บทที่ 624 วิสทีเรียสีม่วง

บัญชามังกรเดือด

บัญชามังกรเดือด บทที่ 624 วิสทีเรียสีม่วง

เรื่องที่เกี่ยวข้องกับ “วิหารเทพ” จนตอนนี้ ก็ยังเป็นความลับอยู่ แต่เดิมอูเถิงก็ไม่ยินยอมที่จะพูดออกมา

แต่ทว่า เพื่อให้ฉินเทียนรู้จักถอยเมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ลำบาก จึงตัดสินใจเปิดเผยออกมาเล็กน้อย

สีหน้าของเขาจริงจัง น้ำเสียงทุ้มต่ำ เผยให้เห็นความลึกลับ

“แล้วก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ราชาเทพที่ลึกลับผู้นั้น อยู่ๆ หลังจากนั้นหนึ่งเดือน โทยามะก็ไปอยู่ใต้เท้าของเขา เพื่อที่จะให้ผู้ใต้บังคับบัญชาได้ฉลองวันเกิดของราชาแห่งสวรรค์”

“เพียงแค่ฉลองวันเกิดเท่านั้น แต่ดันต้องการให้เอิกเกริก และพวกเขาแอบปล่อยข้อมูลในเครือข่ายมืดโดยตรงอีกด้วย”

“และด้วยพลังของเขา ทันทีที่ข่าวเผยแพร่ออกไป ทั้งวงการถูกกฎหมายและผิดกฎหมายทั้งสองของทั่วโลก ต่างก็ถูกทำให้ตกใจไปหมดแล้ว”

“เพื่อนของวิหารเทพเหล่านั้น รวมไปถึงผู้มีพลังจากทุกสาขาอาชีพที่อยากจะประจบสอพลอวิหารเทพเช่นกัน และเมื่อได้ยินข่าวก็ออกปฏิบัติการทันที แล้วก็คงจะไปรวมตัวกันที่โทยามะ ภายในหนึ่งเดือนนี้แหละ”

“คนใดคนหนึ่งในผู้คนเหล่านั้น ต่างก็เป็นปัญหาใหญ่!”

“สำหรับเรื่องของเทพลักซ่อนนี้ ตั้งแต่เมื่อคืนวายจนถึงตอนนี้ แม้ว่าจะจัดการประชุมด่วนติดต่อกันมาแล้วหลายครั้งก็ตาม แต่ก็ต้องตรวจสอบให้แน่ใจ ว่าคนเหล่านี้จะไม่ออกนอกลู่นอกทาง ไม่สร้างปัญหาเมื่ออยู่ที่นี่”

“มิฉะนั้น ผลที่ตามมาก็จะเลวร้ายจนไม่อยากจะไปนึกถึงจริงๆ”

เฉินเสี่ยวอี้เหมือนได้ยินตำนานอย่างไรอย่างนั้น และภายในดวงตาต่างก็มีความเลื่อมใสศรัทธาอย่างไร้ขีดจำกัด

“พูดอย่างนี้ ราชาเทพผู้นั้นจะมาแล้วสินะ? โอ้พระเจ้า เขาเป็นไอดอลของผมเลย!”

“เพียงแค่ออกคำสั่ง เรียกให้ความแข็งแกร่งจากทั่วทุกมุมโลก มารวมตัวกันที่โทยามะ เพื่อเขาจะได้ฉลองวันเกิดของราชาแห่งสวรรค์ อย่างเชื่อฟัง และนี่คือเหล่งหูชงที่นำหน้าวีรบุรุษจากทุกสาขาอาชีพ ที่ปิดล้อมภูเขาชาโอมูโระไว้!”

“นั่นมันหล่อมากเลยจริงๆ!”

“เหล่งหูชงคืออะไร?”อูเถิงงุนงง

เฉินเสี่ยวอี้กล่าวด้วยความตื่นเต้นว่า “เป็นตัวละครที่ผมชอบที่สุดในนิยายกำลังภายในคนหนึ่ง”

“พ่อบุญธรรม คุณรู้ไหมว่าเทพราชาผู้นั้นแท้จริงแล้วเป็นคนอย่างไร? เขามาแล้วหรือยัง? แล้วพักอยู่ที่ไหน?”

“บอกผมหน่อยได้ไหม? ผม อยากที่จะไปเข้าพบเขาสักหน่อย ผมรู้ว่าคนอย่างตัวเองไม่มีคุณสมบัติที่จะถูกเขาต้อนรับ แต่ว่าก็ไม่เป็นไร”

“แม้ว่าจะได้มองเขาอยู่ไกลๆ หรือว่าได้เข้าไปสูดอากาศที่อยู่รอบตัวของเขาสักหน่อย ผมเฉินเสี่ยวอี้ถึงตายก็ไม่เสียดายแล้ว!”

“ไปให้พ้นเลย!” น้อยมากที่อูเถิงจะระเบิดคำหยาบคาย แล้วกล่าวอย่างโมโหว่า “เทพราชาผู้นั้นในโลกปัจจุบันนี้ เป็นคนที่ลึกลับที่สุดในโลกคนหนึ่ง”

“แม้แต่เทพลักซ่อนก็ยังไม่รู้ ฉันจะไปรู้ได้อย่างไรล่ะ”

“แต่ว่า เทพลักซ่อนก็ได้ตัดสินใจแล้ว หาพยายามทำทุกวิถีทาง แล้วหาเขาให้เร็วที่สุด พร้อมทั้งบรรลุข้อตกลงกับเขา”

“ดูแล้วในปัจจุบัน ก็มีเพียงแค่เขาที่สามารถควบคุมภูตผีปีศาจจากทุกสาขาอาชีพได้”

“ไอ๊หยาไม่พูดแล้ว ฉันยังต้องกลับไปจัดแผนการทำงานอีก ฉินเทียน สิ่งที่สมควรทำฉันก็ทำไปหมดแล้ว คุณจัดการเรื่องนี้เองด้วยความระมัดระวังเถอะ!”

พูดแล้ว อูเถิงก็จากไปด้วยความโมโหมาก

ในความคิดของเขา เมื่อเทียบกับการตรวจสอบเทพราชาผู้นั้นแล้ว รวมไปถึงการจัดการงาน และการเผชิญหน้ากับการมาถึงของภูตผีปีศาจจากทุกสาขาอาชีพของโลก ในสายตาแล้วเรื่องของฉินเทียน เดิมแล้วไม่คุ้มค่าที่จะพูดถึงเลย

“จุ๊ๆ!”

“ถ้าหากว่าฉันสามารถได้เจอกับเทพราชาผู้นั้นได้ก็คงดี” สีหน้าของเฉินเสี่ยวอี้ดูพิศวาส

ฉินเทียนเตะไปที่ขาของเขา แล้วกล่าวอย่างโมโหว่า “ไปขับรถสิ!”

“ประพฤติตัวดีแล้วล่ะก็ ไม่แน่ว่าเมื่อถึงเวลานั้นข้าอารมณ์ดี อาจจะแนะนำนายให้เทพราชารู้จักก็ได้”

“คุณรู้จักเทพราชาอย่างนั้นเหรอ?” ดวงตาของเฉินเสี่ยวอี้เป็นประกายขึ้นมา แต่ทว่าเมื่อเขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ได้แต่ส่ายศีรษะไปมา “พี่เทียน อย่าหาว่าน้องเล็กคนนี้ดูถูกคุณเลยนะ”

“ผมรู้ว่า ที่จริงแล้วคุณดีมาก แล้วยังมีคุณสมบัติมากพอที่จะเป็นเจ้านายของผม”

“แต่ว่า เปรียบเทียบกับเทพราชาในข่าวลือผู้นั้นแล้ว ผมรู้สึกว่า คุณยังด้อยกว่าเล็กน้อย…”

เกรงว่าจะถูกฉินเทียนต่อย แล้วจึงรีบร้อนเปลี่ยนเรื่องทันที “ใช่แล้ว คุณคงจะไม่ที่จะยอมรับคำท้าทายของมิยาโมโตะจริงๆ หรอกใช่ไหม?”

“หากว่าใช่แล้วล่ะก็ ผมรู้สึกว่าพวกเราควรที่จะกลับไปเตรียมกันสักหน่อยดีกว่า”

“ผมสามารถหากวีดิโอการแข่งขันซามูไรต้วนเตาหลิวมาให้คุณศึกษาดูสักหน่อยได้ รู้เขารู้เรา เมื่อถึงเวลานั้นจึงจะสามารถเพิ่มความเป็นไปได้ที่จะชนะได้นะ”

“คุณคิดว่าเป็นอย่างไร?”

ฉินเทียนกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “ซามูไรตัวเล็กๆ ไม่คุ้มให้ข้าต้องประโคมข่าวหรอก”

“ไปมหาลัยโทยามะ ฉันต้องไปหาใครสักคนหนึ่ง”

สำหรับการท้ายทายในคืนนี้ เดิมทีแล้วฉินเทียนไม่ได้เก็ยเอามาใส่ใจเลยด้วยซ้ำ เขารีบร้อนไปที่มหาวิยาลัยโทยามะ เพื่อไปสอบถามข่าวคราวของหูรั่วหลันสักหน่อย

ตามข้อมูลที่ฮันหลิงให้มา ก่อนหน้าที่หูรั่วหลันเคยเรียนอยู่ที่นี่มาก่อน

เพียงไม่นาน ก็มาถึงมหาวิทยาลัยโทยามะ ฉินเทียนให้เฉินเสี่ยวอี้ออกหน้าแทน หลังจากที่ใช้ความพยายามอย่างหนัก ก็หาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับหูรั่วหลันมาจากสำนักงานกิจการวิชาการได้

อาจารย์ชราคนหนึ่งมีความประทับใจกับเด็กผู้หญิงจากอาณาจักรมังกรคนนี้อย่างลึกซึ้ง แต่เขากล่าวอย่างเสียใจว่า เมื่อสามปีก่อน จู่ๆ เด็กผู้หญิงคนนี้ก็หายตัวไป

ใจของฉินเทียน ก็อึดอัดขึ้นมาอย่างอดไม่ได้อยู่ครู่หนึ่ง

สามปีก่อน มันก็คือช่วงเวลาที่ตระกูลหูทั้งหมดถูกสังหาร นักฆ่าคงจะไม่ยื่นมือมาถึงที่นี่ แล้วฆ่าก็หูรั่วหลันไปแล้วหรอกนะ

ตัดรากถอนโคน มันจะโหดร้ายมากเกินไปแล้ว!

เขายังไม่ยอม แล้วให้เฉินเสี่ยวอี้สืบเสาะต่อไป จนถึงเวลาฟ้ามืด ก็ไม่พบข้อมูลที่ประโยชน์ใดๆ อีกแล้ว

สำหรับโรงเรียนแห่งนี้ ที่หูรั่วหลันหายไปอย่างกะทันหันเมื่อสามปีก่อน ราวกับโลกจะระเหยกลายเป็นไออย่างไรอย่างนั้น

ไม่ต้องพูดว่า น่าจะรอดไปได้ยาก

ความจริงที่โหดร้ายเช่นนี้ ทำให้ฉินเทียนต่อสู้จนเกือบที่จะปิดกั้นตัวเอง

ตอนนี้ เขาเกลียดตัวเองมากจริงๆ ผ่านมาแล้วหลายปี ไม่สามารถให้การดูแลคนในครอบครัวของหูเฟยได้มากกว่านี้ แล้วยังมีส่วนให้เกิดโศกนาฏกรรมเช่นนี้ขึ้นมาอีก

“พี่เทียน ผมรู้สึกว่า ไม่ว่าเรื่องอะไรในตอนนี้ ต่างก็ไม่สำคัญเท่าการดวลกับมิยาโมโตะคืนนี้หรอกนะครับ”

“คุณควรจะรีบกลับไปเดี๋ยวนี้ กินดื่มให้เพียงพอ หลังจากนั้นค่อยนอนหลับสักตื่น…”

“หากว่าคุณสามารถเอาชนะมิยาโมโตะได้จริงๆ ผมจะไหว้พี่เป็นอาจารย์เลย เป็นไง?”

สำหรับเฉินเสี่ยวอี้คนที่เฉลียวฉลาดอย่างไอ้หมอนี่ ฉินเทียนขี้เกียจที่จะสนใจด้วย

เขาเดินออกมาข้างนอกด้วยสีหน้าที่บูดบึ้ง เมื่อเรื่องมาถึงจุดนี้แล้ว หลังจากสามารถที่จัดการกับเรื่องที่อยู่ตรงหน้านี้ให้ได้ก่อน แล้วกลับไปที่ฮั่นจง และค่อยๆ ปรึกษากันให้ดีอีกครั้ง

ใครจะไปรู้ว่า ทันทีที่เตรียมจะเดินออกไปจากประตูโรงเรียน ก็มีเสียงที่คุ้นเคยเสียงหนึ่งดังมากจากข้างหน้า

“พี่เทียนหรอ?”

“เป็นพี่จริงๆ ด้วย!”

“พี่มีเรื่องอะไรถึงมาถึงที่นี่กันเหรอ? ให้ฉันลองเดาดูนะ คงจะไม่คิดอยากจะมาหาเด็กนักเรียนญี่ปุ่นคบหรอกใช่ไหม?”

ฉินเทียนจ้องมองไปภายในแสงสนธยา คนที่สวมกางเกงยีน ที่งดงามโดดเด่นของเหลิ่งหยุน ทำให้ตกตะลึงเป็นเวลานาน ก่อนกล่าวว่า “เธอรู้ได้ยังไงว่าพี่มาที่นี่?”

เหลิ่งหยุนส่งเสียงหัวเราะเบาๆ แล้วเดินเข้ามา แล้วจับแขนของฉินเทียนเอาไว้อย่างเป็นธรรมชาติมาก

“ถ้าฉันบอกว่านี่คือความบังเอิญ พี่จะเชื่อไหม?”

ฉินเทียนได้กลิ่นหอมที่ทำให้คนมอมเมามาจากร่างกายของเหลิ่งหยุน สมองของเขาจึงเลอะเลือนเล็กน้อย

“ถ้าอย่างนั้นเธอมาทำอะไรที่นี่?”

เหลิ่งหยุนปัดเส้นผมที่อยู่ขมับที่ถูกสายลมพัดปลิวไสว แล้วกระซิบว่า “ถือว่าเป็นคิดถึงเหตุการณ์ในอดีตน่ะ”

ฉินเทียน “เธอก็เคยเรียนอยู่ที่นี่ด้วยอย่างนั้นใช่ไหม?”

“ไม่ใช่สิ เธอโตอยู่ที่จีนนี่น่า”

ดวงตาที่งดงามของเหลิ่งหยุน เผยให้เห็นหมอกหนาทึบอยู่ชั้นหนึ่ง

“แม่ของฉันเรียนจบจากที่นี่น่ะ ถึงแม้ว่าจะไม่เคยพบหน้าของเธอ แต่ถ้าไม่มีเรื่องอะไรก็จะมาเดินเล่นที่นี่ ทำให้สามารถรู้สึกได้อยู่เสมอว่าภายในอากาศ มีความรู้สึกถุงลมหายใจของเธออยู่ด้วย”

“——ที่พี่พูดก็ หรือว่าก็มีคนอื่นอยู่ที่โรงเรียนนี้ด้วยอย่างนั้นเหรอ?”

ฉินเทียนพูดไม่ออก เรื่องมันจะบังเอิญขนาดนั้นเลยอย่างนั้นเหรอ? แม่ของเหลิ่งหยุน ผู้หญิงที่เป็นนักฆ่านินจาคนนั้น ไม่คาดคิดว่าจะเป็นนักเรียนหญิงที่เรียนจบจากที่นี่

เมื่อนึกถึงอะไรขึ้นมาได้ เขาก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “คราวที่แล้วเธอเข้ามายุ่งวุ่นวาย แล้วขัดขวางความคิดของฉัน”

“อย่าคิดว่าครั้งนี้จะปล่อยผ่านเรื่องตบตาอย่างนั้นได้อีก”

“ตอนนี้จะบอกฉันได้หรือยัง? ว่าเรื่องราวที่มีเงื่อนงำในปีนั้น เธอไปรู้มันมาได้อย่างไร?”

“ที่จริงแล้วเป็นข้อมูลที่เชื่อถือได้หรือไม่?”

เหลิ่งหยุนอย่างไม่มีเสียงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วไม่ได้เตรียมที่จะปกปิดเอาไว้ เธอจับแขนของฉินเทียน ท่ามกลางตะวันในยามสายัณห์ เหมือนคู่รักนักเรียนคู่หนึ่งอย่างไรอย่างนั้น แล้วเดินเล่นไปบนเส้นทางที่มีดอกซากุระอยู่

“มีคนส่งจดหมายมาให้ฉันฉบับหนึ่ง”

“บนจดหมายไม่มีชื่อ แต่กว่ากลับมีวิสทีเรียสีม่วงต้นหนึ่ง”

“วิสทีเรียสีม่วงอย่างนั้นเหรอ?” ฉินเทียนงุนงง

เหลิ่งหยุนพยักหน้า แล้วกระซิบว่า “พี่รู้ไหม? วิสทีเรียสีม่วง เป็นสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ และถูกสลักไว้บนตราประจำโรงเรียนด้วย”

“คนที่ส่งจดหมายทิ้งสัญลักษณ์วิสทีเรียสีม่วงเอาไว้ ดังนั้นฉันก็เลยอดคิดไม่ได้ว่า เธออาจจะมาจากมหาวิทยาลัยนี้หรือเปล่า?”

“ฉันมีลางสังหรณ์ว่า เธอจะต้องรู้จักกับแม่ของฉันแน่นอน อีกทั้ง มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมากด้วย”