ตอนที่ 355 ศัตรูหัวใจของแต่ละคน
เมื่อเหยียนเค่อรับโทรศัพท์แล้วก็ยังไม่ได้ปริปากพูดในทันที วินาทีต่อมาฉินซื่อหลานก็มาคุยจ้อกับเสี่ยวฝูเอ๋อร์ต่อ [ซย่าเสี่ยวมั่วกับเหยียนเค่อนี่นิสัยเหมือนกันเลย ทำดีด้วยก็ไม่ได้ดี เมื่อกี้ฉันพูดถึงไหนแล้วนะ]
[ถ้าพูดอีกคำฉันจะวางแล้วนะ] น้ำเสียงอ่อนโยนของเหยียนเค่อเอ่ยขึ้น
“ใช่!” ฉินซื่อหลานที่อยู่ปลายสายยังไม่ทันรู้สึกตัว ขณะกำลังจะพูดต่อไปอยู่นั้น จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้จึงชะงักไป ก่อนจะกระแอมไออย่างเอาเป็นเอาตาย “แค่กๆๆๆ”
เสี่ยวฝูเอ๋อร์ชื่นชมในสีหน้าระรื่นของเหยียนเค่อ ผู้ชายหล่อไม่ว่าจะโกรธหรือดีใจก็น่ามองไปหมดเลย
[นายจะพูดอะไรอีก] น้ำเสียงบางเบาฟังแล้วไร้ซึ่งการโจมตี
แต่ฉินซื่อหลานกลับสะดุ้งแล้วรีบอธิบาย “ฉันแค่ล้อเล่นเองน่า เมื่อกี้หาซย่าเสี่ยวมั่วไม่เจอ ก็เลยลนไปหน่อยน่ะ” เขาใช้เรื่องอื่นมาเบี่ยงเบนความสนใจของเหยียนเค่ออย่างมีไหวพริบ
แต่เหยียนเค่อก็ไม่ใช่คนโง่ เสียงของซย่าเสี่ยวมั่วเขาก็ได้ยินแล้วดังนั้นเลยไม่ต้องกังวลใจอะไร [โทรมาหาฉันทำไม]
เขายังมีเวลามาคิดบัญชีกับฉินซื่อหลานอีกมาก ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน เหยียนเค่อแค่อยากรู้ว่าฉินซื่อหลานจะโทรมาหาตนทำไม
“วันนี้ตอนฉันเข็นซย่าเสี่ยวมั่วออกไปเดินเล่น ก็เจอหลี่หมิงฉวีพอดี” ฉินซื่อหลานเงยหน้ามองเพดาน จู่ๆ ก็รู้สึกว่าตนเป็นตัวอย่างของคำว่า ‘รนหาที่ตาย’
[หืม?] เสียงของเหยียนเค่อกดต่ำลง [เกิดอะไรขึ้น]
ฉินซื่อหลานกำลังจะเล่าให้เขาฟังอย่างละเอียด ด้านหลังก็มีเสียงของหญิงสาวลอยมาแต่ไกลเสียก่อน “ฉินซื่อหลาน”
ฉินซื่อหลานเคลื่อนใบหน้าออกเล็กน้อย มองซย่าเสี่ยวมั่วที่นั่งงอเอวงอขาอยู่ด้านหลังตนปราดหนึ่ง “เธอหายไวจัง ไม่ใช้วีลแชร์แล้วเหรอ”
“วันนี้สวรรค์บอกฉันว่า ขอแค่มีสองขาที่แข็งแรงถึงจะทำให้ฉันหลุดพ้นเงื้อมมือของใครบางคนได้” ซย่าเสี่ยวมั่วลูบกระดูกเข่าของตนแล้วสบถคำด่าออกมา “เจ็บฉิบหายเลย”
ฉินซื่อหลานตบบ่าเธออย่างปลอบโยน “เธอรู้ได้ด้วยตัวเองแบบนี้ก็น่าชื่นชมดีนะ”
ซย่าเสี่ยวมั่วชี้ไปที่โทรศัพท์ในมือของเขา “โทรหาใครเหรอ”
“คนที่เธอคุกเข่าให้อะ”
ซย่าเสี่ยวมั่วไม่พอใจ จึงจงใจแกล้งเขา “นายคุยไปเถอะ ฉันจะไปนอนที่เตียง แล้วจะรอนะ!”
ฉินซื่อหลานนิ่งค้างอยู่ที่เดิม ทำไมยายผู้หญิงคนนี้ถึงไม่กลัวตายเลยนะ…มาอ่อยตนต่อหน้าเหยียนเค่อเนี่ย
[ฉันเป็นผู้บริสุทธิ์นะ นายอย่าเชื่อผู้หญิงคนนั้นนะ] ฉินซื่อหลานไม่ได้ยินเสียงของปลายสายก็เริ่มกระวนกระวายใจ [นายต้องเชื่อฉันนะ]
“อืม” เหยียนเค่อไม่อยากจะยอมรับว่าชั่วพริบตาหนึ่งเขารู้สึกหึงขึ้นมาเล็กน้อย
เสี่ยวฝูเอ๋อร์จงใจถอนหายใจออกมา “บ้านใครกินเกี๊ยว[1]กันน้า”
“เธออยากกินเหรอ” เหยียนเค่อปรายตามองคนที่นั่งข้างๆ ปราดหนึ่ง เสี่ยวฝูเอ๋อร์รีบหุบปากฉับ ก่อนจะก้มหน้าเขียนการบ้านต่อ อยู่ให้ห่างจากไฟสงคราม
ฉินซื่อหลานเข้าใจความหมายของเสี่ยวฝูเอ๋อร์แต่ช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ต้องอดกลั้นไว้ก่อน [พรุ่งนี้นายมาตรวจซ้ำอีกรอบไหมล่ะ วันนี้นายไม่ได้หยุดใช่ไหม]
“พูดบ้าๆ น่า” ช่วงนี้เขาค่อนข้างยุ่ง พนักงานที่เหยียนเค่อรับปากว่าจะให้เที่ยวถึงวันจันทร์ก็ถูกเรียกตัวกลับมาทำงานล่วงเวลาในวันอาทิตย์ เหยียนเค่อเองก็คงอยู่เฉยไม่ได้
[งั้นพรุ่งนี้นายมาตรวจซ้ำอีกรอบแล้วกัน เดี๋ยวนายก็ไม่ไว้ใจอีก] ฉินซื่อหลานอยากจะหลุดพ้นจากโทษ แต่สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือ ตั้งแต่ตอนที่ซย่าเสี่ยวมั่วกอดคอร้องเพลงกับเขานั้น เหยียนเค่อก็เพ่งเล็งเขาไว้แล้ว
เหยียนเค่อครุ่นคิดสักครู่หนึ่ง “ได้ เดี๋ยวจะพาเสี่ยวฝูเอ๋อร์ไปส่งให้ด้วยแล้วกัน” จากนั้นก็วางสายไป
เด็ดขาดจังเลย เสี่ยวฝูเอ๋อร์เอามือเท้าศีรษะมองเหยียนเค่อ ก่อนจะเอ่ยอย่างนับถือ “พี่เหยียนเท่มากเลยค่ะ!”
เหยียนเค่อมองเธอด้วยสายตาประหลาดแล้ววางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ “คืนนี้เธอนอนที่นี่แล้วกันนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะไปส่ง”
“ค่ะ!” เสี่ยวฝูเอ๋อร์พยักหน้าอย่างว่าง่าย
——
[1] กินเกี๊ยว ที่ประเทศจีนเวลากินเกี๊ยวจะจิ้มกับน้ำส้มสายชู และวลีที่ว่า ‘กินน้ำส้มสายชู’ ในภาษาจีนแปลว่าหึง (ดังนั้นในประโยคนี้สื่อความหมายได้ว่า ‘ใครหึงกันนะ’)
ตอนที่ 356 หลักการ
ฉินซื่อหลานขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เหยียนเค่อยึดตัวเสี่ยวฝูเอ๋อร์ไว้ เขาก็คงต้องอยู่เฝ้าซย่าเสี่ยวมั่วอยู่โรงพยาบาลจริงๆ เสียแล้ว
“เพราะเธอคนเดียว” ฉินซื่อหลานพูดกับซย่าเสี่ยวมั่วที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยอย่างหงุดหงิด
ซย่าเสี่ยวมั่วงุนงง “อะไรเหรอ ฉันทำอะไร”
“คนของฉันโดนศัตรูยึดตัวไปแล้ว”
“แล้วนายรู้ได้ไงว่าคนของนายไม่ได้ยินยอมเองน่ะ” ซย่าเสี่ยวมั่วพูดเสียดแทงอย่างไม่ปิดบัง
“เธอไม่พูดความจริงจะตายไหม” ฉินซื่อหลานโยนขวดยาใส่ท้องเธอ “ทายาแล้วนอนซะ วันนี้ฉันขึ้นเวร มีอะไรก็เรียกได้”
ซย่าเสี่ยวมั่วพยักหน้า “โอเค”
เสี่ยวฝูเอ๋อร์ทำการบ้านพวกนี้ไม่หวาดไม่ไหวแล้ว สมองงุนงงอยากนอนเต็มที
“เธอมีตรงไหนที่ยังทำไม่เสร็จบ้าง” เหยียนเค่อปิดสมุดการบ้านแล้ววางลงข้างตัว ก่อนจะหยิบสมุดอีกเล่มขึ้นมาดู
ตากลมโตของเสี่ยวฝูเอ๋อร์มองเขา ก่อนจะพูดทั้งน้ำตา “ยังมีข้อข้อสอบวิชาฟิสิกส์อีกชุดหนึ่งกับข้อสอบวิชาคณิตค่ะ”
“เธอถนัดวิชาไหนมากกว่า”
“ฟิสิกส์” เสี่ยวฝูเอ๋อร์ดึงชุดข้อสอบปึกหนึ่งออกมาอย่างหมดอาลัยตายอยากแล้วเริ่มเขียน
“วันเสาร์อาทิตย์ก็ต้องไปเรียนนี่ ทำไมการบ้านถึงเยอะขนาดนี้” คนที่ไม่เคยต้องเจอกับช่วงก่อนสอบเข้ามหาวิทยาลัยเห็นการบ้านเยอะขนาดนี้แล้วก็จนปัญญา “ถ้าไม่ส่งจะเป็นอะไรไหม”
“คุณครูฟิสิกส์ด่าฉันแน่นอนค่ะ” เสี่ยวฝูเอ๋อร์สูดน้ำมูก ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่เรียนวิชาฟิสิกส์ได้ดีหรอก
เหยียนเค่อพยักหน้า กวาดตามองโจทย์วิชาฟิสิกส์ของเธอ “งั้นเธอก็ตั้งใจทำล่ะ”
เสี่ยวฝูเอ๋อร์เห็นว่าเขาไม่คิดจะยื่นมือเข้ามาช่วย ก็กอดกระดาษข้อสอบของตนไว้อย่างเจ็บปวด แล้วขอร้องเขาอย่างน่าสงสาร “พี่คะ ช่วยฉันหน่อยนะ!”
เหยียนเค่อไม่รับปาก ถ้าเขาช่วยเขียนการบ้านแล้วมันจะมีประโยชน์อะไรกันล่ะ
“แต่ว่าฉันทำไม่เสร็จจริงๆ นะคะ” ทันใดนั้นเสี่ยวฝูเอ๋อร์ก็นึกถึงฉินซื่อหลานขึ้นมา “เมื่อก่อน
ฉินซื่อหลานยังช่วยฉันทำวิชาชีวะฯเลย”
เหยียนเค่อเลิกคิ้ว “ทำไมฉินซื่อหลานไม่มีหลักการเลยล่ะ”
“ช่วยฉันเถอะ ฉันทำไม่หมดจริงๆ” เสี่ยวฝูเอ๋อร์แทบจะร้องไห้ให้เหยียนเค่อดูแล้ว
“งั้นฉันช่วยเธอทำวิชาฟิสิกส์” เหยียนเค่อช่วยเธอทำอย่างไม่เต็มใจนัก
“พี่จะเอาชีวิตฉันหรือไง” เสี่ยวฝูเอ๋อร์กอดกระดาษข้อสอบไว้ไม่ปล่อย “วิชาเลขยากจะตาย ฉันทำไม่ได้หรอก”
เหยียนเค่อเคยเห็นจำนวนข้อที่เสี่ยวฝูเอ๋อร์ทำถูกในวิชาฟิสิกส์แล้ว ถ้าไม่ทำการบ้านวิชาฟิสิกส์นั้นก็ไม่มีปัญหา “เชื่อฟังหน่อย ทำวิชาคณิตเสร็จก็ไปนอนได้แล้ว ไม่งั้นเธอก็ทำเองหมดเลยแล้วกัน”
เสี่ยวฝูเอ๋อร์จำใจยอมรับเงื่อนไขนี้ ทว่าเหยียนเค่อทำข้อสอบชุดหนึ่งจนเสร็จแล้ว แต่เสี่ยวฝูเอ๋อร์ก็ยังวนเวียนอยู่ในโจทย์คณิตข้อหนึ่งใหญ่อยู่เลย
“โจทย์บ้าอะไรเนี่ย” เหยียนเค่อมองกระดาษข้อสอบ ล้วนเป็นโจทย์ที่อาจารย์นำสองหัวข้อใหญ่ด้านหลังมาประกอบเข้าด้วยกัน
เสี่ยวฝูเอ๋อร์ยื่นกระดาษข้อสอบไปให้ ข้อที่เธอทำได้เธอก็ทำไปหมดแล้ว ส่วนความว่างเปล่าที่เหลือไว้นั้นเธอทำไม่เป็นจริงๆ
“จะให้ฉันสอนเหรอ”
เสี่ยวฝูเอ๋อร์พยักหน้าด้วยความจริงใจ
เหยียนเค่อรับข้อสอบมาดูปราดหนึ่ง รู้สึกว่าถึงตนสอนไปแล้วเขาก็คงไม่รับฟังอยู่ดี “ในเมื่อทำไม่เป็นงั้นก็ไปนอนเถอะ”
เสี่ยวฝูเอ๋อร์รู้ว่าผู้ชายอย่างเหยียนเค่อนั้นเป็นคนที่มีหลักการมาก ถ้าต่อรองกับเขาต้องจบไม่สวยแน่นอน จึงรับข้อสอบวิชาฟิสิกส์ของตนกลับคืนมา สูตรคำนวณและวิธีทำที่เขียนด้านบนนั้นดูเป็นระเบียบเรียบร้อยกว่าที่เธอเขียนเองเสียอีก เด็กเทพจริงๆ ด้วยสินะ ฉินซื่อหลานน่ะลืมสูตรพวกนี้ไปหมดแล้ว
“ขอบคุณนะคะพี่” อย่างน้อยการบ้านวิชาฟิสิกส์ก็เขียนเสร็จล่ะนะ…แค่นี้ก็พอใจแล้ว
เหยียนเค่อไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่เก็บของขึ้น “รีบไปพักเถอะ”
เหยียนเค่อเป็นคนที่มีหลักการมาก เขาคิดว่าถ้ามันไม่ถูกไม่ควร ก็ไม่มีใครมาบีบบังคับเขาได้ แต่การช่วยเสี่ยวฝูเอ๋อร์ทำการบ้านนั้นได้เลยขีดจำกัดของเหยียนเค่อไปแล้ว แต่สำหรับเหยียนเค่อนั้น
เสี่ยวฝูเอ๋อร์ก็เป็นแค่ ‘คนอื่น’ ดังนั้นเหยียนเค่อจึงไม่ได้พูดอะไรออกไปมากนัก
เสี่ยวฝูเอ๋อร์เองก็พอจะรู้นิสัยของเหยียนเค่อ พึมพำเสียงเบา “มีหลักการขนาดนี้ แฟนจะทนได้ยังไง”
เหยียนเค่อกำลังจะหยัดตัวลุกขึ้น เมื่อได้ยินคำพูดพึมพำของเธอก็เลิกคิ้วถาม “ว่าไงนะ”
“ชมว่าพี่เป็นคนมีหลักการน่ะ” เสี่ยวฝูเอ๋อร์ยิ้มประจบประแจง
เหยียนเค่อไม่ได้เปิดโปงเธอ เขายิ้ม “เก็บกวาดห้องเองแล้วกันนะ ฉันไปนอนก่อน”