ตอนที่ 982 อ่อนข้อให้

เนตรเซียนทะลุสมบัติ

ตอนที่ 982 อ่อนข้อให้

 

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ซุนเชี่ยนหยุนหยิบโทรศัพท์มากดรับและส่งให้หยางโป ” ของนาย ”

 

หยางโปนิ่งอึ้งไปทันที “ ใคร ? ”

 

“ นายรับสายเดี๋ยวก็รู้เอง ” ซุนเชี่ยนหยุนกล่าว

 

หยางโปรับสาย “ สวัสดี ”

 

“ ชุยอี้โปใช่ไหม ? สวัสดี ผมเป็นเลขาของคุณชุย คุณเรียกผมว่าเหล่าลู่ก็ได้ คุณซุนใช้ให้ผมมาคุยกับคุณเกี่ยวกับเรื่องนี้ ยังไงซะ มันก็มีทางออกเสมอ ” เลขาลู่กล่าว

 

หยางโปขมวดคิ้ว “ ผมต้องการให้ซุนเหอจั๋วติดคุก ! ”

 

อีกฝ่ายดูเหมือนจะหน้าเหวอไปเลย แต่ก็เรียกคืนสติกลับมาอย่างรวดเร็ว “ สิ่งที่คุณต้องการมันก็สมเหตุสมผล เหอจั๋วทำเรื่องแบบนี้ ก็ควรรับผิดชอบ แต่ถ้าตอนนี้คุณตีเขาจนขาหัก ก็น่าจะต้องรับโทษตามกฎหมายด้วยเหมือนกันถูกไหม ? ”

 

หยางโปแสดงท่าทีฮึดฮัดไม่พอใจ “ ความจริงใจที่คุณลู่มีให้ยังไม่เพียงพอนะ ! ”

 

เลขาลู่ยิ้ม “ เอาแบบนี้ก็แล้วกัน พวกเราถอยกันคนละก้าว ตระกูลซุนจะไม่ติดใจเอาความคุณที่ทำให้ขาของเหอจั๋วหัก แน่นอนแค่ขาหักไม่สามารถตีราคากับชีวิตหนึ่งได้ ต่อไปตระกูลซุนจะส่งซุนเหอจั๋วเข้าคุกเองสามปี อย่างน้อยก็ให้เขาอยู่ในนั้นสามปี ! ”

 

หยางโปแปลกใจมาก เขาคิดว่าการโทรมาครั้งนี้ทั้งหมดก็เพียงเพื่ออ้อนวอนให้กับกับซุนเหอจั๋ว

 

แต่คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะยอมให้ได้มากแบบนี้ !

 

“ สามปีมันน้อยเกินไป ” หยางโปกล่าว

 

เลขาลู่หัวเราะ “ คุณชุย ถ้าผมให้สัญญากับคุณสิบปีแปดปีจริง คุณจะเชื่อไหม ? ”

 

หยางโปอึ้งไปเล็กน้อย ส่ายหน้าช้าๆ นี่เป็นความจริง

 

เลขาลู่กล่าวต่อ “ ในขณะเดียวกัน ทางเราจะชดเชยความเสียหายให้กับครอบครัวของเหยื่อ

 

ส่วนเงินชดเชยเท่าไรนั้น คุณสบายใจได้ เงื่อนไขพวกนี้พอได้ไหม ? ”

 

หยางโปพยักหน้า เงื่อนไขของอีกฝ่ายถือว่ามีความจริงใจมาก แต่เขาแปลกใจอยู่อย่าง ตระกูลซุนมีอิทธิพลมากแบบนี้ จะยอมแพ้ง่ายๆได้ยังไง ?

 

แต่ยังไงซะหยางโปก็ไม่ได้คิดมาก “ ตกลง ถือว่าพวกคุณมีความจริงใจให้ ให้คนที่อยู่ข้างนอกถอยออกไปก่อน ! ”

 

เลขาลู่ยิ้ม “ คุณชุยร้ายกาจอย่างที่พูดกันจริงๆ ถ้าอย่างนั้น ผมจะให้คนถอยออกไปเดี๋ยวนี้ ”

 

จากนั้นไม่นาน หยางโปก็เห็นคนที่อยู่ด้านนอกถอยห่างออกไป เขาถึงได้ปล่อยตัวซุนเหอจั๋ว

 

และหันไปพูดกับซุนเชี่ยนหยุน “ หวังว่าพวกเธอจะทำอย่างที่พูดมานะ ! ”

 

ซุนเชี่ยนหยุนมองไปที่ซุนเหอจั๋วที่นอนอยู่บนพื้นด้วยท่าทางที่หายใจรวยริน ก็อดที่จะมองหยางโปอย่างเคืองแค้นใจไม่ได้ แต่ก็ไม่พูดอะไร

 

หยางโปไม่พูดอะไรมาก ขึ้นรถแล้วขับออกไปทันที

 

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกลุ่มหนึ่งรีบวิ่งเข้ามา คิดที่จะช่วยส่งซุนเหอจั๋วไปโรงพยาบาล

 

แต่ซุนเหอจั๋วจ้องมองพวกเขาอย่างเย็นชา “ พวกแกกลุ่มนี้มันไร้ประโยชน์ ยังมาทำอะไรที่นี่อีก ? ”

 

หยางโปขับรถกลับมาที่สถานีตำรวจก็เห็นหลินหลินและฮัวชิงหยุนยังคงคอยอยู่ที่นี่ ขณะที่

 

จางลี่หยงและภรรยากำลังนั่งอยู่ข้างใน กำลังพูดคุยอะไรบางอย่างกันอยู่

 

เมื่อเห็นหยางโปกลับมา หลินหลินก็เข้าไปทักทาย “ เป็นยังไงบ้าง ? ”

 

หยางโปพยักหน้า ” แม่ พวกเรากลับกันเถอะ เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟัง ”

 

“ ฆาตกรตัวจริงถูกจับตัวได้หรือยัง ? ” หลินหลินถาม

 

“ แม่อย่ากังวลไปเลย ฆาตกรตัวจริงถูกผมกระทืบจนขาหักไปแล้ว เดี๋ยวก็จะถูกส่งตัวมาที่นี่แล้ว ” หยางโปตอบ

 

หลังจากขึ้นรถ หยางโปก็เล่ารายละเอียดและแนะนำสถานะของซุนเหอจั๋วให้ฟัง

 

หลินหลินตกใจมาก ” ถ้าลูกบอกก่อนหน้านี้ และรู้ว่าครอบครัวของพวกเขามีอิทธิพลมากขนาดนี้ แม่จะไม่ปล่อยให้ลูกไปยุ่งด้วยเลย ”

 

ในขณะที่พูดคุยกันอยู่นั้น โทรศัพท์ของหยางโปก็ดังขึ้น เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาดู เห็นว่าเป็นสายโทรเข้ามาของชายชรา ก็รู้สึกลังเลเล็กน้อย จากนั้นเขาก็กดรับสาย

 

“ คุณปู่ ” หยางโปหยุดรถข้างถนนแล้วเอ่ยปากพูด

 

ผู้เฒ่าชุยขานรับ “ ช่วงนี้อารมณ์ร้อนไปหน่อยนะ แต่ฉันก็ได้ยินเรื่องนี้มาแล้วเหมือนกัน ลูกๆของตระกูลซุนไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ก็ควรที่จะได้รับการสั่งสอน ควรที่จะติดคุก แต่แกก็ลงมือหนักไปหน่อย ! ”

 

“ คุณปู่ยังไม่รู้ ตอนนั้นแม่ของผมอยู่ด้านข้าง เกือบจะถูกรถชนเข้าให้แล้ว ” หยางโปอธิบาย

 

ผู้เฒ่าชุยตกตะลึงไปครู่หนึ่ง “ แม่แกไม่เป็นไรใช่ไหม ? ”

 

“ โชคดีที่เธอถูกบอดี้การ์ดดึงตัวหลบออกมา ดังนั้นเด็กผู้หญิงสองคนที่อยู่ข้างหลังเธอเลยถูกชนเข้าอย่างจัง ” หยางโปกล่าว

 

ชายชราพยักหน้า ” อืม ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ตอนนี้แกพอจะมีเวลาไหม ? มาหาฉันหน่อยสิ ฉันมีเรื่องจะคุยกับแกหน่อย ”

 

“ ตอนนี้ ? เดี๋ยวผมขับรถไปหา ” หยางโปพูด

 

“ ไม่เป็นไร แกกลับไปก่อน ฉันจะส่งรถไปรับแกเอง ” ชายชราพูด

 

หยางโปค่อนข้างแปลกใจ เพราะทุกครั้งที่ไปบ้านของชายชรา เขาจะขับรถไปเอง ยังไม่เคยได้รับการปฏิบัติแบบนี้มาก่อน

 

อย่างไรก็ตาม หยางโปก็กลับไปที่เรือนสี่ประสาน ผ่านไปสักพักท่ามกลางฝูงชน ก็มีรถมารออยู่ด้านนอกประตู จากนั้นเขาก็ขึ้นรถไปเพียงลำพัง

 

คนขับรถเป็นชายร่างกำยำวัยสามสิบกว่า ดูเหมือนคนแปลกหน้า หยางโปอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “ สวัสดี ทำไมผมไม่เคยเห็นคุณมาก่อน ? ”

 

ชายคนนั้นเหลือบมองมาทางหยางโป แต่ไม่พูดอะไร ทำหน้าที่ขับรถต่อ

 

ไม่นานหยางโปก็พบว่าเส้นทางนั้นผิด นี่ไม่ใช่เส้นทางไปบ้านเก่า เขามองไปที่ชายร่างกำยำ

 

“ นี่พวกเราจะไปไหนกัน ? ”

 

ในที่สุดชายคนนั้นก็ตอบคำหนึ่ง “ กรุณาอย่าใจร้อน ! ”

 

ระหว่างการสนทนา รถคันนั้นก็ขับตรงไปยังใจกลางเมือง ไม่นาน รถก็ขับเข้าไปในบริเวณกำแพงสีแดง หยางโปรู้สึกแปลกใจมาก เพราะแต่ก่อนเขาเคยขับรถผ่านแค่ภายนอก ยังไม่เคยเข้ามาที่นี่เลย !

 

รถขับมาอย่างราบรื่นไม่มีสิ่งกีดขวางตลอดทาง ขับเข้ามาในจงหนานไห่ คิดไม่ถึงว่าตลอดทางไม่ถูกตรวจสอบเลย ทำให้หยางโปแปลกใจมาก เพราะเขารู้สึกว่าแม้แต่รถของชายชราก็คงไม่สามารถทำแบบนี้ได้ !

 

รถเข้าไปจอดอยู่ที่อาคารอิฐกระเบื้องสีเขียวหลังหนึ่ง จากนั้นคนขับก็วิ่งเข้ามาช่วยหยางโปเปิดประตูรถ และเชิญเขาเข้าไป

 

หยางโปอยากรู้อยากเห็นมาก มองสำรวจไปรอบๆ แม้ว่าที่นี่จะอยู่ในใจกลางเมือง แต่ภายในค่อนข้างเงียบสงบ ล้อมรอบด้วยอิฐสีเขียว กระเบื้องสีเขียว ต้นไม้เขียวชอุ่ม เขาเดินเข้าไปตามที่คนขับบอก

 

เมื่อเข้าไปในห้อง หยางโปกลับพบว่า ภายในมีการตกแต่งอย่างทันสมัย พอเงยหน้ามองขึ้นไป

 

เขาก็เห็นว่าตรงหน้ามีชายชราหลายคนนั่งอยู่ข้างหน้า ที่อยู่ท่ามกลางชายชรานั้น มีพ่อของ

 

ซุนเหอจั๋วอยู่ด้วย เขาถึงจะนึกขึ้นมาได้ ไม่แปลกใจเลยที่เมื่อสักครู่จะจัดการด้วยวิธีอย่างนั้น !

 

หยางโปก้าวไปข้างหน้า “ คุณปู่ สวัสดี คุณลุงและคุณปู่ทุกท่าน ! ”

 

ทุกคนหัวเราะฮ่าๆดังลั่นออกมา ชายชราที่นั่งตัวตรงยิ้มแล้วพูดว่า “ เจ้าเด็กคนนี้หัวเจ้าเล่ห์นัก ! แต่ก็ยังเลือดร้อนอยู่มาก ในสายตาของพวกเราแล้ว พวกนี้ก็ยังเป็นเด็กอยู่เลย ในเมื่อทำผิดก็ต้องโดนลงโทษ แต่เสี่ยวโป วิธีการของนายมันก็ค่อนข้างรุนแรงเกินไปหน่อย คราวหน้าต้องระวังด้วยล่ะ ! ”

 

หยางโปเหลือบมองไปที่ซุนคุนหลิน เมื่อเห็นเขาหน้าเขียวปัด หยางโปก็ก้มหน้าลงเล็กน้อย

 

” ใช่ ผมหุนหันพลันแล่นเกินไปจริงๆ ”

 

ซุนคุนหลินจ้องหน้าหยางโปเขม็ง เกือบจะกัดเขา นี่มันหุนหันพลันแล่นอย่างงั้นเหรอ ? หุนหันพลันแล่นจนสามารถหักขาทั้งสองข้างของซุนเหอจั๋วได้เลยเนี่ยนะ ?

 

แต่เป็นเพราะคนกลุ่มนี้อยู่ที่นี่ ซุนคุนหลินเลยต้องเก็บอาการเอาไว้ !

 

หยางโปมองดูทุกคนแล้วพึมพำอยู่ในใจ ไม่รู้ว่าพวกเขาตามหาตัวเองด้วยเรื่องอะไร