ส่วนที่ 5 ตอนที่ 13-2 รายชื่อสายสอดแนม

จารใจรัก [ส่วนที่ 5]

เมื่อวานเซี่ยฟางหวาคงเหนื่อยล้ามาก กระทั่งดวงอาทิตย์ขึ้นสูงแล้วก็ยังคงหลับอยู่ 

 

           กระทั่งใกล้ยามอู่ เซี่ยอีจากครอบครัวหกก็มายังจวนอิงชินอ๋อง ซื่อฮว่าจึงได้แต่ปลุกเซี่ยฟางหวาขึ้นมา รายงานนางว่าเซี่ยอีมาถึงแล้ว 

 

           เซี่ยฟางหวาตื่นขึ้นมาด้วยอาการสะลึมสะลือ นวดศีรษะแล้วถามขึ้น “ยามใดแล้ว” 

 

           “ใกล้ยามอู่แล้วเจ้าค่ะ” ซื่อฮว่าตอบ 

 

           เซี่ยฟางหวาขมวดคิ้ว “ไม่นึกว่าหลับถึงยามนี้อีกแล้ว” พูดจบก็สั่งงานซื่อฮว่า “รีบไปเชิญนางเข้ามา” 

 

           ซื่อฮว่าออกไปทันที 

 

           ซื่อม่อเข้ามาช่วยล้างหน้าแต่งกายให้เซี่ยฟางหวา 

 

           “ฉินเจิงใช่ออกไปตั้งแต่เช้าแล้วหรือไม่” เซี่ยฟางหวาพบว่าในห้องไม่มีใคร ทั้งยามนี้แล้ว ฉินเจิงต้องออกไปตั้งแต่เช้าตรู่แล้วแน่นอน 

 

           “ท่านอ๋องน้อยเจิงออกไปทำธุระตั้งแต่ฟ้าเพิ่งสว่างแล้วเจ้าค่ะ” ซื่อม่อพยักหน้า  

 

           ครั้นเซี่ยฟางหวาแต่งกายเรียบร้อย ซื่อฮว่าก็นำทางเซี่ยอีมายังเรือนลั่วเหมยพอดี 

 

           เซี่ยฟางหวาออกมารับที่หน้าประตู เซี่ยอีส่งเสียงเรียกอย่างร่าเริง “พี่ฟางหวา” 

 

           เซี่ยฟางหวาส่งยิ้มให้นาง ก่อนกุมมืออีกฝ่ายเดินเข้ามาในห้องรับรอง 

 

           เพิ่งเข้ามาในห้อง เซี่ยอีก็เอ่ยขึ้นทันใด “ท่านแม่บอกว่า ให้ข้ามามิใช่เพื่อเที่ยวเล่น” พูดจบก็หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งจากใต้แขนเสื้อมาส่งให้เซี่ยฟางหวา 

 

           เซี่ยฟางหวายื่นมือรับ พร้อมเอ่ยบอกนาง “เจ้านั่งตรงนี้ก่อน รอข้าสักครู่” 

 

           เซี่ยอีพยักหน้า 

 

           เซี่ยฟางหวานำกระดาษเข้าไปในห้องชั้นใน 

 

           ซื่อม่อรินน้ำชาให้เซี่ยอีทันที 

 

           ซื่อฮว่าตามเซี่ยฟางหวาเข้าไปด้านใน ก่อนเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ “คุณหนู เมื่อเช้าก่อนท่านอ๋องน้อยออกไปได้กำชับบ่าวว่า เขาจำต้องไปนอกเมือง เมื่อวานมิทันได้บอกท่าน รอท่านตื่นแล้วให้ข้าบอกท่านว่า มากสุดสามวันเขาก็กลับมาแล้ว ขอให้ท่านพักผ่อนอยู่ในจวนให้ดี เรื่องด้านนอกมีเขา ท่านไม่ต้องกังวลมากเจ้าค่ะ” 

 

           “เขายังบอกอันใดอีกไหม” เซี่ยฟางหวาถาม 

 

           ซื่อฮว่าตอบ “บอกว่าท่านทราบแล้ว เรื่องที่ท่านอ๋องน้อยไปนอกเมืองเป็นเรื่องที่หารือร่วมกันกับฝ่าบาทเจ้าค่ะ เพื่อถอนรากขุดโคนให้สะอาด เขาจำต้องไปจัดการเอง” หยุดชั่วครู่แล้วกล่าวเสียงเบา “บ่าวพอเดาได้ลางๆ กลัวว่าเมื่อวานท่านมิได้ทันบอกท่านอ๋องน้อยเช่นกัน เกรงว่าจะสร้างความผิดพลาด จึงบอกเรื่องที่ท่านให้ข้าไปยังจวนครอบครัวหก” 

 

           “เขาว่าอย่างไร” เซี่ยฟางหวาถามอีก 

 

           “ท่านอ๋องน้อยบอกว่า ก่อนยามอู่วันนี้ เขาคงอยู่ในตำบลที่ห่างออกไปสามร้อยลี้ หากมีเรื่องสำคัญ บอกท่านว่าให้ส่งคนไปหาเขาก็พอแล้ว” ซื่อฮว่าตอบ 

 

           เซี่ยฟางหวาพยักหน้า ก่อนคลี่กระดาษรายชื่อที่ฮูหยินหมิงฝากเซี่ยอีนำมาให้ 

 

           หลังนางกวาดตามองรอบหนึ่ง คิ้วก็ขมวดเข้าหากันเป็นปม ถามซื่อฮว่าว่า “ตอนเขาออกไป มิได้นำชิงเหยียนไปด้วยใช่ไหม” 

 

           “บ่าวมิทราบเจ้าค่ะ บ่าวมีวิทยายุทธ์ต่ำ มิเคยสัมผัสถึงลมปราณของชิงเหยียนได้เลย แต่เฟยเยี่ยนไม่ 

 

อยู่แล้วแน่นอน น่าจะถูกท่านอ๋องน้อยนำไปด้วย” ซื่อฮว่าส่ายหน้า  

 

           เซี่ยฟางหวาได้ยินเช่นนั้นก็เปิดหน้าต่าง ตะโกนไปด้านนอก “ชิงเหยียน” 

 

           เงาดำร่างหนึ่งขานรับพร้อมปรากฏกายขึ้น เป็นชิงเหยียน “พระชายาน้อย” 

 

           เซี่ยฟางหวาพบว่าเขายังอยู่ดังคาด จึงส่งกระดาษรายชื่อในมือให้เขา พร้อมบอกว่า “เจ้าออกไปตอนนี้ สามร้อยลี้ด้านนอก หาฉินเจิงให้พบ นำรายชื่อแผ่นนี้ส่งให้ถึงมือเขา” 

 

           “ท่านอ๋องน้อยให้ข้าอยู่ที่นี่ คอยดูแลท่าน” ชิงเหยียนลังเล  

 

           “ข้าอยู่ในจวน มิได้ออกไปไหน จะเกิดเรื่องใดได้ ข้าคิดว่าที่เขาให้เจ้าอยู่ในเมืองก็เพราะเผื่อว่าข้ามีเรื่องด่วนต้องตามหาเขา เจ้าทำให้ข้าวางใจที่สุดแล้ว” เซี่ยฟางหวาเร่ง “รีบไป นำไปส่งให้เร็วที่สุด” 

 

           ชิงเหยียนพยักหน้ารับ “ขอรับ” สิ้นเสียงก็นำรายชื่อไปจากเรือนลั่วเหมย 

 

           เซี่ยฟางหวายืนริมหน้าต่าง ตรึกตรองพักหนึ่งก็เอ่ยบอกซื่อฮว่า “ไปเตรียมรถ ข้าจะเข้าวัง” 

 

           “คุณหนู ท่านจะเข้าวังหรือเจ้าคะ” ซื่อฮว่าชะงักไป  

 

           “อืม” เซี่ยฟางหวาพยักหน้า 

 

           “ตอนนี้ท่านอ๋องน้อยเพิ่งไปนอกเมืองท่านก็เข้าวังแล้ว หากถูกผู้ไม่ประสงค์ดีเผยแพร่ออกไป…ยิ่งกว่านั้นยังมีท่านอ๋องกับพระชายา…” ซื่อฮว่าลังเล  

 

           เซี่ยฟางหวาฟังแล้วก็คิดว่ามีเหตุผล จึงเปลี่ยนคำพูด “เช่นนี้ เจ้าไปที่เรือนหลัก บอกพระชายาว่าข้ามีเรื่องด่วน จำต้องรีบเข้าวังทันที ขอให้พระชายาเข้าวังกับข้าด้วย” 

 

           “เจ้าค่ะ” ซื่อฮว่าหมุนตัวเดินออกไป 

 

           เซี่ยฟางหวาออกมาจากห้องชั้นใน ก่อนขอโทษกับเซี่ยอี “น้องอี เจ้าอุตส่าห์มาทั้งที ข้ากลับต้องรีบเข้าวังแล้ว ทำได้เพียงไว้ต้อนรับเจ้าวันหลัง” 

 

           เซี่ยอีเดิมรู้ความ พบว่าใบหน้าเซี่ยฟางหวานิ่งขรึม ก็ทราบเช่นกันว่านางมีเรื่องด่วน ยิ่งไปกว่านั้นตอนนางมาที่จวน แม่ของนางก็กำชับไว้หลายครั้งว่าให้ระมัดระวัง อย่าได้ทำจดหมายหล่นหาย ตอนนี้คิดดูแล้วต้องเป็นเรื่องสำคัญมาก นางจึงลุกขึ้นทันที “พี่ฟางหวา เราพี่น้องมิใช่คนอื่นคนไกล ข้ารู้ว่าเจ้ามีเรื่องสำคัญแน่นอน ข้าทำหน้าที่ที่ท่านแม่ฝากฝังมาลุล่วงแล้ว ต้องรีบกลับไปบอกนางด้วยเช่นกัน” 

 

           เซี่ยฟางหวาพยักหน้า ก่อนสั่งงานด้านข้าง “ซื่อม่อ ส่งน้องอีกลับจวน” 

 

           ซื่อม่อผงกศีรษะ ก่อนส่งเซี่ยอีออกจากเรือนลั่วเหมย 

 

           เซี่ยฟางหวาเดินไปแต่งกายให้เรียบร้อย ก่อนออกมาจากเรือนลั่วเหมย 

 

           ซื่อฮว่ากุลีกุจอไปยังเรือนหลัก พระชายาอิงชินอ๋องกำลังปักลายผ้าอยู่ ครั้นได้ยินเช่นนั้นก็เกิดความสงสัย “หวาเอ๋อร์บอกว่าจะให้ข้าเข้าวังไปกับนาง” 

 

           ซื่อฮว่าพยักหน้ารับ 

 

           “นางได้บอกหรือไม่ว่ามีเรื่องใด” พระชายาอิงชินอ๋องถาม 

 

           “คุณหนูรีบร้อนมาก บอกชิงเหยียนนำจดหมายไปส่งให้ท่านอ๋องน้อยแล้ว และบอกว่าต้องเข้าวังทันทีเจ้าค่ะ” ซื่อฮว่าส่ายหน้า  

 

           พระชายาอิงชินอ๋องจึงหยุดงานในมือทันใด แล้วพยักหน้ารับ “เจ้ารีบกลับไปบอกนาง ข้าจะแต่งตัวแล้วเข้าวังไปกับนางด้วย” 

 

           ซื่อฮว่าผงกศีรษะแล้วรีบย้อนกลับไปที่เรือนลั่วเหมย บังเอิญพบเซี่ยฟางหวาที่ออกมาแล้วพอดี จึงรายงานว่าพระชายาตอบตกลงแล้ว เซี่ยฟางหวาพยักหน้ารับ แล้วเดินตรงไปยังหน้าจวน 

 

           พระชายาอิงชินอ๋องแต่งกายอย่างว่องไว แล้วออกจากเรือนหลักไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน 

 

           สี่ซุ่นทราบข่าวว่าทั้งสองจะเข้าวังก่อนแล้ว จึงเตรียมรถรอทั้งสองที่หน้าจวนพร้อมแล้ว 

 

           หลังขึ้นรถม้าแล้วแล่นไปยังวังหลวง พระชายาอิงชินอ๋องถึงมีโอกาสได้ถามเซี่ยฟางหวา “หวาเอ๋อร์ ใช่เกิดเรื่องใดขึ้นหรือไม่” 

 

           เซี่ยฟางหวามองพระชายาอิงชินอ๋องแวบหนึ่ง ก่อนกล่าวเสียงทุ้มต่ำ “มิใช่เรื่องใหญ่นัก เพียงแต่เรื่องนี้ค่อนข้างยุ่งยาก จำต้องแจ้งฝ่าบาทให้ทราบ” หยุดชั่วครู่แล้วกล่าวอีก “เทียบกับเรื่องที่ข้ากระทำก่อนหน้านี้ไม่ค่อยเหมาะสมนัก กลัวว่าฉินเจิงเพิ่งไปนอกเมืองข้าก็เข้าวังแล้วจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ จึงได้แต่ต้องรบกวนท่านแม่ไปกับข้าด้วย” 

 

           พระชายาอิงชินอ๋องได้ยินเช่นนั้นก็เอ่ยขึ้น “ข่าวลือคำนินทาไม่ต้องเก็บมาใส่ใจ ชีวิตคนเรา สิ่งสำคัญที่สุดคือการไม่ละอายใจต่อตนเองและมโนธรรม” พูดจบก็บีบมือเซี่ยฟางหวา “หนานฉินของเราตอนนี้จำต้องร่วมแรงร่วมใจกัน หากเรื่องค่อนข้างยุ่งยาก ก็ควรแจ้งฝ่าบาทให้ทราบด้วย” 

 

           เซี่ยฟางหวาพยักหน้า มิได้พูดอันใดอีก 

 

           รถม้าแล่นมาถึงวังหลวงอย่างรวดเร็ว 

 

           เซี่ยฟางหวากับพระชายาอิงชินอ๋องผ่านประตูวังเข้ามา คว้าขันทีน้อยคนหนึ่งมาถาม “ฝ่าบาทอยู่ที่ใด” 

 

           “องค์หญิงใหญ่กับท่านหญิงจินเยี่ยนเพิ่งเข้าวังมา บอกว่าอยากพบฝ่าบาทขอรับ” ขันทีน้อยคนนั้นส่ายศีรษะ “แต่ทั้งสองไปยังตำหนักไทเฮาก่อนแล้ว” 

 

           พระชายาอิงชินอ๋องผินหน้ามองเซี่ยฟางหวา 

 

           เซี่ยฟางหวาครุ่นคิดแล้วเอ่ยขึ้น “ท่านแม่ เราไปห้องทรงอักษรกันเถิด” พูดจบก็กล่าวเพิ่ม “ที่นี่คือวังหลวง พวกเราเข้าวังมา ประเดี๋ยวก็มีคนนำข่าวไปรายงานฝ่าบาทแล้ว ไม่ว่าพระองค์จะอยู่ที่ห้องทรงอักษรหรือไม่ ก็น่าจะไปหาพวกเราที่ห้องทรงอักษร” 

 

           “ที่เจ้าพูดก็มีเหตุผล” พระชายาอิงชินอ๋องทราบว่าเรื่องด่วนของเซี่ยฟางหวาน่าจะไม่สะดวกที่จะให้คนนอกรับรู้ จึงพยักหน้ารับ 

 

           ทั้งสองไปยังห้องทรงอักษรด้วยกัน 

 

           หลังองค์หญิงใหญ่กับจินเยี่ยนเข้าวังมาก็ไปยังตำหนักของไทเฮาก่อน และบอกกับไทเฮาโดยตรงว่ามีเรื่องต้องขอให้ฝ่าบาทตัดสินพระทัย ไทเฮาได้ยินก็เอ่ยถามว่าเป็นเรื่องใด ครั้นทรงทราบว่าเป็นเรื่องงานสมรสของจินเยี่ยนก็ทรงแปลกใจ พบว่าจินเยี่ยนราวกับตัดใจจากฉินอวี้แล้วจริงๆ จึงพยักพระพักตร์ จากนั้นก็ส่งหรูอี้ไปรายงานฉินอวี้ บอกว่าก่อนยามอู่ให้มาเสวยมื้อกลางวันที่ตำหนัก องค์หญิงใหญ่มีเรื่องอยากขอร้อง และแนะหรูอี้ว่าหากฉินอวี้ถามถึง ให้ตั้งใจย้ำว่าเป็นเรื่องงานสมรสกับคนอื่นของจินเยี่ยน 

 

           หลังหรูอี้มาถึงห้องทรงอักษรก็รายงานเรื่องทั้งหมดให้ฉินอวี้ฟัง ฉินอวี้ฟังจบแล้วก็มองฟ้าแวบหนึ่ง ก่อนวางพู่กันลงแล้วเสด็จไปยังตำหนักไทเฮา 

 

           เขาเพิ่งมาถึงปากทางเข้าตำหนักไทเฮา ก็ได้ยินคนมารายงานว่าพระชายาอิงชินอ๋องกับเซี่ยฟางหวาเข้าวังมา และกำลังไปหาเขาที่ห้องทรงอักษร หลังเขาฟังจบก็ย้อนกลับไปยังห้องหนังสือทันใด 

 

           ไทเฮา องค์หญิงใหญ่ และจินเยี่ยนกำลังรออยู่ในตำหนัก ทราบว่าเดิมทีฉินอวี้เสด็จมาถึงแล้ว ทว่าเมื่อมาถึงทางเข้าก็ย้อนกลับออกไป ชั่วเวลานั้นก็เกิดความสงสัย 

 

           เสี่ยวเฉวียนจื่ออยู่อธิบาย ทำความเคารพทั้งสาม “พระชายาอิงชินอ๋องกับพระชายาน้อยเข้าวังมา ไปหาฝ่าบาทที่ห้องทรงอักษร ในเมื่อไปที่นั่นแสดงว่ามีเรื่องด่วน ฝ่าบาทตรัสว่าไม่ต้องรอพระองค์ ให้องค์หญิงใหญ่กับท่านหญิงจินเยี่ยนอยู่ในวังหลวงก่อน เมื่อพระองค์จัดการธุระเสร็จแล้วค่อยมาที่ตำหนักพ่ะย่ะค่ะ” 

 

           ไทเฮามองเวลาแวบหนึ่ง พบว่าถึงยามอู่แล้ว ครุ่นคิดมิทราบว่าพระชายาอิงชินอ๋องกับเซี่ยฟางหวาเข้าวังหลวงมาด้วยเรื่องใด จึงพยักพระพักตร์รับทราบ 

 

           องค์หญิงใหญ่กับจินเยี่ยนมิได้โต้แย้ง เพียงบอกว่า “ถึงอย่างไรพวกเราก็มิได้เข้าวังมาหลายวันแล้ว อยู่นานหน่อยก็ไม่เป็นไร ฝ่าบาททรงจัดการธุระให้เสร็จก่อนเถิด” 

 

           เสี่ยวเฉวียนจื่อรับคำ ก่อนออกจากตำหนักไทเฮา 

 

           ฉินอวี้ย้อนกลับไปยังห้องทรงอักษร พบว่าพระชายาอิงชินอ๋องกับเซี่ยฟางหวารออยู่ก่อนแล้วดังคาด เขาเดินเข้ามาใกล้แล้วตรัสถามทั้งสอง “ท่านป้า ฟางหวา มีเรื่องใดหรือ” 

 

           พระชายาอิงชินอ๋องเห็นอีกฝ่ายเหงื่อโชก จึงพยักหน้าให้ “ฟางหวามีเรื่องด่วน ข้ามาเป็นเพื่อนนาง” 

 

           “เป็นเรื่องที่ค่อนข้างยุ่งยาก” เซี่ยฟางหวาเอ่ยบอก  

 

           ฉินอวี้ผงกศีรษะ นำเข้าไปในห้องทรงอักษรก่อน พลางเอ่ยบอกนาง “เข้ามาคุยข้างใน” 

 

           เซี่ยฟางหวาตามเข้าไปในห้องทรงอักษรทีหลัง