ตอนที่ 3-1 คืนเข้าหอ

ซ่อนรักเคียงบัลลังก์

องค์หญิงอูรึมแห่งฮวากุก ตอนนี้ได้กลายเป็นพระชายาของฮวางแทจา กโยซึลแห่งมกกุกแล้ว นางต้องลืมชื่ออูรึมที่เคยใช้มาตั้งแต่เด็ก และใช้ชีวิตต่อไปด้วยในนามกโยซล นามใหม่นี้ได้นำพากโยซึลไปสู่ชีวิตใหม่ ขณะนี้นางกำลังนั่งรอบีพาอันอยู่บนเตียงในตำหนักดงบี ตำหนักของพระชายาเอกแห่งวังตะวันออกที่ถูกจัดไว้ให้ นางรู้สึกว่าตนเหมือนนั่งอยู่ตรงนี้มานานมากแล้ว ทว่ามันเพิ่งจะผ่านไปไม่ถึงสิบห้านาทีเสียด้วยซ้ำ 

 

 

“ฝ่าพระบาทฮวางแทจาเสด็จ” 

 

 

เสียงของซังกุงมาพร้อมกับประตูห้องที่เปิดออกและบีพาอันก็เดินเข้ามา กโยซึลกำมือที่วางอยู่บนตักแน่น เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา พลันผ้าคลุมสีแดงก็ค่อยๆ ถูกดึงออก  

 

 

กโยซึลหลับตาอยู่ 

 

 

“ลืมตาเถิด” 

 

 

อึก 

 

 

ดวงตาดำเข้มของกโยซึลที่ถูกซ่อนอยู่สั่นระริกๆ หลังจากนั้นมันก็ค่อยๆ ลืมขึ้น สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าคือชุดแต่งงานสีแดงที่ปักด้วยด้ายสีทอง บีพาอันกำลังจ้องมองหน้าของกโยซึลหลังจากดึงผ้าคลุมสีแดงออก คิ้วที่เรียงตัวกันเป็นระเบียบบนใบหน้าขาวผ่อง แพขนตาเรียวยาว จมูกรูปทรงกำลังพอดี ริมฝีปากเล็กอวบอิ่มแดงระเรื่อดุจเมล็ดทับทิม สองแก้มอมชมพูอยู่กรอบหน้าเรียวเล็ก ต่อมาด้วยลำคอผอมบางจนแทบเห็นกระดูก และเมื่อกโยซึลลืมตาขึ้นบนใบหน้าเล็กๆ นั่นก็เริ่มดูมีชีวิตชีวาขึ้น น้ำตารื้นอยู่ดวงตากลมโตราวกับว่ามันพร้อมที่จะหลั่งรินออกมาในทุกเมื่อ 

 

 

“เงยหน้าสิ” 

 

 

“…” 

 

 

“เงยหน้ามองเรา เราคือบีพาอัน สามีของเจ้า” 

 

 

กโยซึลค่อยๆ เงยหน้าขึ้น ตากลมโตดวงนั้นเต็มไปด้วยความกลัว 

 

 

กำลังกลัวอย่างนั้นหรือ นางหวาดกลัวเราที่เป็นสามีของเช่นนั้นหรือ ยังคงเป็นเด็กอยู่มากนัก’ บีพาอันหัวเราะออกมาเบาๆ นี่เป็นครังแรกที่กโยซึลได้พบกับบีพาอัน รูปสลักน้ำแข็งคือสิ่งนี้ใช่หรือไม่ รูปสลักจากหินจะเป็นเช่นนี้หรือไม่นะ ใบหน้างามนั้นให้ความรู้สึกเยือกเย็นแข็งกระด้าง สายตาคมพร้อมจะเจาะทะลุทุกสิ่ง จมูกที่สูงโด่งดุจใบมีด ริมฝีปากบางแดงระเรื่อยกขึ้นลงเล็กน้อยจนเป็นเส้นโค้ง ดูเหมือนว่าเขากำลังจะจุดยิ้ม ทว่าในพริบตาเดียวริมฝีปากนั่นก็เปลี่ยนเป็นเส้นตรง นี่คือใบหน้าของชายที่เป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้ว 

 

 

ความเงียบบังเกิดระหว่างทั้งคู่อยู่พักหนึ่ง ทั้งสองเอาแต่มองจ้องกัน และคนที่ทำลายความเงียบลงนั้นคือบีพาอัน เขาถอดเสื้อสีแดงตัวนอกออกแล้วนำไปวางไว้ที่ปลายเตียง เมื่อถอดเสื้อสีแดงสดดุจกลีบกุหลาบตัวนอกออก ด้านในก็ยังมีชุดสีแดงเข้มสวมไว้อยู่อีกชั้น บีพาอันที่สวมชุดสีแดงเข้มอยู่นั้น คราวนี้ได้ถอดเสื้อตัวนอกของกโยซึลออก รวมทั้งถอดเครื่องประดับที่ห้อยระย้าอยู่ด้วย และเขาก็หยุดลงเพียงเท่านั้น 

 

 

“ชายา” 

 

 

หลังจากที่บีพาอันทำการถอดเสื้อตัวนอกออก กโยซึลที่หลับตาแน่นและยืนเกร็งตัวอยู่นั้นก็ต้องเงยหน้าขึ้นมองเมื่อได้ยินเสียงบีพาอันเรียกตน บีพาอันลูบไล้ไปที่ใบหน้าของนางอย่างนุ่มนวลด้วยมือที่ใหญ่และอบอุ่นของเขา และเขาก็เอามือลงแล้วถอยหลังออกไปก้าวหนึ่ง ทันใดนั้นใบหน้าของเขาพลันเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือก 

 

 

“ทรงจะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่อย่างไรก็ได้ เราไม่สนใจ จะปักผ้า หรืออ่านหนังสือ เราไม่มีส่วนที่ต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องนั้น แต่โปรดอย่ามาขวางเส้นทางในภายภาคหน้าของเรา และต้องทำในสิ่งที่เราสั่ง อย่าได้มาขวางการขึ้นครองบัลลังก์ของเรา ที่เหลือก็แล้วแต่ชายาจะประสงค์” 

 

 

บีพาอันพูดด้วยน้ำเสียงที่ต่ำและเยือกเย็นอย่างไม่ช้าและไม่เร็ว เมื่อพูดจบเขาก็หันหลังไปนั่งที่หน้าโต๊ะสุรา เมื่อเขาหันหลังให้กโยซึลแล้ว เขาจึงพูดต่อว่า 

 

 

“อ้อ แล้วก็ไม่ต้องรอเรา เราคงไม่มีกิจอันใดที่ต้องมาเยือนชายา” 

 

 

หลังจากพูดจบ บีพาอันก็ไม่เอ่ยปากขึ้นอีกเลย กโยซึลที่กำลังตะลึงงันจ้องมองไปที่แผ่นหลังของบีพาอัน แม้แต่จะเอ่ยปากพูดสักนิดนางก็ยังไม่กล้า ช่วงเวลาที่ยาวนานเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุดนี้ทำให้ตนอึดอัดเป็นอย่างมาก 

 

 

เมื่อถึงรุ่งสาง บีพาอันก็ลุกจากที่นั่งและเดินหายออกไปทางประตู เขาไม่แม้แต่จะหันมามองกโยซึลเลยสักนิด บีพาอันจากไปทั้งๆ ที่เขานั่งหันหลังให้นางทั้งคืน ดูแล้วเขาน่าจะนั่งอยู่หน้าโต๊ะสุราอยู่เช่นนั้นไม่ได้นอนเลยทั้งคืน และกโยซึลเองก็เช่นเดียวกัน นางนั่งอยู่ที่เดิมทั้งคืน เฝ้ามองแผ่นหลังของบีพาอันด้วยสายตามที่ตกตะลึงอยู่อย่างนั้นไม่ได้หลับไม่ได้นอน 

 

 

ครืด ตึก 

 

 

หลังจากที่บานประตูปิดลง ร่างของกโยซึลก็ล้มลงทันที นางกลั้นเสียงร้องไห้ไว้ในคอ ปล่อยน้ำตาให้ไหลรินออกมาอย่างโศกเศร้า 

 

 

นางกลัว เขาน่ากลัวมาก แต่ทว่าในตอนนี้เขาเผยรอยยิ้มน้อยๆ แล้วสัมผัสตนด้วยมือที่อบอุ่นนั้น นางเผลอคิดไปว่าคงจะวางใจอยู่กับเขาได้… 

 

 

ทว่าเขานั้นยังคงมีแต่ความน่ากลัว 

 

 

เสียงที่แสนเย็นชาของเขานั้นรังแต่จะทำให้นางสติหลุด เสียงเย็นๆ นั้นราวกับจะกลายเป็นสลักน้ำแข็งแล้วโบยบินเข้ามาหากโยซึล ขณะที่กโยซึลนั่งสะอึกสะอื้นอยู่พักใหญ่ พลันตรงหน้าของนางก็มีใบหน้าของเชื้อพระวงศ์คนนั้นที่มารับตนในวันที่มาถึงมกกุก ใบหน้าที่มีรอยยิ้มกว้างประดับอยู่เสมอ ใบหน้าของยูอึลจิน 

 

 

“หากเป็นเขา…” 

 

 

มือเล็กๆ ของกโยซึลขยำผ้าปูที่นอนไว้แน่น 

 

 

“หากเขาคือฮวางแทจา… ยังจะดีเสียกว่า” 

 

 

หยดน้ำตาหลั่งรินอีกครั้ง หยาดมุกใสไหลรินออกมาจากดวงตากลมโตของกโยซึล 

 

 

*** 

 

 

ท้องฟ้าสีคราม รูแฮกำลังจ้องมองท้องฟ้าด้วยใบหน้ายิ้มแย้มตามปกติของเขา ผืนฟ้าโล่งจนแสบตา แต่ทว่ารูแฮกลับไม่ได้รู้สึกสงบดังเช่นรอยยิ้มของเขา ตาของเขานั้นแดงก่ำ เขาดื่มสุราคนเดียวมาทั้งคืน จะชวนพระชายาฮวางแทจาก็มิได้ จะชวนขันธีก็มิได้ หากถามว่าเหตุใดเขาจึงมีสภาพเช่นนี้ เขาเองไม่มีคำตอบเหมือนกัน ตัวเขาเองก็ยังไม่รู้ถึงสาเหตุ แล้วจะให้ตอบได้อย่างไร ในเมื่อไม่มีผู้ใดคอยรินสุราให้ เขาก็ต้องดื่มมันอยู่คนเดียว 

 

 

ตนไม่เคยดื่มจนเมามายเช่นนี้มาก่อน 

 

 

“เราเป็นอะไรไปหรือ อูรึม” 

 

 

รูแฮตกใจกับชื่อที่ตนเพิ่งเอ่ยออกไป ความตกใจนี้ทำลายรอยยิ้มของเขา ดวงตาที่โค้งมนดุจพระจันทร์เสี้ยวเบิกโพลง ริมฝีปากโค้งมนจากการแย้มยิ้มอยู่เสมอ อ้าค้างอย่างเหม่อลอยด้วยความตกใจ เขายกมือที่สั่นเครือขึ้นมาจับที่ปากแล้ววางลงไปที่หน้าออก หัวใจของตนกำลังเต้นแรง เมื่อคืนเป็นคืนแรกของฮวางแทจาและพระชายาฮวางแทจา 

 

 

*** 

 

 

ตำหนักของบีพาอันที่ตั้งอยู่กลางพระราชวังตะวันออก ตำหนักดงชอนเป็นที่ที่เงียบอยู่เสมอ แม้แต่เสียงร้องของลูกๆ ของเหล่านางในก็ไม่มีให้ได้ยิน ที่นี่ไม่มีทางที่จะเสียงดังได้ บีพาอันนั่งอยู่ในห้องหนังสือ เขายืดแขนออกวางลงด้านหน้า แขนซ้ายเท้าคาง และมือขวาของเขาก็กำลังเคาะโต๊ะอยู่ 

 

 

ตึก ตึก ตึก ตึก… 

 

 

เล็บยาวที่กระทบกับโต๊ะไม้ส่งเสียงก้อง หลังจากกลับมาจากตำหนังของกโยซึล บีพาอันเอาแต่นั่งอยู่ที่โต๊ะหนังสืออยู่พักใหญ่ แต่เขาหาได้อ่านหนังสือสักเล่มไม่ เวลาที่เขาวางหนังสือไว้แล้วไม่อ่านนั้นหมายความว่าเขากำลังมีข้อสงสัยบางอย่าง ในหัวของเขาตอนนี้กำลังหาคำตอบให้กับคำถามสองคำถาม