บทที่ 724 : พี่หลิงซิ่ว!
ชายหนุ่มตระกูลหลิงนั้นนับว่ารูปร่างหน้าตาไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่เลยหลิงเฟิงเองก็มีคิ้วที่ตรงหนา ดวงตาเล็กหรี่ รูปร่างผอมบางนั้นสูงถึงหนึ่งร้อยแปดสิบห้าเซ็นติเมตร ลำแขนยาวแข็งแรง นิ้วมือก็เรียวยาวสวยงาม
หลิงหยุนมองหลิงเฟิงถือกระบี่ในมือเดินเข้าไปด้วยท่าทางน่าเกรงขามจึงได้แต่คิดในใจว่า แม้แต่ตู้กู่โม่เมื่อครั้งที่อยู่ในระดับสูงสุดขั้นโฮ่วเทียน-8 ก็ยังดูไม่สง่างามน่าเกรงขามเช่นหลิงเฟิง
“พี่สี่ดูท่าจะชื่นชอบการใช้กระบี่มากเลยทีเดียว!”
หลิงหยุนเห็นท่าทางของหลิงเฟิงที่เปลี่ยนเป็นทันทีหลังจากได้จับกระบี่จึงร้องถามออกไปยิ้มๆ
หลิงเฟิงยิ้มพร้อมตอบกลับไปอย่างภูมิอกภูมิใจ“เป้าหมายของข้าคือการเป็นสุดยอดกระบี่มือหนึ่ง..”
“เยี่ยมมาก!”
หลิงหยุนถึงกับหัวเราะออกมาอย่างดีอกดีใจเพราะในที่สุดเพลงกระบี่ที่ล้ำเลิศของเขาก็จะมีคนสืบทอดแล้ว หลิงหยุนไม่ได้มีเพียงแค่กระบี่ล่องหน และกระบี่นวสังหารเท่านั้น แต่ยังมีเพลงกระบี่อีกมากมายที่เรียนไม่จบไม่สิ้นกันเลยทีเดียว
“ถ้าเช่นนั้นก็จงใช้เพลงกระบี่ที่เจ้าคิดว่าแข็งแกร่งที่สุดจัดการกับพวกมัน!”หลิงหยุนร้องบอก
หลิงเฟิงพยักหน้าจากนั้นก็จัดการใช้ทักษะด้านกระบี่ของตนเองทิ่มแทงเข้าใส่ร่างของนินจากที่นั่งกองอยู่บนพื้นอย่างรวดเร็วโดยแทบไม่ต้องหันไปมองด้วยซ้ำไป
ฉึก!
เพียงแค่หลิงเฟิงขยับข้อมือกระบี่ในมือของเขาก็ไม่ต่างจากงูที่ฉกเข้าลำคอของนินจาได้อย่างแม่นยำจนแน่นิ่ง และร่วงลงไปกองกับพื้นในที่สุด กระบี่ที่แทงลงไปนั้นแม้จะไม่ได้รวดเร็วมาก แต่ก็หนักแน่นและแม่นยำ
เวลานี้นินจาที่ถูกหลิงเฟิงแทงเข้าที่ลำคอนั้นแม้จะมีเลือดไหลออกมาเพียงเล็กน้อย แต่ก็ขาดใจตายไปในทันที
หลิงหยุนเฝ้ามองความเด็ดเดี่ยวของหลิงเฟิงด้วยความพึงพอใจหลิงเฟิงไม่เพียงเป็นชายหนุ่มที่มีรูปร่างหน้าตาดี แต่ยังสามารถใช้กระบี่ได้อย่างช่ำชอง และแม่นยำ แสดงให้เห็นว่าเขาเข้าใจการใช้กระบี่ได้เป็นอย่างดี
ในเวลาที่หลิงเฟิงไม่ถือกระบี่ในมือนั้นเขาก็ดูเป็นเพียงชายหนุ่มรูปงามธรรมดา แต่หลังจากที่ลงมือสังหารไปแล้ว สีหน้าท่าทางของเขาก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นมาทันที กระบี่ในมือของหลิงเฟิงได้กลายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับร่างกาย เขายกดาบในมือขึ้นขนานกับลำตัว แล้วหันไปถามหลิงหยุนว่า
“เป็นอย่างไรบ้างน้องห้า”
หลิงหยุนกรอกตาพร้อมกับตอบไปว่า“ยังไม่ดีเท่าไหร่นัก! ยังช้าไปมาก..”
“เอ่อ..”
หลิงเฟิงได้แต่อึ้งไปและรู้สึกท้อใจที่ถูกหลิงหยุนตำหนิตรงๆเช่นนั้น
“เจ้าดูข้า..”หลิงหย่งที่ยืนอยู่ด้านหลังไม่ไกลนักร้องตะโกนบอก..
เสียงชัวะชัวะ ชัวะ.. ดังขึ้นอย่างรวดเร็ว! และหลิงหย่งก็ได้สังหารนินจาไปถึงสามคนภายในเวลาอันรวดเร็ว ท่าทางของเขานั้นดุดันโหดเหี้ยมไม่น้อยเลยทีเดียว
ในบรรดาทั้งสามพี่น้องนั้นหลิงหย่งคือผู้ที่ทำการสังหารศัตรูได้ยอดเยี่ยมที่สุด เขาสามารถลงมือฆ่าคนได้โดยแทบไม่ต้องกระพริบตา
แต่หลิงหยุนกลับส่ายหน้าไม่พูดอะไรและรีบกระโดดเข้าไปพร้อมกับใช้นิ้วชี้กับนิ้วนางหนีบปลายกระบี่ของหลิงหย่งไว้ทันที
“ทำไมรึ!”หลิงหย่งร้องถามหลิงหยุนด้วยความงุนงงเมื่อถูกห้าม
หลิงหยุนตอบกลับไปว่า“พี่สอง.. พวกเราสังหารเหล่านินจาก็เพื่อระบายความแค้น อีกอย่างพวกมันเองก็ไม่มีอาวุธ และหมดความสามารถในการตอบโต้แล้ว ที่เหลือ.. ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเหล่านักรบตระกูลหลิงบ้าง!”
พูดจบหลิงหยุนก็หันกลับไปมองนักรบตระกูลหลิงที่ยืนอยู่ด้านหลังสายตาทุกคู่ต่างก็เต็มไปด้วยไฟแค้น และแทบจะรอคอยเวลาไม่ได้
เจ็ดสิบกว่าชีวิตซึ่งเคยเป็นพี่น้องต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันมาต่างก็ต้องตายภายใต้คมดาบของนินจาเหล่านี้ มีหรือที่พวกเขาจะไม่ต้องการล้างแค้นคืนให้กับพี่น้องทุกคน
“ฆ่ามัน..อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว!”
หลิงหยุนร้องสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชาและพี่น้องตระกูลหลิงทั้งสามคนก็ถอยกลับออกมา พวกเขาได้มอบนินจาที่เหลือให้กับนักรบตระกูลหลิงทั้งสามสิบหกคนเป็นผู้สังหารแทน
“พวกเรา..ฆ่ามันให้หมด!”
นักรบตระกูลหลิงต่างก็ร้องตะโกนออกมาพร้อมกับเงื้อกระบี่ในมือของตนเองฟาดฟันใส่ร่างของเหล่านินจาราวกับพวกมันเป็นเพียงก้อนเนื้อก้อนหนึ่ง!
แม้กระทั่งร่างไร้วิญญาณของเหล่านินจาที่เพิ่งถูกหลิงหย่งหลิงเฟิง และหลิงเลี่วยสังหารไปแล้วนั้น ก็ถูกฟันจนแทบไม่เหลือสภาพที่จะสามารถบอกได้ว่าใครเป็นใครอีก!
หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจชำระหนี้แค้นแล้วหลิงหยุนก็เดินตรงเข้าไป และจัดการโรยผงละลายศพลงบนร่างไร้วิญญาณ แล้วสั่งนักรบตระกูลหลิงว่า
“หลังจากที่ศพทั้งหมดละลายเป็นน้ำสีเหลืองแล้วพวกเจ้าก็จัดการใช้น้ำล้างทำความสะอาดเสีย เข้าใจหรือไม่”
“ขอรับนายน้อยห้า!”
และในเวลานั้น..ภาพหลิงหยุนที่ทั้งโหดเหี้ยม ดุดัน ได้ตราตรึงเข้าไปในใจของนักรบตระกูลหลิงทั้งสามสิบหกคนแล้ว ในสายตาของพวกเขา หลิงหยุนไม่ต่างจากเทพแห่งปีศาจไปแล้ว!
“พวกเจ้าสามคนไปอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายได้แล้วส่วนข้าจะไปพบท่านปู่..”
ตามร่างกายของหลิงหย่งหลิงเฟิง และหลิงเลี่วยนั้น ต่างก็เปื้อนไปด้วยคราบเลือด และมีกลิ่นคาวเลือดติดตามตัวอยู่เต็มไปหมด อีกทั้งยังมีเหงื่อเหนียวเหนะอหนะสร้างความไม่สบายเนื้อสบายตัวให้กับพวกเขาอย่างมาก แทบไม่ต้องรอให้หลิงหยุนบอก ทั้งสามคนก็แทบอยากจะวิ่งเข้าไปอาบน้ำในบ้านแล้ว
หลิงหยุนหันหลังเดินกลับไปที่กลางสวนและเรียกเหล่าแวมไพร์ทั้งสี่ตนให้มาหา และสำรวจดูตามร่างกายของพวกมัน
เพียร์ซจอยซ์ เจสเตอร์ และพอล..
หลังจากผ่านไประยะหนึ่งบาดแผลของเจสเตอร์กับพอลก็ค่อยๆฟื้นตัว และปีกของพอลก็กลับมาอยู่ในสภาพเดิมราวกับไม่เคยได้รับบาดเจ็บมาก่อน
ลูกนัยน์ตาสีม่วงนั้นบ่งบอกว่าพวกมันได้กลายเป็นแวมไพร์เชื้อสายลอร์ดตราบใดที่ไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นถูกตัดศรีษะ หรือถูกแทงที่หัวใจ อาการบาดเจ็บอื่นๆ ก็เป็นเพียงแค่เรื่องเล็กๆน้อยๆสำหรับพวกมันเท่านั้น
หลิงหยุนถอนหายใจช้าๆก่อนจะพูดออกมาในที่สุด “พวกเจ้าจงฟัง! นี่คือตระกูลหลิงของข้า.. นับแต่นี้เป็นต้นไป พวกเจ้าทั้งสี่มีหน้าที่ปกป้องคนตระกูลหลิงอย่างสุดความสามารถแม้จะไม่มีคำสั่งจากข้าก็ตาม พวกเจ้าต้องปกป้องตระกูลหลิงอย่างสุดความสามารถ เข้าใจหรือไม่”
แวมไพร์ทั้งสี่ตนพยักหน้าพร้อมกันและตอบกลับไปด้วยความเคารพนบนอบ “พวกเราเข้าใจ และจะทำตามคำสั่งของเจ้านายอย่างเคร่งครัด!”
หลิงหยุนพยักหน้า“เอาล่ะ.. ตอนนี้พวกเจ้าก็รู้แล้วว่าใครคือท่านปู่ของข้า ในวันข้างหน้า.. คำสั่งของท่านปู่ก็เท่ากับเป็นคำสั่งของข้าด้วยเช่นกัน! พวกเจ้าต้องเชื่อฟังคำสั่งของเขาโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆทั้งนั้น จำไว้!”
และแน่นอนว่า..แวมไพร์ทั้งสี่ตนรับคำสั่งอย่างไม่ลังเลใจ!
“เอาล่ะ..วันนี้พวกเจ้าทั้งสี่ทำได้ดีมาก! ตอนนี้พวกเจ้าก็จัดการเก็บปีกเข้าไปได้แล้ว จัดการหาที่ซ่อนตัว และทำหน้าที่ตรวจตราความปลอดภัยรอบๆบ้านด้วย แต่ระวังอย่าให้คนตระกูลหลิงมาพบเห็นพวกเจ้าล่ะ!”
แวมไพร์ทั้งสี่ตนต่างก็ได้กลายร่างขั้นสุดและเวลานี้เสื้อผ้าของพวกมันก็ฉีกขาดจนหมด หากกลายร่างกลับเป็นมนุษย์ ก็คงต้องอุจาดตามากอย่างแน่นอน หลิงหยุนจึงสั่งให้พวกมันหลบซ่อนตัวไม่ให้ใครเห็น
ไม่เช่นนั้น..เหตุใดหลิงหยุนจึงต้องให้หลิงซิ่วหลบอยู่ในค่ายกลเขาวงกตเพียงคนเดียวเล่า จุดประสงค์แรกคือต้องการให้หลิงซิ่วได้ประโยชน์จากการฝึกฝน และไม่ต้องการให้นางเห็นการสังหารนินจาทั้งยี่สิบคน และที่สำคัญ.. ร่างเปลือยเปล่าของแวมไพร์ทั้งสี่ตนนั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่หลิงซิ่วควรได้เห็นด้วย!
หลังจากที่แวมไพร์ทั้งสี่ตนทำความเคารพหลิงหยุนแล้วพวกมันทั้งหมดก็เดินไปในทิศทางเดียวกัน หลิงหยุนหันไปมองนักรบตระกูลหลิงที่กำลังทำความสะอาดน้ำสีเหลืองที่เจิ่งนองอยู่บนพื้น แล้วจึงเดินมุ่งหน้าไปยังสวนชั้นที่เก้าของบ้านตระกูลหลิง
จิตหยั่งรู้ของหลิงหยุนทรงพลังมากเพียงใดอย่างนั้นหรือ
เวลานี้หลิงหยุนสามารถมองเห็นหลิงลี่ซึ่งอยู่ในสวนชั้นที่เก้าได้และพบว่าหลิงลี่กำลังนั่งอยู่ในบ้านซึ่งอยู่ด้านในสุดของสวนแห่งนี้
จนกระทั่งถึงตอนนี้หลิงหยุนเองก็ยังพออกพอใจกับการได้กลับเข้าตระกูลหลิงในคืนนี้ เขาพยักหน้าพร้อมกับพึมพำว่า
“สวนบ้านตระกูลหลิงไม่ได้เล็กไปกว่าคฤหาสน์ตระกูลเฉินเลยแม้แต่น้อย..”
เพราะเพียงแค่สวนชั้นที่เก้าของตระกูลหลิงก็ใหญ่โตกว่าคฤหาสน์ชานเมืองด้านตะวันตกเฉียงใต้ และด้านใต้ของตระกูลเฉินเสียอีก และนั่นเป็นเครื่องยืนยันว่าตระกูลหลิงเคยยิ่งใหญ่มากเพียงใดมาก่อน
“น้องห้า..ข้าจะฆ่าเจ้า!”
ระหว่างที่หลิงหยุนเดินผ่านสวนชั้นที่เจ็ดร่างของหลิงซิ่วที่นั่งฝึกอยู่ในค่ายกลหลุมพลัง ก็ลุกขึ้นและพุ่งตรงเข้ามาหาหลิงหยุนทันที
‘อีกแค่ครึ่งระดับก็จะเข้าสู่ขั้นเซียงเทียน!’
หลิงหยุนใช้จิตหยั่งรู้สำรวจดูขั้นกำลังภายในของหลิงซิ่วแล้วก็ได้แต่อึ้งไปและแอบคิดอยู่ในใจว่า พรสวรรค์ของหลิงซิ่วนั้นช่างยอดเยี่ยมไม่แพ้ฉินตงเฉี่วยเลยแม้แต่น้อย!
หลิงหยุนเห็นร่างงดงามของหลิงซิ่วหมุนตรงเข้ามาหาตนเองจึงได้แต่ถอนหายใจ แต่ก็ไม่ได้หลบหนี และยังคงยืนนิ่งอยู่เช่นนั้น
“พี่หลิงซิ่วช่างมีเรือนร่างงดงามนัก..”หลิงหยุนยืนยิ้มพร้อมกับพูดหยอกเย้าโดยไม่มีท่าทีหวาดกลัวแม้แต่น้อย
“นี่..เจ้าเด็กปีศาจ เจ้าคงคิดว่าข้าจะไม่สามารถเอาชนะเจ้าได้สินะ!”
ร่างของหลิงซิ่วมายืนอยู่หน้าหลิงหยุนทั้งคู่อยู่ห่างกันไม่ถึงฟุต หลิงซิ่วกำหมัดชกเข้าใส่หลิงหยุนไม่ยั้ง หลิงซิ่วชกเข้าที่หน้าอกของหลิงหยุนเต็มแรงจนเสียงดังสนั่น แต่หมัดของนางก็ไม่สามารถทำอันตรายหลิงหยุนได้เลยแม้แต่น้อย
“ขอแสดงความยินดีกับพี่หลิงซิ่ว..เวลานี้ท่านก็ใกล้จะเข้าสู่ขั้นเซียงเทียน-1 แล้วสินะ..”
หลิงหยุนไม่หลบแต่ยืนนิ่งให้หลิงซิ่วชกอย่างมีความสุข เขารู้สึกไม่ต่างจากถูกนวด..
“นี่..เจ้ากล้าดียังไงถึงได้ขังข้าไว้ในค่ายกลแบบนี้! ข้าโกรธเจ้าจริงๆด้วย!”
หลิงซิ่วร้องตะโกนออกมาอย่างโมโหนางยังไม่หายโกรธจึงได้ยกมือขึ้นดึงหูของหลิงหยุนทันที
“นี่..ข้าเจ็บนะ!”
หลิงหยุนแสร้งทำเป็นร้องคร่ำครวญอย่างเจ็บปวดและได้แต่นึกถึงน้าหญิงที่ชอบดึงหูของเขาแบบนี้เช่นกัน
แทบไม่ต้องพูดถึงหลิงเฟิงกับหลิงเลี่วยที่มักจะเจอแบบนี้อยู่บ่อยๆเช่นกัน!
หลิงซิ่วยิ้มอย่างพอใจก่อนจะรีบปล่อยมือแล้วถามขึ้นว่า “นี่เจ้าเจ็บจริงๆน่ะเหรอ!”
แน่นนอว่าหลิงหยุนไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อยเขาตอบกลับไปยิ้มๆ “พี่หลิงซิ่ว.. ข้าว่าเวลานี้ท่านควรจะรีบกลับเข้าบ้านไปอาบน้ำทำความสะอาดคราบเลือดก่อนจะดีกว่า”
“ห๊ะ..จริงสิ!”
หลิงซิ่วร้องอุทานออกมาและรีบร้องบอกหลิงหยุนว่า “เจ้าเด็กตัวแสบ.. คืนนี้เจ้าอย่าเพิ่งกลับล่ะ รอให้ข้ากลับมาจัดการกับเจ้าก่อน!”
“ไม่ต้องห่วง..”
แน่นอนว่าคืนนี้หลิงหยุนยังไม่กลับอย่างแน่นอนเขายังมีเรื่องต้องจัดการกับสามคนที่อยู่ในคุกใต้ดินอีกมากมาย..
ไม่ช้า..หลิงหยุนก็เดินเข้าไปถึงสวนชั้นที่เก้าของบ้านตระกูลหลิง และเดินตรงเข้าไปหาหลิงลี่ที่อยู่ด้านภายในบ้านทันที
“หลิงหยุนรึ!เข้ามาสิ!”
ทันทีที่หลิงหยุนเดินเข้าไปถึงสวนเล็กๆด้านในหลิงหยุนก็ได้ยินเสียงของหลิงลี่ที่เปี่ยมไปด้วยความรักความเมตตาดังออกมา
ภายในบ้าน..มีเพียงหลิงลี่กับเหล่ากุ่ยอยู่กันเพียงสองคนเท่านั้น!