บทที่ 725 : หลิงห่าวเข้าใกล้หายนะ!
ในเวลานั้น..ทั้งหลิงลี่และเหล่ากุ่ยต่างก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ากันเรียบร้อยแล้ว
เมื่อหลิงหยุนเข้าไปทั้งสามคนต่างก็นั่งปรึกษาหารือกัน แม้ว่าสีหน้าของหลิงลี่กับเหล่ากุ่ยจะมีร่องรอยของความโศกเศร้าอยู่บ้าง แต่ก็ไม่สามารถปกปิดความสุขที่ซ่อนอยู่ในใจได้
ความทุกข์ความเสียใจของคนทั้งคู่เกิดจากการที่นักรบตระกูลหลิงผู้ภักดีเจ็ดสิบกว่าคนต้องถูกสังหารตายไปในคราวเดียว!
ส่วนความสุขนั้นแน่นอนว่าก็คือการที่หลิงหยุนได้กลับเข้าสู่ตระกูลหลิงอีกทั้งยังสามารถเอาชนะศัตรู และช่วยให้ตระกูลหลิงรอดพ้นจากหายนะครั้งใหญ่ได้อีกด้วย
ในเมื่อความสูญเสียและได้มาเกิดขึ้นพร้อมๆกันจึงมีทั้งความเจ็บปวดและความสุข ทั้งหลิงลี่กับเหล่ากุ่ยซึ่งนั่งเผชิญหน้ากันอยู่นั้น ดวงตาของพวกเขาต่างก็มีน้ำตาเอ่อขึ้นมา และพยายามกัดฟันกดข่มความโศกเศร้าไว้
และแน่นอนว่า..หัวข้อที่ทั้งสองคนพูดคุยกันนั้น ล้วนเป็นเรื่องเกี่ยวกับหลิงหยุนทั้งสิ้น
“ท่านปู่!”หลิงหยุนเดินเข้ามาคุกเข่าคำนับหลิงลี่อีกครั้ง..
หลิงลี่กระโดดไปยืนอยู่ตรงหน้าหลิงหยุนและรีบเอื้อมมือไปจับไหล่ทั้งสองข้างของหลิงหยุนให้ลุกขึ้น ดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยความสุขของเขานั้นจ้องมองหลิงหยุนพร้อมกับรำพึงรำพันออกมา
“เจ้าช่างเหมือนกับลูกสามตอนหนุ่มๆนักเหมือนราวกับฝาแฝด!”
เหล่ากุ่ยยิ้มพร้อมกับพยักหน้าเห็นด้วยแล้วจึงเล่าให้หลิงหยุนฟังว่าหลิงลี่นั้นพกรูปถ่ายของหลิงหยุนติดตัวไว้ตลอด และจะนำออกมาดูทุกวัน แต่ตอนนี้ไม่ต้องนั่งดูรูปถ่ายอีกแล้ว!
หลิงลี่ยกมือขึ้นตบบ่าหลิงหยุนพร้อมกับหัวเราะเสียงดังแล้วหันไปพูดกับเหล่ากุ่ยว่า
“เหล่ากุ่ย..เจ้าก็รู้นี่ว่าหลานรักของข้าคนนี้เป็นลูกชายของเจ้าสาม! ตระกูลหลิงของเราปล่อยให้เขาต้องทนทุกข์อยู่ข้างนอกมาถึงสิบแปดปี ยากนักที่ข้าจะทำใจยอมรับได้!”
แล้วหลิงลี่ก็หัวเราะออกมาอย่างมีความสุขเขาเงยหน้าขึ้นมองเพดานบ้าน และปล่อยให้น้ำตาพยัคฆ์อย่างเขาต้องไหลหลั่งออกมาอีกครั้ง
เหล่ากุ่ยรู้ดีว่านั่นคือน้ำตาแห่งความปิติยินดีของหลิงลี่เขารีบลุกขึ้นและเดินตามเข้าไป
“นายท่าน..นายน้อยก็กลับเข้าตระกูลหลิงแล้ว ท่านก็อย่าได้ตื่นเต้นดีใจจนมากไปนัก! ระมัดระวังสุขภาพด้วย..”
หลิงลี่ปล่อยให้น้ำตาไหลพรากอยู่ครู่หนึ่งจึงยกมือขึ้นปาดน้ำตาบนใบหน้าออก เขาหันไปมองหลิงหยุนพร้อมกับถอนหายใจและพูดขึ้นว่า
“หลิงหยุน..พวกเราไร้ความสามารถ ไม่อาจปกป้องตระกูลหลิงในครั้งนั้นได้ และไม่อาจปกป้องคุ้มครองเจ้าได้ จึงต้องปล่อยให้เจ้าต้องไปร่อนเร่อยู่ข้างนอกตั้งแต่เกิด ตลอดสิบแปดปีมานี้เจ้าคงจะลำบากมาก ปู่ต้องขอโทษเจ้าด้วย! อย่าได้ตำหนิตระกูลหลิง หรือแม้แต่พ่อแม่ของเจ้าเลย..”
“หลานรักของปู่..พ่อแม่เปรียบเสมือนบุคคลสูงส่งที่สุดในโลก พวกเขาเป็นผู้มอบร่างกายนี้ให้แก่เจ้า และรักเจ้าอย่างสุดหัวใจ อย่าได้โกรธเกลียดพวกเขาทั้งคู่เลย เจ้าเข้าใจหรือไม่”
หลิงลี่พูดประโยคเหล่านั้นด้วยความรู้สึกเจ็บปวดดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความกังวล และกลัวว่าหลิงหยุนจะไม่เข้าใจ..
หลิงหยุนพยักหน้าและตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ท่านปู่.. เรื่องทั้งหมดนั้นเหล่ากุ่ยได้เล่าให้ข้าฟังหมดแล้ว ข้าเข้าใจความยากลำบากของท่านพ่อท่านแม่ดี ข้าไม่เคยนึกตำหนิพวกท่านเลยแม้แต่น้อย ท่านปู่อย่าได้กังวลใจไป!”
หลิงลี่ได้ฟังก็พยักหน้างหงึกๆเขาลูบไล้บ่าของหลิงหยุนทั้งสองข้าง และตอบกลับมาด้วยรอยยิ้ม
“เจ้าช่างเป็นเด็กดีนัก!เห็นเจ้ามีเหตุมีผลเช่นนี้ ปู่ก็โล่งใจ!”
“นั่งก่อน..ดื่มน้ำดื่มท่าก่อน..”
เมื่อทั้งสามคนนั่งลง..หลิงหยุนก็เปิดจิตหยั่งรู้ออกสำรวจ เขาพบว่าหลิงเจิ้นและหลิงเย่วที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วนั้น กำลังเดินเข้ามาภายในส่วนเล็กๆแห่งนี้
“ผู้นำตระกูล..เจ้ากับลูกสองเข้ามาได้!” หลิงลี่ร้องสั่งให้ทั้งคู่เข้ามาด้านในได้
หลิงเจิ้นและหลิงเย่วนั้นเมื่อเข้ามาถึงในบ้านก็เริ่มรู้สึกร้อนๆหนาวๆ
หลังจากที่ทุกคนนั่งลงพร้อมหน้าแล้วสีหน้าของหลิงลี่ก็เปลี่ยนเป็นนิ่งเฉย ใบหน้าของเขาบ่งบอกถึงความมีอำนาจ หลิงลี่จ้องหน้าหลิงเจิ้นอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงพูดขึ้นว่า
“ผู้นำตระกูล..หลิงห่าวยังไม่กลับมาอีกรึ!”
เพียงแค่ประโยคแรกที่ออกจากปากของหลิงลี่ก็ทำให้หลิงเจิ้นถึงกับนิ่งอึ้งไปทันที..
หลิงเจิ้นรับรู้ได้ถึงน้ำเสียงที่เย็นชาจึงรีบตอบกลับไปทันที “ท่านพ่อ.. โทรศัพท์มือถือของเขาติดต่อไม่ได้ ข้าเองก็ได้ส่งคนออกไปตามแล้ว คาดว่าคงอีกไม่นาน..”
ยังไม่ทันที่หลิงเจิ้นจะพูดจบหลิงลี่ก็ร้องตะโกนสวนกลับมาทันที “หลิงห่าวมันรู้จักแต่ออกไปเที่ยวข้างนอกกับเพื่อน ตระกูลหลิงเกิดเรื่องใหญ่โตถึงเพียงนี้ ข้ายังไม่เห็นแม้แต่เงาของมัน! อายุก็ไม่น้อย.. ยี่สิบแปดแล้ว แต่ยังไม่สามารถเข้าสู่ขั้นเซียงเทียนได้เสียที เวลานี้แม้แต่หลิงซิ่วก็เหลืออีกเพียงแค่ครึ่งระดับก็จะเข้าสู่ขั้นเซียงเทียนแล้ว!”
“มันเป็นหลานชายคนโตของตระกูลหลิงแต่กลับไม่รู้ว่าควรจะประพฤติตัวอย่างไร”
แม้ว่าสีหน้าของหลิงลี่จะเรียบเฉยแต่คำพูดนั้นกลับรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
“ท่านพ่อ..ไว้หลิงห่าวกลับมา ลูกจะอบรบสั่งสอนเขา!” หลิงเจิ้นถึงกับเหงื่อตก และรีบยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อที่หน้าผาก
ผู้นำตระกูลหลิงคนเก่ากับคนใหม่กำลังพูดคุยกันหลิงหยุน หลิงเย่ว และเหล่ากุ่ย ต่างก็ไม่มีใครกล้าพูดแทรก โดยเฉพาะหลิงหยุน!
เมื่อครั้งที่หลิงหยุนได้เห็นรูปถ่ายของหลิงห่าวนั้นเขาเองก็เกิดความรู้สึกรังเกียจ และประสาทสัมผัสที่หกของเขาก็สัมผัสได้ว่า.. หลิงห่าวนั้นไม่ใช่คนดีนัก!
หลิงหยุนยังคิดว่าหากคืนนี้เขาได้พบกับหลิงห่าวแล้วล่ะก็..ตระกูลหลิงคงต้องมีเรื่องสนุกๆเกิดขึ้นแน่ และไม่แน่ว่าเจ้าเด็กนั่นอาจจะวิ่งหนีไปก็ได้เมื่อพบว่าตระกูลหลิงตกอยู่ในอันตรายเช่นนี้..
“หากมันเลือกที่จะทำตัวแบบนั้นก็คงไม่มีใครบังคับมันได้หรอก..” หลิงลี่ร้องบอกด้วยความรู้สึกผิดหวัง เขาเหลือบมองเหล่ากุ่ยเล็กน้อยก่อนจะหันไปพูดกับหลิงเจิ้นต่อ
“ได้ข่าวว่าเดี๋ยวนี้หลิงห่าวสนิทสนมกลับเฉินเซินมากงั้นรึ!”
หลิงเจิ้นได้ยินถึงกับเหงื่อตกแล้วรีบตอบกลับไปว่า “ท่านพ่อ.. เรื่องนี้ข้าเองก็ไม่มั่นใจ ไว้หลิงห่าวกลับมา ข้าจะคาดคั้นเอาความจริงจากเขา หากพบว่าเป็นความจริง ข้าจะไม่ให้อภัยแน่!”
หลิงเจิ้นนั้นรู้ว่าหลิงห่าวได้แอบส่งคนไปลอบฆ่าหลิงหยุนและเรื่องนี้เขาเองก็ได้สอบสวนหลิงห่าวมาแล้ว คนที่หลิงห่าวมอบหมายให้ไปทำงานชิ้นนี้ก็คือเฉินเซินนั่นเอง และเมื่อหลิงลี่เอ่ยปากพูดชื่อเฉินเซินขึ้นมา หลิงเจิ้นก็ถึงกับขนหัวลุก!
ชายชรานั้นอาจจะยังไม่รู้ว่าหลิงห่าวได้ส่งคนไปลอบฆ่าหลิงหยุนและอาจจะพูดถึงเฉินเซินขึ้นมาด้วยความบังเอิญก็เป็นได้ เพราะเวลานี้ตระกูลเฉินได้กลายเป็นศัตรูของตระกูลหลิงไปแล้ว และตระกูลหลิงเองก็ไม่ควรที่จะอยู่ร่วมฟ้าเดียวกันกับศัตรู!
และการที่หลิงห่าวไปสนิทสนมกับเฉินเซินเช่นนี้ไม่เท่ากับเอาชีวิตไปทิ้งอย่างนั้นหรือ!
เวลานี้หลิงห่าวเองก็ปิดโทรศัพท์มือถือและไม่สามารถติดต่อได้ หากหลิงเจิ้นต้องการจะช่วยลูกชายของตนเอง ก็คงไร้หนทางเช่นกัน!
เวลานี้..หลิงเจิ้นได้ฟังน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความผิดหวังของชายชรา เขาจึงรู้ได้ทันทีว่าตำแหน่งผู้นำตระกูลหลิงคนต่อไปนั้น ไม่มีทางที่จะตกเป็นของหลิงห่าวไปได้ แต่จะต้องตกเป็นของหลิงหยุนซึ่งนั่งอยู่ที่นี่เวลานี้!
“เจ้านั่งลงก่อน..ไว้หลิงห่าวกลับมา เจ้าก็สั่งให้เขามาพบข้าก่อน!”
ฟังจากน้ำเสียงที่หลิงลี่พูดถึงหลิงห่าวในเวลานี้ทุกคนต่างก็รู้ได้ทันทีว่าหลิงลี่นั้นผิดหวังกับหลิงห่าวมากเพียงใด
เวลานี้หลิงซวี่กำลังทำงานให้กับกลุ่มอินทรีย์การที่นางไม่อยู่ในคืนนี้จึงเป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้ แต่หลิงห่าวซึ่งเป็นพี่ชายคนโต และหลานชายคนแรกของตระกูล แต่กลับไม่อยู่ในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้! ต่อให้หลิงห่าวบอกว่าไม่ทราบข่าว ก็ยากที่จะทำให้ทุกคนหายผิดหวังในตัวเขาได้!
“หลิงหยุน..เจ้าคิดจะจัดการกับหัวหน้านินจาทั้งสองคนกับเฉินไห่คุนอย่างไร”
หลังจากจบเรื่องของหลิงห่าวแล้วหลิงลี่ก็หันไปทางหลิงหยุนด้วยแววตาชื่นชม พร้อมกับถามถึงวิธีจัดการกับสามคนที่อยู่ในคุกใต้ดิน
หลิงเจิ้นเหงื่อตกเป็นสายหลิงเย่วเองก็ได้แต่คิดว่าหลิงหยุนกับหลิงห่าวนั้นช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน!
หลิงหยุนกระวนกระวายใจกับเรื่องนี้มากเขาลุกขึ้นพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ท่านปู่.. ข้ามีเรื่องต้องซักถามพวกมัน และหลังจากข้าซักถามจนได้ความแล้ว ก็แล้วแต่ท่านปู่จะจัดการเช่นใด”
หลิงลี่พยักหน้าพร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงรักใคร่“เยี่ยม! ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็รีบไปจัดการ ข้าดูจากอาการของเฉินไห่คุนแล้ว มันได้รับบาดเจ็บสาหัสมาก และไม่น่าจะมีชีวิตอยู่ได้อีกนานนัก!”
“ครับท่านปู่!”
“เหล่ากุ่ย..เจ้าไปพร้อมกับหลิงหยุน!”
หลิงลี่รู้ว่าหลิงหยุนนั้นยังไม่คุ้นเคยกับเส้นทางภายในบ้านตระกูลหลิงจึงเกรงว่าเขาจะเดินไปที่คุกใต้ดินไม่ถูก
แต่หลิงลี่หารู้ไม่ว่าเมื่อหลิงหยุนมาถึง เขาก็ได้ใช้จิตหยั่งรู้สำรวจดูภายในบ้านตระกูลหลิงแล้ว อย่าว่าแต่คุกใต้ดินเลย แม้แต่ทั้งสามคนที่อยู่ในคุกใต้ดินนั้น พวกมันสามคนกำลังทำอะไรอยู่หลิงหยุนล้วนเห็นได้อย่างชัดเจน
เหล่ากุ่ยเองก็รู้ดีว่าหลิงลี่มีเรื่องต้องคุยกับหลิงเจิ้นและหลิงเย่วตามลำพังเขาจึงรีบลุกขึ้น และเดินตามหลิงหยุนออกไปทันที
เหล่ากุ่ยเดินตามหลังหลิงหยุนไปได้ไม่นานก็ได้ยินเสียงของหลิงหยุนดังอยู่ข้างหู “เหล่ากุ่ย.. เรื่องของหลิงห่าวท่านบอกกับท่านปู่แล้วหรือยัง”
เหล่ากุ่ยพยักหน้าพร้อมกับตอบยิ้มๆ“นายน้อย.. ทันทีที่กลับมาถึง ข้าก็รายงานเรื่องนี้ให้นายผู้เฒ่าทราบทันที แล้วนายผู้เฒ่าก็โกรธมากด้วย..”
เรื่องที่หลิงหยุนกลับเข้าบ้านตระกูลหลิงนั้นนับว่าเป็นความลับสุดยอดที่ตระกูลหลิงต้องการปกปิด! แต่หลิงห่าวซึ่งเป็นหลานชายคนโตของตระกูลกลับนำไปเปิดเผยให้กับคนตระกูลเฉินทราบ คนทรยศเช่นนี้.. มีหรือที่หลิงลี่จะไม่โกรธ!
อีกทั้งการที่ตระกูลเฉินเป็นฝ่ายบุกโจมตีตระกูลหลิงก่อนในคืนนี้ทุกคนในตระกูลหลิงล้วนแล้วแต่เกลียดชังและโกรธแค้นคนตระกูลเฉิน จึงแทบไม่ต้องพูดถึงว่าหลิงลี่นั้นจะโมโหโทโสและรู้สึกผิดหวังในตัวหลิงห่าวมากเพียงใด!
หลิงหยุนไม่พูดถึงเรื่องของหลิงห่าวอีกเพราะในสายตาของเขานั้น หลิงห่าวอ่อนแอไม่ต่างจากมดหนู หลิงหยุนจึงไม่อยากจะใส่ใจ
ระหว่างทางที่เดินไปยังคุกใต้ดินนั้นหลิงหยุนก็สอดส่ายสายตาสำรวจไปตามพื้นที่ว่างเปล่าไร้ผู้คนภายในสวนขนาดใหญ่ของบ้านตระกูลหลิง พร้อมกับส่ายหน้าไปมา และรำพึงรำพันว่า
“เฮ้อ..การป้องกันภายในบ้านตระกูลหลิงช่างอ่อนด้อยนัก!”
แทบไม่ต้องพูดถึงนักรบตระกูลหลิงทั้งสามสิบหกคนต่อให้รวมนักรบที่ตายไปด้วยเมื่อเทียบกับสวนที่ใหญ่โตในบ้านตระกูลหลิง กำลังพลเพียงแค่นั้นนับว่าน้อยนิดมาก
หลิงหยุนได้แต่คิดวางแผนอยู่ในใจเงียบๆเขาจำเป็นต้องทำให้บ้านตระกูลหลิงมีระบบป้องกันความปลอดภัยที่แข็งแกร่งโดยเร็วที่สุด หากตระกูลหลิงถูกโจมตีอีกครั้ง เขาจะต้องมั่นใจว่าศัตรูที่บุกเข้ามานั้นต้องตายสถานเดียว และจะไม่มีโอกาสรอดชีวิตออกไปได้แม้แต่คนเดียว!
ทันทีที่เหล่ากุ่ยกับหลิงหยุนเดินมาถึงสวนชั้นที่แปดทั้งคู่ก็เดินตรงเข้าไปยังห้องลับ และเหล่ากุ่ยก็จัดการเปิดกลไกบางอย่างที่ซ่อนอยู่มุมห้อง
ด้านหลังประตูลับก็คืออุโมงค์ที่ทอดยาวลงไปคล้ายๆกับทางเดินในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน ทั้งคู่เดินตรงเข้าไปยังตามทางที่มุ่งหน้าสู่คุกใต้ดินของตระกูลหลิง
และดูเหมือนว่าการมีคุกใต้ดินนั้นจะเป็นเรื่องที่ตระกูลใหญ่ต่างๆล้วนก็มีเช่นกัน..
“นายน้อย..พวกมันอยู่ข้างล่าง”
หลิงหยุนพยักหน้าและสั่งให้เหล่ากุ่ยคอยอยู่ด้านนอก ส่วนตัวเขาค่อยๆเดินตรงเข้าไปยังคุกใต้ดินตระกูลหลิง!