์

ในตอนนั้นเหตุใดเราจึงลูบหน้าของนางกัน เหตุใดเราจึงนั่งอยู่ที่นั่นทั้งคืน 

 

 

นางยังคงเป็นเพียงแค่เด็กน้อยคนหนึ่ง 

 

 

ถึงแม้นางจะดูเด็กแต่ใบหน้าของนางก็งดงาม และดวงตาคู่นั้นดูเหมือนพร้อมที่จะหลั่งน้ำตาออกมาได้ทุกเมื่อ ความกลัวต่อตัวเขาที่สะท้อนอยู่ในดวงตาคู่นั้นมีมากพอๆ กับหยดน้ำตา มือที่สั่นเทาด้วยความกลัวของนางขาวซีด ภายใต้ชุดสีแดงตัวใหญ่นั้นมีร่างผอมบางที่พร้อมจะแตกสลายได้ทุกเมื่อซุกซ่อนอยู่ 

 

 

“ช่างเป็นเด็กที่น่าเวทนานัก” 

 

 

บีพาอันที่กำลังบ่นพึมพำพลันยิ้มออกมา เพราะเรื่องนั้นหรือ เพราะตนรู้สึกเวทนาเด็กสาวตัวเล็กที่ต้องจากฮวากุกอันไกลโพ้นมาเช่นนั้นหรือจึงได้ทำเช่นนั้นลงไป บีพาอันเอามือที่เท้าคางอยู่ไปลูบที่บริเวณหน้าอกของตน 

 

 

“เจ้ามีความรู้สึกแบบนี้พรรค์นี้ด้วยหรือ ความเห็นอกเห็นใจหรือ ความสงสารหรือ ช่างน่าขันเสียจริง” 

 

 

เมื่อบีพาอันได้คำตอบ เขาก็เลื่อนสายตาไปที่หนังสืออีกครั้ง แล้วหลังจากนั้นก็มองเลยไปที่ชั้นหนังสือ 

 

 

*** 

 

 

กโยซึลที่เหนื่อยล้าจากการร้องไห้ กำลังจ้องมองไปที่โต๊ะสุราอย่างเหม่อลอยด้วยดวงตาฝ้าฟาง บีพาอันไม่ดื่มสุราสักจอก ไม่แตะกับแกล้มแม้เพียงนิด นางใช้มือที่ผอมบางพยุงตัวลุกขึ้นมา แล้วใช้มือที่ห้อยต่องแต่งอย่างไม่มีเรี่ยวแรงค่อยๆ ถอดชุดสีแดงออกที่ละชั้น นางกลับไปนอนบนเตียงด้วยด้วยร่างกายที่เหลือเพียงชุดตัวในสีขาว กโยซึลดึงผ้าห่มผ้าแพรขึ้นมาคลุมตัวเอง 

 

 

“หากว่าเป็นเขา…” 

 

 

นางกำลังพึมพำอะไรบางอย่าง แล้วก็ผล็อยหลับไปหลังจากที่ไม่ได้นอนมาทั้งคืน แต่น้ำตาที่ดูเหมือนจะแห้งเหือดไปแล้วหลั่งไหลออกมาอีกครั้งจนทำให้ผ้าห่มเปียกไปทั้งผืน 

 

 

 

 

 

ตะวันเคลื่อนมาอยู่กลางท้องฟ้า ในห้องบรรทมยังคงไม่มีเสียงใดที่บ่งบอกว่ามีคนอยู่ แม่นมเริ่มกระแทกเท้าลงบนพื้นดังตึงตัง 

 

 

“พระชายายังทรงไม่ตื่นจากบรรทมอีกหรือ ไม่ทรงส่งเสียงใดออกมาบ้างเลยหรือ” 

 

 

แม่นมเริ่มกระวนกระวายใจ เหล่าซังกุงที่ยืนก้มหน้าอยู่ก็เริ่มส่งสายตามองกันเพราะรู้สึกไม่สบายใจ 

 

 

“ถ้าเช่นอย่างนั้น ลองเข้าไปหน่อยไหมดีไหมเจ้าคะ” 

 

 

“ว่าอย่างไร” 

 

 

“ท่านยูอนบูอินเป็นถึงแม่นมของพระชายาฮวางแทจา ถึงแม้จะเสียมารยาทไปบ้างแต่ก็คงจะมิโดนลงโทษหรอกเจ้าค่ะ” 

 

 

แม่นมของกโยซึลได้รับพระราชทานยศ ‘ยูอนบูอิน’ นางถูกพามาจากตระกูลซาเพื่อให้มาดูแลกโยซึล 

 

 

“พวกบ่าวเองก็เป็นห่วงพระชายา แต่พวกเราไม่สามารถเข้าไปได้หากไม่ได้รับอนุญาต…” 

 

 

“ถ้าอย่างนั้น ฉันจะเข้าไปเอง” 

 

 

หลังจากแม่นมพยักหน้ายินยอม เหล่าซังกุงก็เปิดประตูให้ เมื่อแม่นมเดินเข้าไปก็มองไปทั่วห้องบรรทม แม้ว่าจะเป็นตอนกลางวันแต่หน้าต่างในห้องไม่ได้เปิดจึงมืดมาก แสงแดดลอดมาจากช่องว่างระหว่างหน้าต่างส่องเข้ามาจนแบ่งห้องออกเป็นสองฝั่ง 

 

 

“พระชายา” 

 

 

บนโต๊ะสุราไม่มีการกินดื่มอะไร แม่นมจึงเลื่อนสายตามองไปที่เตียง ผ้าห่มกองเป็นกลุ่มก้อนอยู่บนนั้น 

 

 

“พระชายา ทรงไม่สบายตรงไหนหรือเพคะ” 

 

 

แม่นมค่อยๆ เดินเข้าไปแล้วจับที่แก้มของกโยซึล กโยซึลลืมตาขึ้นมาอย่างไร้เรี่ยวแรง 

 

 

“…แม่นม” 

 

 

ดวงตากโยซึลที่กำลังเรียกแม่นมเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา แม่นมตกใจที่เห็นน้ำตาของกโยซึลนางจึงนั่งบนเตียงและกอดกโยซึลไว้ 

 

 

“พระชายาทรงเป็นอะไรเพคะ เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเพคะ” 

 

 

“แม่นม แม่…” 

 

 

กโยซึลมุดเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของแม่นม แม่นมรู้สึกเศร้าใจเป็นอย่างมากที่เห็นกโยซึลร้องไห้ นางทำหน้าราวกับจะร้องไห้พร้อมลูบปลอบร่างเล็กๆ ของกโยซึลไปด้วย 

 

 

“ฝ่าพระบาทฮวางแทจา ทรงตรัสว่าอย่างไรหรือเพคะถึงทำให้พระชายาเสียใจถึงเพียงนี้ โถ่ พระชายาของหม่อมฉัน” 

 

 

ระหว่างที่แม่นมกำลังปลอบกโยซึลที่กำลังร้องไห้ตัวสั่นอยู่นั้น นางก็เหลือบไปเห็นผ้าปูที่นอนสีขาวที่อยู่ใต้ผ้าห่มโดยบังเอิญ เห็นผ้าปูสีขาวสะอาดสะอ้าน พลันใบหน้าของนางก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม นางหยุดลูบปลอบกโยซึล กโยซึลเงยหน้าขึ้นมามองแม่นม 

 

 

“พระชายา ฝ่าพระบาทฮวางแทจาทรงเสด็จมาแล้วก็เสด็จกลับไปเฉยๆ เช่นนั้นหรือเพคะ” 

 

 

“แม่นม?” 

 

 

“เมื่อคืนพระชายาทรงบรรทมคนเดียวหรือเพคะ” 

 

 

เมื่อกโยซึลเริ่มเข้าใจว่าแม่นมถามถึงเรื่องอะไร ใบหน้าของนางก็แดงขึ้น 

 

 

“…” 

 

 

กโยซึลไม่ตอบอะไรและแม่นมคิดว่านั่นคือคำตอบแล้ว นางจึงบอกให้กโยซึลลุกขึ้นออกมาจากเตียง กโยซึลทำตามแม่นมที่สั่ง กโยซึลที่ยืนอยู่ข้างเตียงนั้นยกมือมาป้องปากแล้วมองไปที่แม่นมด้วยความไม่สบายใจ 

 

 

“การที่ฝ่าพระบาทฮวางแทจาไม่ได้นอนกับพระชายาเมื่อคืน ห้ามให้ใครรู้เป็นอันขาดนะเพคะ” 

 

 

“ทำไมหรือแม่นม” 

 

 

“พระชายาน้อยของหม่อมฉัน พระราชาทรงส่งพระองค์มาต่างแดนเพื่อสิ่งใดกันเพคะ” 

 

 

แม่นมเริ่มน้ำตาคลอ เพราะพระราชาที่แม่นมพูดถึงคือ พระราชาจองแห่งฮวากุก พ่อของกโยซึล 

 

 

“การที่พระชายาทรงมาออกเรือนที่ต่างอาณาจักรเช่นนี้ ไม่มีทางเลยที่เหล่าขุนนางหรือเชื้อพระวงศ์จะดูแลพระชายาเป็นอย่างดี แล้วยิ่งหากให้คนเหล่านั้นรู้ว่าฝ่าพระบาทฮวางแทจาเพียงแค่เสด็จมาเฉยๆ หากคนเหล่านั้นรู้ว่าฝ่าพระบาทฮวางแทจาทรงเฉยชากับพระองค์แล้วล่ะก็” 

 

 

แม่นมส่ายหัวไปมา 

 

 

“ไม่ได้ จะให้คนเหล่านั้นรู้ไม่ได้เป็นอันขาดเพคะ บ่าวกังวลเหลือเกินว่าคนเหล่านั้นจะทำร้ายพระชายาเพคะ” 

 

 

เสียงของแม่นมสั่นเครือ กโยซึลเข้าใจแล้วว่าทำไมแม่นมถึงเป็นแบบนี้ กโยซึลมาจากต่างแดน ฉะนั้นนางจึงไม่ปลอดภัยพอๆ กับฐานะของนางที่นี่ ฮวางแทจาที่ได้แต่งงานกับนางเท่านั้นที่จะเป็นโล่ป้องกันให้นางได้ หากเรื่องที่นางถูกเมินเฉยถูกเปิดเผย ต่อให้ตนจะอยู่ในฐานะพระชายาเอกแห่งฮวางแทจา แต่ตนจะต้องถูกโจมตีอย่างโหดร้ายเป็นแน่ โดยเฉพาะในราชวงศ์มกกุกแห่งนี้ที่โด่งดังในเรื่องการต่อสู้แย่งชิงอำนาจ 

 

 

แม่นมเช็ดน้ำตาแล้วหันกลับไปมองผ้าปูเตียงสีขาวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด 

 

 

“หม่อมฉันจะปกป้องพระชายาจากพระราชวังที่อันตรายแห่งนี้อย่างเต็มที่เพคะ” 

 

 

แม่นมหยิบมีดเล็กๆ ออกมา และก่อนที่กโยซึลจะเข้าใจในสิ่งที่แม่นมกำลังจะทำ แม่นมก็ใช้มีดนั้นกรีดไปที่นิ้วก้อยและละเลงเลือดไปบนผ้าปูเตียงแล้ว 

 

 

“คุณแม่!” 

 

 

กโยซึลตกใจเข้าสวมกอดแม่นม ผ้าปูเตียงสีขาวถูกย้อมเป็นสีแดงจากเลือดของแม่นม 

 

 

“ในคืนแรกจะต้องมีร่องรอยของเลือดอยู่ เราควรจะปล่อยข่าวลือในพระราชวังโดยเริ่มจากนางในเพคะ” 

 

 

แม่นมพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียดราวกับไม่ได้รู้สึกเจ็บเลยสักนิด ในทางกลับกันกโยซึลร้องไห้ นางเอาชุดของนางมาพันรอบนิ้วก้อยของแม่นม 

 

 

“อีกสักพัก หม่อมฉันจะเรียกนางในให้มาเปลี่ยนผ้าปูที่นอน พวกนางจะเป็นพยานยืนยันค่ำคืนแรกของพระชายากับฝ่าพระบาทฮวางแทจาเพคะ” 

 

 

“แม่นม คุณแม่… เหตุใดจึงทำอย่างนี้ เราไม่ชอบที่แม่นมต้องเจ็บตัว” 

 

 

กโยซึลดูเหมือนจะฟังบ้างไม่ฟังบ้างในสิ่งที่แม่นมพูด นางหวังเพียงแต่ให้เลือดจากนิ้วก้อยของแม่นมหยุดไหล ชุดของสีขาวของกโยซึลเต็มไปด้วยเลือดเช่นเดียวกันกับผ้าปูเตียง