ตอนที่ 470 คุณคิดจะทำอะไรกันแน่ / ตอนที่ 471 เผยหนานเจวี๋ยผู้โรแมนติก

กับดักรักในรอยแค้น

ตอนที่ 470 คุณคิดจะทำอะไรกันแน่

 

 

           เผยหนานเจวี๋ยไม่ค่อยสงสัยในความสามารถในการวิเคราะห์ของตัวเอง แต่ตอนนี้การเสนอราคาใกล้เข้ามา เหล่าผู้อำนวยการของทุกฝ่ายกระตือรือร้นที่จะลองอีกครั้ง ซึ่งทำให้เขาต้องมองที่ดินผืนนั้นใหม่

 

 

           ทางนี้เผยหนานเจวี๋ยยุ่งจนโงหัวไม่ขึ้น อีกทางหนึ่ง ฉู่เจียเสวียนมาถึงบริษัทอย่างใจเย็น เมื่อเธอมาถึงร้านชุดแต่งงาน เพิ่งจะเข้าออฟฟิศแล้วนั่งลง คนส่งดอกไม้ก็มาทันที

 

 

           มองไปที่ดอกไม้ช่อใหญ่บนโต๊ะ ฉู่เจียเสวียนรู้สึกปวดหัว เผยหนานเจวี๋ยกลายเป็นคนหน้าด้านแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน

 

 

           อารมณ์ที่ดีในตอนแรก หลังจากเห็นดอกไม้ช่อนั้นแล้วอารมณ์ดีของฉู่เจียเสวียนก็หายไป ยกมือขึ้นนวดคลึงขมับ วางดอกไม้ช่อนั้นไว้บนโต๊ะอีกตัว จากนั้นก็ก้มหน้าทำงาน

 

 

           เมื่อถึงเวลาค่ำก็ได้เวลาเลิกงานแล้ว ฉู่เจียเสวียนยืดเหยียดเอว หลังจากเหลือบมองเวลาก็หยิบกระเป๋าแล้วเดินออกไปข้างนอก

 

 

           ถังถังไปคุยงานกับลูกค้าข้างนอก จนป่านนี้ยังไม่กลับมา แต่ตอนนี้ก็อยู่ในร้านอาหารแล้วและเดาว่าเธอก็กินข้าวแล้วเหมือนกัน

 

 

           ระหว่างที่ครุ่นคิด ฉู่เจียเสวียนก็ออกมาจากร้านชุดแต่งงานแล้ว ก้าวเท้าเดินไปยังลานจอดรถ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเดินไปเพียงครึ่งทางก็ถูกคนขวางไว้

 

 

           เงยหน้าขึ้นก็เห็นใบหน้าที่น่าเกรงขามของเผยหนานเจวี๋ย ความโมโหวูบผ่านในดวงตา

 

 

           “คุณมาทำอะไร” เอ่ยปากเย็นชา ใบหน้านอยๆ ของฉู่เจียเสวียนเปี่ยมไปด้วยความเยือกเย็น

 

 

           เผยหนานเจวี๋ยไม่ถือสาความไม่พอใจของฉู่เจียเสวียนเลยสักนิด ยกมุมปากขึ้นยิ้ม “พาคุณไปกินข้าว”

 

 

           “ไม่ต้องหรอกประธานเผย” พูดจบ ก้าวเท้าต้องการจะเดินผ่านเขาไป แต่ว่ากลับถูกเผยหนานเจวี๋ยคว้ามือไว้

 

 

           “คุณคิดจะทำอะไรกันแน่” กล่าวอย่างไม่พอใจ ดวงตาของฉู่เจียเสวียนมีประกายความโมโห

 

 

           “กินข้าว” เผยหนานเจวี๋ยพูดอีกครั้ง แววตาที่มองฉู่เจียเสวียนเปี่ยมด้วยความอ่อนโยน

 

 

           เขาคิดถึงเธอฉะนั้นจึงมาหาเธอ พาเธอไปกินข้าวด้วยกัน แม้ว่าตอนนี้เขาจะยุ่งมาก แต่เขาก็ยังตั้งใจสละเวลาออกมากินข้าวกับเธอ

 

 

           “ฉันไม่อยากกินข้าวกับคุณ” กัดฟันพูด ความเยือกเย็นในแววตาของฉู่เจียเสวียนยิ่งเข้มข้นกว่าเดิม

 

 

           คนนี้ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือยังไงกัน เธอก็บอกแล้วว่าไม่อยากกินข้าวกับเขา

 

 

           “ผมอยากกินข้าวกับคุณ ไปเถอะ” พูดจบก็ลากฉู่เจียเสวียนไปยังรถของเขาโดยไม่มีคำอธิบายใดๆ ฉู่เจียเสวียนขัดขืน แต่ว่าพละกำลังของเธอสู้แรงของเผยหนานเจวี๋ยไม่ได้

 

 

           ฉู่เจียเสวียนรู้ดีว่าถ้าเผยหนานเจวี๋ยดื้อขึ้นมาล่ะก็ ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถเปลี่ยนใจของเขาได้ ในที่สุดก็ถอนหายใจ “ฉันเดินเองได้”

 

 

           เผยหนานเจวี๋ยได้ยินแล้วก็ยิ้ม รีบปล่อยมืออย่างเชื่อฟัง เพราะเขาไม่กลัวว่าฉู่เจียเสวียนจะหนี ต่อให้หนีได้เขาก็ยังคงหาวิธีพาเธอกลับมาได้อยู่ดี

 

 

           ฉู่เจียเสวียนเตามหลังเผยหนานเจวี๋ยอย่างไม่เต็มใจ เห็นเผยหนานเจวี๋ยเปิดประตูฝั่งข้างคนขับให้เธอ แต่ฉู่เจียเสวียนยื่นมือเปิดประตูเบาะหลังทันทีโดยไม่คิด เข้าไปนั่ง

 

 

           เผยหนานเจวี๋ยเห็นแล้วไม่พอใจ ปิดประตูรถ แล้วขึ้นรถพาฉู่เจียเสวียนไปกินข้าว

 

 

           ที่ร้านอาหาร ถนนคราคร่ำไปด้วยผู้คน คู่รักหลากหลายระหว่างทาง บ้างพูดคุยบ้างหัวเราะ ฉู่เจียเสวียนมองดูเงาของบนนดาคู่รักนอกหน้าต่าง อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ หรือว่านี่มันช่วงเทศกาลแห่งความรักเหรอ

 

 

           ที่เมือง A ร้านอาหารตะวันตกที่หรูหราที่สุดเปิดให้บริการในสถานที่ที่มีชีวิตชีวาที่สุด

 

 

           ร้านอาหารเก๋อหลิน วันนี้ร้างเป็นพิเศษ ข้างในไม่มีแม้แต่คนเดียว นอกจากเจ้าของร้านกับพนักงาน

 

 

           “ตั้งแต่นี้ไป ไม่ต้องรับลูกค้าข้างนอก ตอนนี้มีคนเหมาร้านอาหารแล้ว” เจ้านายพูดกับพนักงานด้วยรอยยิ้ม

 

 

 

 

       ตอนที่ 471 เผยหนานเจวี๋ยผู้โรแมนติก

 

 

           รถสีดำมาจอดที่หน้าร้านอาหารช้าๆ ชายรูปงามคนหนึ่งกำลังเดินลงจากรถ สายตาของบริกรถูกดึงดูดทันที

 

 

           สุภาพบุรุษเปิดประตูเบาะหลัง ผู้หญิงคนหนึ่งลงมาจากรถ ใบหน้าของเธอละเอียดอ่อน เรือนร่างสวยงาม รูปร่างสูงโปร่ง รอยยิ้มจางๆ อ้อยอิ่งอยู่บนใบหน้า

 

 

           “เผยหนานเจวี๋ย คุณดูสิ งดให้บริการชั่วคราว” ฉู่เจียเสวียนชี้ไปยังหน้าร้านอาหารพร้อมพูด แววตาเปล่งประกายยินดี แม้แต่พระเจ้าก็ไม่ให้พวกเขากินข้าวด้วยกัน

 

 

           “อืม ผมแค่ไม่อยากให้คนอื่นรบกวนตอนที่พวกเรากินข้าว” เผยหนานเจวี๋ยกล่าว ฟังน้ำเสียงไม่ออกว่าดีใจหรือโมโห

 

 

           “คุณหมายความว่าอะไร” ฉู่เจียเสวียนงุนงงไปชั่วขณะ ราวกับไม่เข้าใจความหมายของเผยหนานเจวี๋ย

 

 

           “ผมเหมาทั้งร้านแล้ว จะไม่มีใครมากวนพวกเรากินข้าว” เผยหนานเจวี๋ยบอกความจริงกับเธออย่างตรงไปตรงมา

 

 

           ฉู่เจียเสวียนที่ยังกระหยิ่มยิ้มอยู่ในใจ เมื่อได้ยินเผยหนานเจวี๋ยพูดแบบนี้แล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าก็แข็งทื่อ

 

 

           “สิ้นเปลืองจริงๆ!” ฉู่เจียเสวียนฟังแล้วก็หันหลังกลับต้องการจะจากไป เผยหนานเจวี๋ยมือไว ดึงเธออย่างอ่อนโยน และอาศัยจังหวะนี้กอดฉู่เจียเสวียนไว้

 

 

           “มีคุณอยู่ ไม่สิ้นเปลืองหรอก”

 

 

           “พวกเรายื้อยุดกันอยู่อย่างนี้ไม่น่าดูเลย” เผยหนานเจวี๋ยถือโอกาสพูดในหูของฉู่เจียเสวียน พูดด้วยเสียงที่มีเพียงสองคนเท่านั้นที่ได้ยิน

 

 

           ในสายตาคนภายนอก ฉู่เจียเสวียนกับเผยหนานเจวี๋ยทั้งสองคนกลับเป็นคนรักกัน

 

 

           ฉู่เจียเสวียนไม่ไหวติง ต้องการจะเดินจากไป เผยหนานเจวี๋ยไม่มีทางเลือกนอกจากใช้ไม้ตาย “วันนี้เป็นคนพิเศษ พวกนักเลงเยอะมาก ถ้าหากคุณไม่อยากเป็นพาดหัวข่าวพรุ่งนี้ล่ะก็ พวกเราก็เข้าไปจะดีกว่า อีกอย่าง ผมไม่ได้กินข้าวดีๆ มาหลายวันแล้ว”

 

 

           เงยหน้ามองใบหน้าหล่อเหลาที่ห่างกับเพียงคืบ รอยยิ้มจางๆ บนใบหน้าของเขาสามารถทำให้ละลายได้ แต่คำที่พูดออกมานั้นทำให้เธอรู้สึกไม่เป็นมิตร

 

 

           หลังจากนั้น ฉู่เจียเสวียนก็ถูกเผยหนานเจวี๋ยกึ่งผลักกึ่งดึงเข้าไปในห้องอาหารแล้ว

 

 

           “ลูกค้าผู้มีเกียรติ ยินต้อนรับครับ เชิญตามผมมาทางนี้” วันนี้บริกรไม่เดินกลับไปกลับมาเหมือนปกติ แต่ยืนอยู่ในตำแหน่งที่เฉพาะเจาะจง

 

 

           ฉู่เจียเสวียนกับเผยหนานเจวี๋ยถูกพาไปที่ชั้นสอง พื้นที่บนชั้นสองค่อนข้างเล็ก แต่มันดูอบอุ่นกว่าชั้นแรกมาก

 

 

           หลังจากนั่งลงแล้ว ฉู่เจียเสวียนมองไปที่ชั้นหนึ่งโดยไม่รู้ตัว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะมุมองศาหรือเปล่า เธอพบว่าตำแหน่งของบริกรที่ยืนอยู่ด้านล่างเรียงตัวกันเป็นรูปหัวใจ

 

 

           เธอรีบละสายตา ใบหน้าร้อนผ่าว ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเผยหนานเจวี๋ยเป็นคนจัดการเรื่องนี้ เผยหนานเจวี๋ยกลายเป็นคนโรแมนติกแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน

 

 

           เงยหน้าขึ้นและจ้องมองเผยหนานเจวี๋ยอย่างไม่รู้ตัว พบกว่าเขากำลังมองเธอด้วยสีหน้าอ่อนโยน

 

 

           ไม่นาน เจ้าของร้านอาหารเก๋อหลินาบริการสองคนไปหาพวกเขาด้วยตัวเอง บริการทั้งสองคนเข็นรถเข็นในมือ ด้านบนเต็มไปด้วยอาหารหลากหลายชนิด

 

 

           เจ้าของร้านเป็นชายวัยกลางคน เขาเดินเข้ามาหาพวกเขาสองคน เสียงที่สุภาพหลุดมาจากปากของเขา “แขกผู้มีเกียรติครับ นี่คือของขวัญที่ร้านอาหารเก๋อหลินตั้งใจเตรียมให้พวกท่านในวันแห่งความรัก เชิญพวกท่านตามสบายนะครับ”

 

 

           เจ้าของร้านพูดจบ บริกรก็นำอาหารบนรถเข็นไปวางบนโต๊ะอย่างรวดเร็วแล้ว

 

 

           ฉู่เจียเสวียนเหลือบมองไปที่ขวดไวน์แดงที่โด่งดังที่สุด ไวน์ดาลี่ เธออยู่ในสหรัฐอเมริกามาหลายปี และเธอรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะเห็นไวน์ดาลี่ในตลาด