ตอนที่ 353 โดดเดี่ยวเดียวดาย / ตอนที่ 354 หลุดพูดออกมา

เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก

ตอนที่ 353 โดดเดี่ยวเดียวดาย 

 

 

ฉินซื่อหลานอยู่เล่นจะวุ่นวายอลหม่านเป็นเพื่อนซย่าเสี่ยวมั่วที่โรงพยาบาล ส่วนเหยียนเค่อกลับกลายเป็นคนที่โดดเดี่ยวเดียวดายที่แท้จริง ตอนที่เสี่ยวฝูเอ๋อร์สะพายกระเป๋ามาหาก็ต้องรับหน้าที่เป็นคุณครูจำเป็นอีกด้วย 

 

 

“สวัสดีค่ะพี่เหยียน” 

 

 

ความจริงแล้ว เหยียนเค่อเกลียดการที่คนอื่นเรียกเขาว่า ‘พี่’ มากๆ แต่เขาจะมาถือสาเด็กน้อยคนหนึ่งไม่ได้ 

 

 

“อืม” 

 

 

“ฉันอยากกินน้ำผลไม้” เสี่ยวฝูเอ๋อร์ใช้ปากกาเคาะแก้ว น้ำสีขาวบริสุทธิ์ด้านในยังคงเต็มแก้วอยู่ 

 

 

เหยียนเค่อหันไปมองปราดหนึ่ง ก่อนจะอ่านหนังสือพิมพ์ต่อ “กินนมให้หมดก่อนค่อยกินแล้วกัน” ความจริงเขาคิดว่าการดื่มนมไม่เห็นจะมีประโยชน์อะไร แต่ในเมื่อฉินซื่อหลานสั่งมา เขาก็คงด่าฉินซื่อหลานลับหลังไม่ได้ 

 

 

“แต่ว่านมมันไม่อร่อยนี่คะ” ต่อให้เป็นเจ้าหญิงน้ำแข็งก็ยังมีสิ่งที่รับไม่ได้เหมือนกัน 

 

 

“ฉินซื่อหลานบอกว่าเธอกินทุกวันนี่” 

 

 

“นั่นก็เพราะว่าฉินซื่อหลานดูอยู่ไงคะ ฉันก็ไม่กล้าไม่กิน แต่ส่วนใหญ่ฉันจะเทนมใส่แจกันดอกไม้บนโต๊ะ” เสี่ยวฝูเอ๋อร์มองดูของเหลวในแก้วที่ขยับเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจออกมายาวเหยียด 

 

 

“แล้วแต่เธอ อย่าบอกฉินซื่อหลานก็พอ” 

 

 

“ฉันไม่หาเรื่องให้ตัวเองหรอกน่า” เสี่ยวฝูเอ๋อร์กระเด้งตัวจากโซฟา แล้ววิ่งไปหยิบน้ำผลไม้ในห้องครัว 

 

 

เด็กน้อยจริงๆ ถึงจะหน้าตาสวยแค่ไหนแต่ก็นิสัยเด็กอยู่ดี เหยียนเค่อส่ายหน้า ก่อนจะอ่านหนังสือพิมพ์ต่อ 

 

 

“พี่ พวกพี่ดูหนังสือพิมพ์กันทั้งวัน มีอะไรให้น่าดูเหรอ บางครั้งแค่สิบนาทีฉินซื่อหลานก็อ่านไปได้ตั้งงหลายหน้าแน่ะ” เสี่ยวฝูเอ๋อร์มองเหยียนเค่อที่ไม่ทันได้อ่านอย่างละเอียดนักก็พลิกไปอ่านหน้าต่อไปแล้ว จึงรู้สึกสงสัย 

 

 

เหยียนเค่ออธิบายให้เธอฟังคร่าวๆ “ประโยชน์ของข่าวก็คือเธอสามารถเข้าใจเนื้อหาทั้งหมดได้จากหัวข้อข่าว ถ้าเจอเนื้อหาที่สำคัญก็หยุดอ่านได้ ส่วนเรื่องที่เธอรู้อยู่แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องไปดูเนื้อหาพวกนั้น อีก” 

 

 

“อ๋อ” เวลาเสี่ยวฝูเอ๋อร์อยู่กับเหยียนเค่อแล้วเหมือนเด็กน้อย อาจจะเพราะว่าอยากแอ๊บเป็นผู้ใหญ่ต่อหน้าฉินซื่อหลานสักหน่อย ดังนั้นตอนอยู่กับฉินซื่อหลานแล้วจึงเอาแต่เงียบ 

 

 

“เขียนการบ้านเสร็จหรือยัง” เหยียนเค่อเห็นว่าเธอยังคงเดินวนเวียนอยู่ในห้องรับแขกจึงเงยหน้าขึ้นมาถาม 

 

 

เสี่ยวฝูเอ๋อร์ส่ายหัว “ไม่อยากเขียนค่ะ ไม่มีอารมณ์” 

 

 

เหยียนเค่อไม่บอกว่าถูกหรือผิด “ถ้าคิดว่าทำเป็นหมดก็ไม่ต้องเขียนหรอก ตอนนั้นฉินซื่อหลานจบมาด้วยคะแนนวิชาชีวะฯอันดับหนึ่งเชียวนะ” 

 

 

เสี่ยวฝูเอ๋อร์เบ้ปาก การกระตุ้นแบบนี้ได้ผลชะงัด เธอจำต้องวิ่งกลับไปเขียนการบ้าน 

 

 

“ฉินซื่อหลานบอกว่าเธอเก่งกว่าเขาอีก” 

 

 

“แต่ฉันจะไม่เรียนหมอ” ทุกคนมีความถนัดที่ไม่เหมือนกัน ก็แค่แสดงออกมาในส่วนที่สามารถเปรียบเทียบกับคนอื่นได้ก็เท่านั้น 

 

 

“เธอเก่งกว่าเขาก็พอแล้วล่ะ” เสี่ยวฝูเอ๋อร์เขียนการบ้านวิชาชีววิทยาต่อ เมื่อเขียนไปถึงความว่า ‘ซย่า’ จู่ๆ ก็เงยหน้าขึ้นจ้องเหยียนเค่อ 

 

 

เหยียนเค่อสังเกตได้ถึงสายตาของเธอที่มองมา จึงถามขึ้นอย่างไม่ใส่ใจนัก “อะไรอีกล่ะ ทำไม่ได้ตรงไหน” 

 

 

เมื่อก่อนตอนอยู่กับซย่าเสี่ยวมั่วทำไมไม่ยักรู้เลยนะว่าพวกผู้หญิงน่ารำคาญขนาดนี้ เหยียนเค่อถอนหายใจแล้วอ่านหนังสือพิมพ์ในมือต่อ 

 

 

เสี่ยวฝูเอ๋อร์ใช้หัวปากกาจิ้มลงบนคางของตนก่อนจะถามขึ้นอย่างจริงจัง “พี่ พี่ชอบพี่ซย่าใช่ไหม” 

 

 

“ซย่าเสี่ยวมั่วคบกับฉินซื่อหลานไม่ใช่เหรอ” เหยียนเค่อไม่ตกหลุมพรางง่ายๆ หรอก เขากระตุ้นกลับไป 

 

 

ทั้งสองคนต่างดูปฏิกิริยาของอีกฝ่าย แต่กลับไม่เห็นเบาะแสใดบนใบหน้าเลยแม้แต่น้อย 

 

 

“ฉันชอบพี่ซย่านะ เขาเป็นคนตรงๆ ดี” เสี่ยวฝูเอ๋อร์บอกเล่าความประทับใจแรกที่มีต่อซย่าเสี่ยวมั่วให้เหยียนเค่อฟัง 

 

 

“เหอะ” เหยียนเค่อหัวเราะเบาๆ “ลีลาเรื่องมากมากกว่าอีก” 

 

 

“เอ่อ…” เสี่ยวฝูเอ๋อร์ที่จู่ๆ ก็เหมือนโดนด่ารู้สึกหมดคำจะพูด 

 

 

“วันนี้เธอไปทายาให้เขาแล้วเหรอ” 

 

 

“ยังค่ะ” เสี่ยวฝูเอ๋อร์ส่ายหัว “พี่เขาบอกว่าให้ฉันไปโรงเรียนตั้งใจเรียน เขาทายาเองได้” เมื่อพูดจบก็รำพึงรำพัน “เป็นคนที่เข้าอกเข้าใจคนอื่นและคิดเผื่อคนอื่นจริงๆ เลยน้า” 

 

 

“เขาก็แค่เบื่อไม่มีอะไรทำมากกว่ามั้ง” 

 

 

เหยียนเค่อไม่ได้ตั้งใจจะว่าซย่าเสี่ยวมั่ว เพียงแต่คุ้นเคยกันเกินไป ซย่าเสี่ยวมั่วที่ได้ยินจากปากคนอื่นนั้นไม่ใช่คนเดียวกันกับที่เขารู้จักเลย 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 354 หลุดพูดออกมา 

 

 

เสี่ยวฝูเอ๋อร์ถอนหายใจยาวเหยียด “พี่ นี่พี่หลุดพูดออกมาหรือเปล่าเนี่ย ทำไมดูเข้าใจดีจัง” 

 

 

“ที่เข้าใจกันปกติแล้วไม่ใช่คนรักก็ศัตรูนี่แหละ” เหยียนเค่อพูดส่งๆ ออกมาอย่างจริงจัง 

 

 

คนนิสัยอย่างเหยียนเค่อ อย่าว่าแต่ไปทำความเข้าใจกับศัตรูเลย ศัตรูหน้าตาเป็นยังไงเขาอาจจะจำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ 

 

 

เสี่ยวฝูเอ๋อร์เอามือเท้าแก้มแล้วมองเขา “งั้นพวกพี่ก็เป็นศัตรูกันเหรอ” 

 

 

เหยียนเค่อพยักหน้า “ใช่” 

 

 

“จู่ๆ ฉันก็รู้สึกว่าพี่โคตรปัญญาอ่อนเลย” เสี่ยวฝูเอ๋อร์พูดสรุปเสร็จสรรพ ก่อนจะก้มหน้าทำการบ้านต่อ 

 

 

เหยียนเค่อที่โดนด่าว่าปัญญาอ่อนโดยไม่มีเหตุผลนั้นยอมรับไม่ได้ อยากจะถกเถียงด้วยเหตุผลกับเธอต่อ เมื่อเห็นท่าทางตั้งอกตั้งใจทำการบ้านของเธอแล้วก็หักดิบอดกลั้นเอาไว้ 

 

 

จะไปถือสาเอาความกับเด็กไม่รู้จักโตไม่ได้ เหยียนเค่อวางหนังสือพิมพ์ไว้อีกด้าน ยกแก้วนมขึ้นดื่ม 

 

 

เหยียนเค่อยังนั่งเหม่อลอยอยู่ เสี่ยวฝูเอ๋อร์มองโทรศัพท์บนโต๊ะที่สั่นไหว ก่อนจะมองเหยียนเค่อประคองแก้วอยู่ในมือด้วยสีหน้าที่หนักอึ้ง จึงเอ่ยเรียกสติ “พี่คะ โทรศัพท์พี่ดัง” 

 

 

เสี่ยวฝูเอ๋อร์เหลือบตาลงมองก็เห็นชื่อของฉินซื่อหลาน ใบหน้าปรากฏความตื่นเต้นอยากลอง 

 

 

“ฉินซื่อหลานน่ะค่ะ ฉันช่วยพี่รับสายได้ไหม” 

 

 

“โลภมาก” เหยียนเค่อหงุดหงิดใส่เด็กสาวไม่ลง ยื่นโทรศัพท์ตรงหน้าของตนไปให้ ก่อนจะนั่งเอนพิงโซฟาฟังเขารับโทรศัพท์แทนตัวเอง 

 

 

[ฉันจะบอกให้นะ หลี่หมิงฉวียังไม่ตัดใจจากซย่าเสี่ยวมั่วเลย…] เมื่อรับสายฉินซื่อหลานก็โพล่งขึ้นมาทันที ไม่ใช่การทักทายแบบที่เสี่ยวฝูเอ๋อร์คาดไว้ 

 

 

“ฉินซื่อหลาน” เธอขัดจังหวะเขาที่กำลังจะพูดต่อ 

 

 

[เอ๊ะ? เสี่ยวฝูเอ๋อร์?] ฉินซื่อหลานได้ยินเสียงของเธอแล้วก็ประหลาดใจ ลดโทรศัพท์ออกมาดู เขาก็ไม่ได้โทรผิดนี่นา 

 

 

“พี่อย่ารีบร้อนที่จะพูดนักได้ไหม ไม่มีแม้แต่จะเกริ่นนำเลย” 

 

 

[ถ้าฉันมีเวลามาเกริ่นนำล่ะก็ เหยียนเค่อคงวางสายไปนานแล้วล่ะ ผู้ชายคนนั้นไม่เคยเป็นฝ่ายพูดก่อนหรอกรู้หรือเปล่า] ฉินซื่อหลานนึกว่าเหยียนเค่อออกไปข้างนอกเสี่ยวฝูเอ๋อร์เลยมารับโทรศัพท์แทน จึงนินทาเหยียนเค่อได้อย่างไร้ซึ่งความกังวล “เขาไม่มาพูดทักทายตามมารยาทกับเธอหรอก พอพูดมากหน่อยเขาก็จะวางหู” 

 

 

เหยียนเค่อได้ยินแล้วก็หัวเราะ เสี่ยวฝูเอ๋อร์อดรู้สึกขนลุกไม่ได้ แอบจุดเทียนไว้อาลัยให้ฉินซื่อหลาน 

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วได้ยินเสียงคุยโทรศัพท์จากด้านนอกก็แอบพลิกตัวลงจากเตียง ขาเผลอไปชนเข้ากับวีลแชร์โดยไม่ทันระวัง เจ็บจนเกือบจะแหกปากร้องออกมา 

 

 

“เธอทำอะไรอีกเนี่ย” ฉินซื่อหลานยืนอยู่แค่หน้าประตูห้องผู้ป่วย เมื่อได้ยินเสียงจึงเปิดประตูไปดูทันที ก็พบว่าคนบนเตียงนั้นหายไปแล้ว 

 

 

[ซย่าเสี่ยวมั่ว!] เขากวาดตาไปรอบๆ ขนาดวีลแชร์ยังไม่ได้นั่ง แต่คนนั้นหายไปแล้ว คงไม่ได้กระโดดตึกลงไปแล้วหรอกนะ 

 

 

“มีอะไรเหรอคะ” เสี่ยวฝูเอ๋อร์ได้ยินเขาตะโกนเรียกซย่าเสี่ยวมั่ว ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ 

 

 

[ไม่มีอะไรหรอก] ฉินซื่อหลานมองไปรอบๆ อีกครั้ง 

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วที่นั่งปลดทุกข์อยู่ในห้องน้ำได้ยินเสียงฉินซื่อหลานก็อยากจะร้องไห้ ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้ครอบครองโอกาสนี้สักครั้ง แต่ก็ยังต้องมีคนมาล่วงรู้จนได้ 

 

 

ฉินซื่อหลานเดินวนรอบห้องหนึ่งรอบจึงนึกขึ้นได้ว่ามีห้องน้ำอยู่ ลองบิดลูกบิดประตูแต่ประตูล็อก 

 

 

“นี่ เปิดประตู!” 

 

 

เสี่ยวฝูเอ๋อร์ที่อยู่ปลายสายชะงักไป “หืม? เปิดประตูไหนคะ” 

 

 

[ไม่มีอะไรหรอก ไม่ได้พูดกับเธอน่ะ] 

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วกุมหน้า อยากจะแกล้งตายอยู่ในนั้น 

 

 

“ถ้าเธอไม่เปิดประตูฉันจะพังเข้าไปนะ!” ฉินซื่อหลานขู่ กลัวว่าเธอจะเป็นอะไรไป 

 

 

“ฉันเข้าห้องน้ำอยู่โว้ย!” ซย่าเสี่ยวมั่วตะโกนเสียงดัง “ไสหัวไป๊!” 

 

 

ฉินซื่อหลานคลำจมูกป้อยๆ อย่างขัดเขิน เขาไม่ได้ตั้งใจสักหน่อยนี่ ทำไมต้องรุนแรงด้วยอ่า 

 

 

เหยียนเค่อได้ยินเสียงของซย่าเสี่ยวมั่วที่พูดคำว่า ‘ไสหัวไป’ ออกมาอย่างเต็มพลัง เขาเลิกคิ้วแล้วยื่นมือไปหาเสี่ยวฝูเอ๋อร์ เป็นเชิงให้เธอคืนโทรศัพท์ให้เขา