บทที่ 1808+1809

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 1808 ความหวัง 2

หัวใจตี้ฝูอีประหนึ่งถูกทิ่มแทงด้วยมีดหลายเล่ม!

วินาทีที่สายตาทั้งสองประสานกัน นางอยากหลับตาลงแสร้งนอนหลับอีกคราโดยสัญชาตญาณ ก็ถูกเขากอดไว้อย่างแนบแน่น

เขาจุมพิตรอยคล้ำใต้ดวงตานาง และถือโอกาสประทับรอยจูบลงบนหยาดน้ำตา “ซีจิ่ว ความจริงพวกเราไม่เคยไปดินแดนเบื้องบน โลกใบนี้ก็มีเรื่องราวมากมายที่ไม่อาจอธิบายให้ชัดเจนได้ เรื่องของข้ายังไม่สิ้นหวังไปเสียหมด…ต่อให้ข้าดับขันธ์ก็ไม่แน่ว่าจะสูญหายไปตลอดกาล บางทีอาจจะแค่ไปดินแดนเบื้องบน…วางใจเถิด ไม่ว่าข้าไปที่แห่งใด ข้าก็จะหาทุกวิถีทางกลับมาอย่างสุดชีวิต! เจ้าอย่าได้กลัวไป…”

ดวงตาเธอพลันวาบไหว “จริงหรือ?”

ตี้ฝูอีใช้ริมฝีปากถูไถหน้าผากนาง “เจ้าคิดดูสิ เดิมทีข้าไม่รู้เลยว่ามีโลกใบนั้นที่เจ้าอยู่…แต่เจ้ากลับเหมือนปาฏิหาริย์…ดังนั้นก็อาจจะมีปาฏิหาริย์ครั้งที่สองเกิดขึ้นก็ได้!”

จะมีปาฏิหาริย์นี้ไหม?

ในใจกู้ซีจิ่วพลันเกิดความหวังเลือนรางขึ้นมา

ทว่าเสียงแว่วในหัวเคยบอกเธอว่า เมื่อใดที่เทพศักดิ์สิทธิ์ดับขันธ์ก็จะสูญสลายไปอย่างแท้จริง ไม่มีการกลับชาติมาเกิดดังเช่นชาวเงือก…

ทว่าที่ตี้ฝูอีพูดก็มีเหตุผล อย่างไรเสียยังมีสิ่งต่างๆ อีกมากมายบนโลกใบนี้ที่ยังไม่รู้…

เธอซุกหน้าลงบนแผ่นอกเขา “หากมีวันนั้นจริงๆ ท่านต้องกลับมานะ! ข้ารอท่าน!”

ตี้ฝูอีลูบไล้กระหม่อมของนางด้วยคาง ตอบกลับด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “อืม!”

และยังใช้นิ้วมือเชยคางนางขึ้น จุมพิตลงบนริมฝีปากนาง “เช่นนั้นตอนนี้ก็นอนได้แล้ว? หืม?”

กู้ซีจิ่วส่งเสียงตอบรับและหลับตาลง

ตี้ฝูอีกดจุดหลับสนิทของนางเบาๆ ในที่สุดก็ทำให้นางผล็อยหลับไปได้อย่างแท้จริง

วิธีการกดจุดช่วยให้นางนอนหลับกลับไม่ใช่วิธีการที่ดี เพราะไม่เป็นผลดีต่อร่างกาย อีกทั้งยังมีผลข้างเคียงเล็กน้อย ดังนั้นหากไม่จำเป็นจริงๆ ตี้ฝูอีก็ไม่อยากใช้วิธีนี้

ทว่านางไม่ได้พักผ่อนมาหลายวันแล้ว หากอดหลับอดนอนต่อไป ร่างกายของนางจะย่ำแย่ ถึงขั้นที่จะถูกธาตุไฟเข้าแทรกได้ง่ายยามฝึกฝน

ในเมื่อเป็นผลร้ายทั้งสองทาง ก็เลือกทางที่มีผลเสียน้อยที่สุดแล้วกัน ตี้ฝูอีจึงทำได้เพียงใช้วิธีนี้

นางนอนหลับไปแล้ว เขามองนางที่อยู่ในอ้อมกอดแล้วเหม่อลอยไปชั่วขณะอยู่บ้าง

เดิมทีเขาวางแผนมากมายขนาดนั้น ใช้วิธีการมากมายขนาดนั้น ถึงขนาดไม่ลังเลใจที่จะใช้วิธีการทรยศหักหลังเพื่อตัดขาดกับนาง เพื่อจะไม่ทำให้นางได้สัมผัสความรู้สึกดังเช่นวันนี้

นึกไม่ถึงว่าแผนการรวดเร็วมิสู้การเปลี่ยนแปลง ท้ายที่สุด เขายังคงทำให้นางได้ลิ้มรสความรู้สึกเช่นนี้ ทำให้นางทุกข์ทรมานเป็นเท่าทวี…

ให้นางเดินเป็นเพื่อนก้าวสู่ความตาย ทั้งยังให้นางมองดูเขาดับขันธ์อย่างช่วยอะไรไม่ได้? เขาแทบไม่กล้าที่จะคิดถึงภาพฉากนั้นเลย!

เขาควรจะใช้วิธีไหนเพื่อปกป้องนางอย่างดี หลีกเลี่ยงไม่ให้นางได้รับความเจ็บปวดเช่นนี้?

หากย้อนเวลากลับไปได้ เขายอมไม่ไปหยอกเย้านางเสียยังดีกว่า!

ทว่ากาลเวลาไม่อาจหวนคืนกลับมา…

ค่ำคืนนี้ค่อนข้างโหดร้าย กู้ซีจิ่วมีความฝันหนึ่งที่ยาวนาน

ในห้วงความฝัน เธอเดินอยู่ท่ามกลางทะเลเพลิงผืนหนึ่ง รอบด้านเป็นภูเขาสูงชันแดงเพลิง ความรู้สึกเช่นนี้เสมือนมาถึงภูเขาเปลวเพลิงในเรื่องไซอิ๋ว ยอดเขาทั่วทุกสารทิศ ผืนแผ่นดินใหญ่เบื้องล่าง เปลวเพลิงลุกโชนกำลังปะทุโหมกระหน่ำทั่วทุกแห่งหน…

เจ้าหอยยักษ์กับลู่อู๋น้อยติดตามข้างกายเธอ ด้วยมีทักษะของเจ้าหอยยักษ์กับลู่อู๋น้อยคอยสนับสนุน ต่อให้เธอเดินอยู่ท่ามกลางเปลวเพลิงผืนหนึ่งก็ไม่รู้สึกร้อนเท่าใดนัก

ตัวเธอเองก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงมาถึงตรงนี้ เพียงรู้สึกงงงวยเหมือนว่ากำลังตามหาสิ่งใดอยู่

เธอเดินผ่านกลางภูเขาเปลวเพลิง ข้ามผ่านยอดเขามากมายนับไม่ถ้วน จู่ๆ เบื้องหน้ามีมหาสมุทรสีม่วงผืนหนึ่งปรากฏขึ้น…

ไม่ใช่ นั่นไม่ใช่มหาสมุทรสีม่วง แต่เป็นทุ่งดอกเห็ดสีม่วงเข้ม ทั่วทั้งพื้นที่ล้วนเป็นเห็ดสีม่วงที่งดงามปานอสูร เห็ดนั้นมีลักษณะแปลกตาและน่าสนใจอยู่บ้าง

———————————————————————–

บทที่ 1809 ความหวัง 3

ประหนึ่งแต่ละดอกต่างทำมุทรา เบ่งบานสว่างสดใสอยู่ตรงนั้น

กู้ซีจิ่วตกตะลึง!

หัวใจกระโดดโลดเต้นไม่หยุดหย่อนราวกับบ้าคลั่ง!

เห็ดมรรคาม่วง! เป็นเห็ดมรรคาม่วง!

ตามตำนานเล่าขานว่าสามารถฟื้นคนตายให้เป็นได้ คุณสมบัติอาจจะมากกว่าลูกท้อสวรรค์ของเจ้าแม่หวังหมู่ที่ออกผลทุกเก้าพันปีด้วยซ้ำไป หากใช้มันมาหลอมโอสถออกมาได้โอสถขั้นเก้า ก็จะทำให้มนุษย์ธรรมดามีชีวิตยืนยาวไม่แก่เฒ่า เป็นอมตะไม่มีวันมอดม้วย!

เห็ดชนิดนี้มีอยู่แค่เพียงในตำนาน เธอไม่เคยพบเจอ เพียงแต่เคยเห็นจากภาพวาดที่หยกนภาให้เธอดู หลายวันมานี้เธอยังเคยหารือกับตี้ฝูอีว่าต้องการตามหาของสิ่งนี้ดู ทว่าไม่มีผู้ใดรู้เลยว่าเห็ดนี้เกิดขึ้นที่ใด ตี้ฝูอีก็ไม่ทราบเช่นกัน

กู้ซีจิ่วต้องการตามหาของสิ่งนี้มาหลายวันจนจะบ้าคลั่งแล้ว! เสาะหาไปทั่วทุกซอกมุมของโลกใบนี้เสมือนงมเข็มในมหาสมุทร

นึกไม่ถึงว่าจะได้เห็นมันที่นี่!

เห็ดโดยทั่วไปจะเกิดขึ้นในสถานที่มืดทึบและเปียกชื้น ดังนั้นที่ผ่านมาสถานที่ที่กู้ซีจิ่วออกตามหาคือสถานที่มืดและชื้น อย่างไรก็ไม่เคยคาดคิดเลยว่ามันจะเติบโตท่ามกลางภูเขาเปลวเพลิง…

อีกทั้งยังมีจำนวนมากมายถึงเพียงนี้อยู่เบื้องหน้า!

เธอแทบจะกระโจนเข้าไป! อยากจะเก็บมันขึ้นมาโดยไม่สนใจสิ่งใดทั้งนั้น นึกไม่ถึงว่าเมื่อเหยียบย่างเข้าไปในสถานที่แห่งหนึ่ง จู่ๆ เธอก็ตื่นขึ้นมา!

เธอลืมตาขึ้น สิ่งที่มองเห็นเบื้องหน้าคือตี้ฝูอีที่กำลังเขียนอะไรบางอย่างอยู่ เขานั่งหันข้าง เอนกายพิงหัวตั่ง ในมือถือพู่กันด้ามหนึ่งกำลังเขียนหนังสืออย่างรวดเร็วอยู่ตรงนั้น ส่วนเธอนอนตะแคงกอดต้นขาของเขาแนบแน่นเหมือนหมีโคอะล่า

ที่นี่คือวังมรกต สถานที่พำนักที่แท้จริงของเทพศักดิ์สิทธิ์หวงถู

เขาพาเธอมาที่นี่เมื่อแปดวันก่อน บอกว่าจะให้เธอรู้จักบ้านสามีที่แท้จริงสักหน่อย

ต้นไม้ใบหญ้า บุปผาศิลาของที่แห่งนี้ล้วนงดงามเกินกว่าจะบรรยาย บริเวณตำหนักมีเมฆาขาวรายล้อม เปรียบเสมือนแดนสวรรค์

ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นก็คือ สถานที่แห่งนี้มีพลังวิญญาณหนาแน่น เป็นที่ที่เหมาะแก่การฟื้นฟูอย่างยิ่ง

เดิมทีเมื่อหลายวันก่อนสีหน้าตี้ฝูอีขาวเผือด ทว่าหลังจากกลับมาที่นี่ ดวงหน้าก็ดูดีขึ้นไม่น้อย

ที่นี่งดงามยิ่ง เป็นสรวงสวรรค์ในดินแดนมนุษย์อย่างแท้จริง

หากหัวใจกู้ซีจิ่วไม่ได้มีหินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งกดทับเอาไว้ ทำให้ไม่มีกะใจจะชื่นชมทิวทัศน์ เธอต้องหลงรักสถานที่แห่งนี้เป็นแน่

ความงดงามของที่แห่งนี้ย่อมเป็นความงดงามอย่างแท้จริง แต่ผู้ที่จะเข้ามาสถานที่แห่งนี้ได้จำเป็นต้องบรรลุพลังวิญญาณขั้นเก้าขึ้นไป มิเช่นนั้นจะถูกพลังวิญญาณที่เอ่อล้นภายในรินรดจนถึงแก่ชีวิต!

ส่วนสถานที่ที่ตอนนี้เธอกับตี้ฝูอีอยู่คือห้องนอนของเขา

ไม่ว่าจะชมดาวที่นี่ก็ดี ฝึกฝนวรยุทธ์เทพศักดิ์สิทธิ์ก็ดี ล้วนได้ผลที่ดีอย่างยิ่งยวดทั้งนั้น

กู้ซีจิ่วงงงวยอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่าเมื่อสักครู่ที่เห็นเป็นเพียงความฝัน…

เธอรู้สึกผิดหวังยิ่งนัก ค่อนข้างเหม่อลอยอยู่ตรงนั้น

ตี้ฝูอีก้มหน้าลงมองนาง “เป็นอะไร? ฝันร้ายหรือ? เหงื่อออกเต็มเลย…”

กู้ซีจิ่วเหม่อลอยอยู่พักหนึ่ง จู่ๆ ก็ถามเขาว่า “ท่านมีประสบการณ์และความรู้กว้างขวาง เช่นนั้นรู้จักสถานที่แห่งหนึ่งหรือไม่…” เธออธิบายลักษณะภูมิประเทศทั้งหมดในความฝัน

เธอบอกเล่าอย่างละเอียดถี่ถ้วน ตี้ฝูอีประหลาดใจอยู่บ้าง “เจ้ารู้จักสถานที่แห่งนี้ได้อย่างไร?”

หัวใจกู้ซีจิ่วสั่นไหวเล็กน้อย ดวงตาทั้งคู่เบิกโต “มีสถานที่แห่งนี้อยู่จริงหรือ?! ท่านรู้จักหรือ?!” น้ำเสียงของเธอค่อนข้างสั่นเครือ

เดิมทีเธอรู้สึกว่าความฝันก็เป็นแค่สิ่งที่ไม่มีอยู่จริง ช่วงนี้เธอน่าจะตามหาเห็ดมรรคาม่วงจนเป็นบ้าเป็นหลัง ถึงได้มองเห็นสิ่งนี้ในความฝัน จึงไม่ได้มีความหวังมากมายเท่าใด

การถามตี้ฝูอีก็แค่มีความหวังเพียงน้อยนิดจึงเอ่ยปากออกไปอย่างนั้น นึกไม่ถึงว่าฟังจากน้ำเสียงของตี้ฝูอีแล้วดูเหมือนว่าเขาจะรู้จักที่แห่งนี้!

ตี้ฝูอีรู้จักสถานที่แห่งนี้จริงๆ “ลักษณะภูมิประเทศที่เจ้าพูดเหมือนกันกับเขตหวงห้ามแห่งหนึ่ง…”

“เขตหวงห้ามอะไร?”

——————————————