บทที่ 623 ต้วนเตาหลิว

บัญชามังกรเดือด

บัญชามังกรเดือด บทที่ 623 ต้วนเตาหลิว

“จริงเหรอ?”

เมื่อได้ยินคำพูดของฮันหลิง ฉินเทียนก็ดีใจกับเรื่องที่คาดไม่ถึง

“เธออยู่ที่ไหนล่ะ?”

“พาฉันไปเจอเธอหน่อยได้ไหม? ฉันคิดว่า บางทีเธอน่าจะรู้เรื่องอะไรบางอย่างในปีนั้นก็ได้” หลังจากที่เขารู้สึกตื่นเต้น ก็ไปจับมือฮันหลิงไว้อย่างไม่รู้ตัว

จนกระทั่งฮันหลิงส่งเสียงไอด้วยใบหน้าที่แดงระเรื่อ จึงได้รู้สึกถึงความไม่เหมาะสมเล็กน้อย แล้วรีบแยกออกจากกัน

ฮันหลิงขมวดคิ้วพลางกล่าวว่า “รั่วหลันเรื่องอยู่ที่ญี่ปุ่นมาตลอด ในตอนที่เกิดเรื่องขึ้น เธอไม่ได้อยู่ที่บ้าน ดังนั้นจึงรอดพ้นจากอันตราย”

“แต่ที่น่าแปลกก็คือ หลังจากนั้นฉันหาวิธีที่จะติดต่อกับรั่วหลัน แต่ก็ติดต่อไม่ได้เลย”

“ที่มาคราวนี้ ฉันก็อยากที่จะมาลองหาเธอด้วยเหมือนกัน”

“ตอนนี้ฉันเกรงว่าจะต้องกลับประเทศทันที ฉินเทียน ถ้าหากว่าได้ ได้โปรดช่วยฉันตามหาเธอหน่อยเถอะ”

ขณะที่พูดอยู่นั้น เธอก็เพิ่มเพื่อนกับฉินเทียนในวีแชท แล้วส่งรูปให้สองสามรูป ซึ่งเป็นข้อมูลของหูรั่วหลัน

บนรูปภาพ หูรั่วหลันสวมชุดกระโปรงลายดอก ดวงตาเป็นรูปโค้ง คิ้วละเอียดอ่อน ยิ้มน้อยๆ ให้บรรยากาศที่สดใสดูอ่อนโยนน่ารัก เมื่อมองดูแล้วทำให้หัวใจของคนสวยงามและมีความสุข

หัวใจของฉินเทียนเจ็บปวดขึ้นมาอีกครั้ง เขานึกไปถึงตอนที่หูเฟยเหมือนแนะนำคนรักในตอนแรกนั้น ได้แนะนำน้องสาวให้กับตัวเองได้รู้จัก

ไอ้หมอนี่ทำแม้กระทั่งแอบส่งเสริม ให้ตัวเองจีบน้องสาว และให้อยู่ด้วยกันกับน้องสาวของเขา

สำหรับเจตนาของเขาแล้ว ฉินเทียนและรั่วหลันต่างก็รู้กันดี แต่ทว่า ทั้งสองคนก็เพียงแค่มองหน้ากันแล้วยิ้มเท่านั้น รู้สึกว่าหูเฟยคนนี้เหมือนพี่ใหญ่ที่ซื่อบื้อคนหนึ่ง

รั่วหลันเรียกฉินเทียนว่าพี่เสี่ยวเทียน ฉินเทียนเรียกว่าน้องรั่วหลัน นอกจากความรู้สึกที่อบอุ่นแบบพี่น้องแล้ว ก็ไม่ได้มีเจตนาไม่ดีอะไรอีก

“วางใจเถอะ มอบให้เป็นหน้าที่ฉันเอง”

“ขอเพียงแค่ให้เธอมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ ฉันจะต้องหาเธอพบอย่างแน่นอน!”ฉินเทียนกล่าวต่อฮันหลิงอย่างมุ่งมั่น

แล้วพุดคุยกันอีกไม่กี่ประโยค เพราะฮันหลิงกังวลว่าหลังจากที่เจียวเหลียงกลับไปแล้ว อาจจะเริ่ใแก้แค้นครอบครัวของเธอ ในมือมีเงินที่จะช่วยชีวิตได้แล้ว เธอจำเป็นที่จะต้องกลับไปให้เร็วที่สุด

ฉินเทียนให้เฉินเสี่ยวอี้ขับรถ แล้วไปส่งฮันหลิงที่สนานบินด้วยตัวเอง

แล้วนัดหมายกับเธอว่า หลังจากนี้อย่างน้อยที่สุดหนึ่งเดือน จะไปหาเธอที่ฮั่นจง เมื่อถึงเวลานั้นค่อยไปตรวจสอบเรื่องของตระกูลหูด้วยกัน เพื่อแก้แค้นให้กับตระกูลหู

เมื่อออกมาจากสนามบิน ตอนที่เตรียมตัวที่จะกลับไป ทันใดนั้น ก็มีรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์สีดำคันหนึ่งพุ่งเข้ามา แล้วขวางรถโตโยต้าของพวกเขาเอาไว้

เฉินเสี่ยวอี้กระโดดลงไปจากรถเตรียมที่จะต่อว่า แต่ทว่า เมื่อเห็นคนที่ลงมาจากข้างในรถแล้ว เขาก็หดคอลงด้วยความตื่นตกใจ แล้วกลืนมันกลับลงไป

คนที่ลงมาจากรถไม่ใช่ใครอื่น นั่นก็คือคนที่มีสีหน้าบูดบึ้งอย่างอูเถิง

“พ่อบุญธรรม” เฉินเสี่ยวอี้แลบลิ้นออกมา

อูเถิงส่งเสียงฮึดฮัด แล้วขี้เกียจเกินกว่าที่จะสนใจเฉินเสี่ยวอี้ เขาถอนหายใจ แล้วกล่าวกับฉินเทียนว่า “คุณฉิน ผมคิดว่าคุณจะนั่งเครื่องบินจากไปเสียอีก”

“ทำไมถึงไม่ไปล่ะ? ยังกลับมาอีกทำไมกัน?”

“คุณฟังผมนะ ซูซูกิเตรียมหาคนที่จะมาฆ่าคุณแล้วนะ”

“มันยังไม่สายเกินไป คุณซื้อตั๋วแล้วบินไปตอนนี้เลย ยังทันอยู่นะ”

“หาคนมาฆ่าฉัน?” ฉินเทียนเลิกคิ้วขึ้น “ในที่สุดซูซูกิก็ต้องการใช้คนของเทพลักซ่อนแล้วอย่างนั้นเหรอ?”

“ที่นี่เป็นเขตอิทธิพลของเทพลักซ่อน ผมเห็นแก่หน้าของพวกคุณ ดังนั้นพวกเราจะยึดถือตามกฎของยุทธภพ”

“แต่ทว่า หากพวกคุณไม่มีเหตุผล ก็อย่าโทษว่าข้าเหี้ยมโหดไร้ความเมตตาก็แล้วกัน”

อูเถิงถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ แล้วกล่าวว่า “ซูซูกิก็รู้ หากว่าผลีผลามใช้คนของเทพลักซ่อนมาจัดการคุณ อาจจะมีความผิด”

“นอกจากนี้ เขาจะถูกคุณยับยั้งอีกด้วย เรื่องที่น่าขายหน้าเช่นนี้ ตอนนี้เขาก็ไม่มีหน้าที่จะไปพูดกับเพื่อนร่วมรุ่นของเทพลักซ่อนเช่นกัน”

ฉินเทียนกล่าวด้วยความสงสัยว่า “ถ้าอย่างนั้นเขาจะหาคนจากที่ไหนมาฆ่าฉัน?”

“จ้างวานนักฆ่าอย่างนั้นเหรอ?”

“คือคนของต้วนเตาหลิว” สีหน้าของอูเถิงจริงจังอย่างผิดปกติ เขาได้เอาจดหมายฉบับหนึ่งมอบให้กับฉินเทียน พลางกล่าวว่า “คุณลองดูสิ”

“นี่คือจดหมายท้าทายที่ซูซูกิมอบให้กับคุณ”

“พ่อบุญธรรม คุณบอกว่า ต้วนเตาหลิวอย่างนั้นเหรอ?”สีหน้าของเฉินเสี่ยวอี้เปลี่ยนไปอย่างมาก

อูเถิงพยักหน้าอย่างจริงจัง

ต้วนเตาหลิว เก่งกาจมาเลยอย่างนั้นเหรอ? เมื่อมองการแสดงออกของพวกเขา ฉินเทียนก็อดที่จะสงสัยไม่ได้

เขาฉีกซองจดหมายออก พบว่าข้างในมีจดหมายท้าประลองอยู่ด้านบน มีตัวอักษรหวัดมากอยู่แถวหนึ่ง

ความหมายส่วนใหญ่ เป็นการได้รู้ว่าฉินเทียนเป็นมังกรดุร้ายที่ข้ามแม่น้ำมา และมิยาโมโตะของต้วนเตาหลิว ที่เป็นชื่อแลกเปลี่ยนในโลกของศิลปะการต่อสู้เท่านั้น ก็ได้นัดหมายเขาออกมาในคืนนี้ เมื่อเวลาที่พระจันทร์เต็มดวง เขาจะรออยู่ทางฝั่งตะวันออกของโทยามะซึ่งเป็นพื้นที่ราบระหว่างภูเขาแล้วมาประลองฝีมือกัน

อูเถิงอธิบายด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

“มีหลายคนรู้สึกว่า นินจาเป็นการแสดงถึงวิถีการต่อสู้ของญึ่ปุ่น แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่เลย”

“ถึงแม้ว่ากลุ่มนินจาในญึ่ปุ่นจะเจริญรุ่งเรือง แต่ความจริงแล้วพวกเขามีฐานะที่ต่ำต้อยมาก และไม่เคยถูกรับการยอมรับว่าเป็นวิถีการต่อสู้หลักเลย”

“และการสิ่งที่เป็นตัวแทนวิถีการต่อสู้หลักของญี่ปุ่น กลับเป็นซามูไร”

“และต้วนเตาหลิว ก็กลายเป็นนิกายหนึ่ง ที่เป็นวิหารแห่งจิตวิญญาณของซามูไรทั้งหมด”

“มิยาโมโตะคนนี้ เป็นศิษย์พี่ของซูซูกิ กล่าวว่า เทคนิคต้วนเตาก็เป็นสไตล์ดาบของเขาอีกด้วย และมันมาถึงระดับสูงสุดของความสมบูรณ์แบบเรียบร้อยแล้ว”

“ฉินเทียน มิยาโมโตะท้าทายคุณ คิดว่าจะมาระบายความโกรธเคืองแทนซูซูกิ”

“เชื่อผมเถอะ ตอนนี้คุณไม่มีทางเลือกอีกแล้ว มีเพียงแต่ออกจากไปเดี๋ยวนี้!”

“นี่ก็เป็นสิ่งสุดท้ายที่ผมพอจะช่วยเหลือคุณได้แล้ว”

“หากว่าคุณยอมรับคำท้าทายของมิยาโมโตะไปแล้ว ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ คุณต้องตายแน่นอน!”

ฉินเทียนยิ้มเยาะแล้วกล่าวว่า “คุณคิดว่า หากผมแพ้ให้กับมิยาโมโตะ คงจะถูกฆ่า ณ สถานที่นั้นในทันทีอย่างแน่นอนสินะ และถึงแม้ว่าจะชนะ ก็อาจจะผิดใจกับทั้งองค์กรซามูไรต้วนเตาหลิวด้วย”

“แล้วต่อไป ก็อาจจะต้องเผชิญกับการล้างแค้นที่ไม่รู้จบอย่างนั้นใช่ไหม?”

“ใช่แล้ว!”อูเถิงกล่าวอย่างจริงจัง “และให้กล่าวจากจุดนี้ ซามูไรของญี่ปุ่นก็มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวอย่างมาก”

“พวกเขาอาจจะท้าทายคุณอย่างไม่สิ้นสุด หรืออาจจะลอบสังหารคุณ จนกว่าพวกเขาจะได้สิ่งที่คิดไว้กลับคืนมา มันเป็นศักดิ์ศรีของพวกเขา”

ฉินเทียนยิ้มแล้วกล่าวว่า “น่าสนใจขึ้นมาหน่อยแล้วสิ”

“เดี๋ยวที่สำนักนินจาของอู้ไถจะมีการประชุมใหญ่แลกเปลี่ยนขึ้น ตอนนี้ก็คือต้วนเตาหลิวแล้ว”

“ดูเหมือนว่าผมจะโชคดีมากเลย ทันทีที่มาก็ทำให้ทั้งสองสำนักในญี่ปุ่นเกิดมีส่วนร่วมกันเสียแล้ว”

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็การทำตามคำสั่งดีกว่าการทำความเคารพเถอะ”

อูเถิงกล่าวขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ “คุณต้องการที่จะรับคำท้าอย่างนั้นเหรอ?”

ฉินเทียนถือโอกาสเอาจดหมายท้าประลองใส่เข้าไปในกระเป๋า แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “อูเถิงรบกวนคุณกลับไปบอกกับซูซูกิและมิยาโมโตะด้วยนะ บอกไปว่าผมรับจดหมายท้าประลองไปแล้ว”

“คืนนี้เมื่อพระจันทร์เต็มดวง จะรออยู่ฝั่งตะวันออกของโทยามะซึ่งเป็นพื้นที่ราบระหว่างภูเขา ไม่เจอไม่กลับ”

อูเถิงอ้าปากค้างจนพูดอะไรไม่ออก ฉินเทียนคนนี้ ที่จริงแล้วรู้หรือไม่ว่ามิยาโมโตะเก่งกาจมากแค่ไหน?

และที่จริงแล้วรู้หรือไม่ ว่าต้วนเตาหลิวน่ากลัวขนาดไหน?

ปฏิกิริยาที่ตอบสนองกลับมา คือเขากล่าวด้วยความโมโหว่า “คุณเป็นเพียงแค่ทูตพิเศษตัวเล็กคนหนึ่งที่หลงหยินส่งมาเท่านั้น ที่จริงแล้วคุณอยากที่จะทำอะไรกันแน่?”

“คุณไม่ควรที่จะคิดว่า การทำด้วยกำลังของตัวคุรเอง จะสามารถที่จะเขย่าขวัญเทพลักซ่อน หรือแม้แต่วิถีการต่อสู้ทั้งหมดของญี่ปุ่นได้อย่างนั้นเหรอ?”

ฉินเทียนหัวเราะเยาะพลางกล่าวว่า “แม้ว่าผมจะเป็นเพียงแค่ทูตพิเศษตัวเล็กๆ แต่ก็มีภารกิจติดตัวมาด้วย หน้าที่ยังไม่เสร็จเรียบร้อย แน่นอนว่ายังไม่อาจออกไปได้อยู่แล้ว”

“ไม่อยากที่จะเห็นเลือดก็ได้ เช่นนั้นก็ให้เจ้านายใหญ่ของเทพลักซ่อนออกมาพบหน้าผม!”

“แล้วเอาคู่กรณีที่สังหารซีซุนและจินหูพวกเขาในปีนั้น แล้วยังมีแฟ้มคดี ส่งทั้งหมดนั้นออกมา!”

“ขอเพียงผมค้นพบอะไรที่น่าสงสัยแม้แต่น้อย ผมต้องการให้เทพลักซ่อนทั้งหมด ร่วมมือให้กับการตรวจสอบของผม!”

“หากว่ากินอยู่ดีๆ แล้วไม่ชอบ เช่นนั้นก็อย่าโทษที่ผมต้องบังคับก็แล้วกัน!”

“คุณ——”

“คุณนี่ไม่เข้าใจเหตุผลจริงๆ เลย!”

“จองหอง!”

“คุณคิดว่าคุณเป็นใครกัน! เป็นเจ้านายใหญ่ของวิหารเทพหรือไง? ถึงได้ทำให้เทพลักซ่อนทั้งหมดให้ความสนใจแล้วมาเผชิญหน้ากับศัตรูที่น่าเกรงขามเช่นนั้นได้!”

อูเถิงโกรธจนหน้าบิดเบี้ยวไปหมดแล้ว

หื้ม?

เมื่อได้ยินคำพูดนั้น หัวใจของเฉินเสี่ยวอี้ก็เต้นรัว แล้วกล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “พ่อบุญธรรม เกิดอะไรขึ้นกับวิหารเทพอย่างนั้นเหรอ?”

“หรือว่า เจ้านายใหญ่ของวิหารเทพ ราชาเทพผู้นั้นจะมาญี่ปุ่นแล้วอย่างนั้นเหรอ?”