ตอนที่ 370 แสดงอาการหึงหวง

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 370

แสดงอาการหึงหวง

“เช่นนั้นองค์หญิง เรามาดูกันว่าองครักษ์ของใครจะแข็งแกร่งกว่ากัน”องค์ชายอินสิงพูดพลางเดินพาองครักษ์ของตนเองออกมาที่สวนแห่งหนึ่งในวังหลวงของอาณาจักรชู

“เช่นนั้นองค์ชายอยากจะประลองอย่างไรเจ้าคะ”ไป๋หลินถามพลางมองพี่ไป๋ไป่ของนางที่อยู่ข้างๆ ไม่ว่าจะประลองตัวต่อตัวหรือรุมพี่ไป๋ไป่ก็ไม่น่าแพ้ระดับยอดฝีมือแค่ 12 คนหรอก

“หน้าที่ขององครักษ์คือปกป้องนายของตน เรามาแข่งกันดีกว่าว่าใครจะปกป้องเจ้านายของตัวเองได้นานกว่ากัน”ได้ยินที่องค์ชายอินสิงเสนอไป๋หลินก็ขมวดคิ้วงุนงงทันที

“ท่านหมายความว่าอย่างไร”ไป๋หลินถามเพราะนางไม่เข้าใจว่าองค์ชายอินสิงต้องการประลองแบบไหน

“กฎก็คือ หากองครักษ์ของข้าแตะตัวองค์หญิงได้ข้าก็ชนะ แต่ถ้าองครักษ์ขององค์หญิงแตะตัวข้าได้องค์หญิงก็ชนะ แน่นอนว่าจำกัดพื้นที่เพียงแค่ในสวนนี้เท่านั้น”อินิสิงว่าพลางผายมือไปรอบๆ ตัวอินสิงไม่ใช่ว่าจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับไป๋ไป่เลย มันทราบว่านางเป็นอสูรที่แข็งแกร่งมากทีเดียวมันจึงไม่ได้เสนอการประลองแบบเอาชนะ และการที่มันเตรียมคนมามากกว่าปกติก็ไม่ได้กะจะล้มไป๋ไป่ให้ได้แต่แรก แต่มันต้องการให้มีคนถ่วงไป๋ไป่เอาไว้แล้วบุกเข้าไปจับตัวไป๋หลินให้ได้เท่านั้น แน่นอนว่าเรื่องนี้มันได้เปรียบอยู่แล้ว สิ่งที่ยากที่สุดคือการกล่อมให้องค์หญิงยอมเล่นด้วย

“ก็ได้เจ้าค่ะ”ไป๋หลินตอบด้วยท่าทีมั่นใจ แม้อินสิงจะไม่ได้ประมาทแต่ท่าทางอินสิงจะยังไม่ได้ข้อมูลมาลึกอย่างที่มันคิด ต้องชมที่มันไม่ประมาทไป๋ไป่แต่มันก็ยังประเมินไป๋ไป่น้อยไปอยู่ดี

“ถ้าเช่นนั้นเริ่มกันเลย”อินสิงพูดพลางกระโดดถอยไปด้านหลัง ตัวมันอยู่ระดับก่อกำเนิดพลังเซียนไม่ได้กลัวชิงชิวอยู่แล้ว สิ่งที่มันต้องระวังคือไป๋ไป่เท่านั้น

ฟุบๆๆๆๆ…..ร่างของยอดฝีมือพุ่งวาบเข้าหาไป๋ไป่และไป๋หลินทันที แน่นอนว่าไป๋ไป่ไม่รอช้ากางปีกทั้ง 6 ข้างออกพร้อมคืนร่างมังกรในทันที งานนี้นางต้องขวางคนทั้ง 12 ให้ได้ขนาดตัวจึงสำคัญทีเดียว

เปรี้ยง!!! ปีกของไป๋ไป่และหางกวาดเอาร่างของยอดฝีมือทั้ง 12 คนจนล้มคว่ำ นางไม่สามารถฆ่าพวกมันในการประลองได้ก็เลยไม่ได้ใช้ปีกตัดร่างของพวกมันแต่อย่างไร

ฟุบ….ร่างของยอดฝีมือคนหนึ่งฝืนแทรกตัวเข้าไประหว่างปีกกับหางของไป๋ไป่ทำให้มันสามารถทะลุเข้าไปหาไป๋หลินได้สำเร็จ เพียงแต่ไป๋หลินไม่ใช่เจ้าหญิงผู้บอบบางที่จะหวังให้คนมาปกป้องนางเท่านั้น

แกร๊ก!! กำแพงน้ำแข็งถูกสร้างขึ้นมาขวางระหว่างไป๋หลินกับยอดฝีมือที่แทรกเข้ามาได้

เพร๊ง!! ยอดฝีมือคนนั้นเกร็งหมัดต่อยอัดกำแพงน้ำแข็งจนแตกกระจาย ก่อนจะพุ่งเข้าหาตัวไป๋หลินในทันที

“ขออภัยขอรับองค์หญิง”ชายคนนั้นพูดพลางแตะไปที่บ่าของไป๋หลินในทันที ทำให้อินสิงที่อยู่ด้านหลังยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ

“อาก”อยู่ๆชายคนนั้นก็ร้องออกมาเมื่อมือของมันโดนน้ำแข็งกัดเข้าให้ พริบตาเดียวที่แตะไปที่ร่างของไป๋หลินแขนของมันก็โดนแช่แข็งจนเกือบถึงศอก นับเป็นไอเย็นที่น่ากลัวไม่น้อย

“นี่มัน…ร่างปลอม”ชายคนนั้นว่าพลางดึงมือของตนออกมา เมื่อมองดีๆแล้วกลับพบว่าไป๋หลินที่มันจับตัวไปเมื่อครู่เป็นร่างจำแลงที่สร้างจากน้ำแข็งเสียอย่างนั้น

“ข้าคงไม่ให้จับตัวง่ายๆหรอกเจ้าค่ะ”ไป๋หลินว่าพลางเดินออกมาจากกำแพงน้ำแข็ง

“ท่านไม่ได้บอกว่าข้าห้ามตอบโต้ด้วย หวังว่าองค์ชายอินสิงจะไม่เพิ่มกฎเข้ามานะเจ้าคะ”ไป๋หลินเดินออกมาจากกำแพงน้ำแข็งอีกร่าง ทำเอายอดฝีมือคนนั้นแดประหลาดใจไม่ได้ มันไม่เคยเห็นร่างแยกที่เหมือนจริงแบบนี้มาก่อน แม้แต่พลังวิญญาณยังเหมือนกันหมดทุกร่าง แถมจำนวนยังมากขึ้นเรื่อยๆอีกต่างหาก ถึงมันจะใช้กับชิงชิวไม่ได้เลยแต่กับคนอื่นมันได้ผลดีทีเดียว

ตูม!! ร่างของยอดฝีมืออีกคนหนึ่งทะยานลงมาตรงกำแพงน้ำแข็งพอดี ท่าทางในกลุ่มองครักษ์จะเป็นยอดฝีมือที่เก่งพอสมควรพวกมันถึงได้หนีออกจากการโจมตีของไป๋ไป่มาได้ถึง 2 คน

“ร่างจำแลงน้ำแข็งก็ต้องละลายมันซะ”ชายที่พึ่งมาถึงพูดพลางเรียกลูกไฟออกมาจากมือ ยิ่งมันเพิ่มแรงไฟเท่าไหร่น้ำแข็งรอบๆก็ยิ้มละลายเร็วขึ้นเท่านั้น ทำให้ร่างปลอมของไป๋หลินเริ่มละลายช้าๆจนรักษารูปลัหษณ์เอาไว้ไม่ได้

“ร่างนั้น”ชายคนนั้นว่าพลางชี้ไปที่ไป๋หลินที่ยืนอยู่มุมหนึ่งของสวน ร่างอื่นๆละลายจนเผยเนื้อน้ำแข็งออกมาแล้ว มีเพียงร่างนั้นร่างเดียวที่ไม่ละลายเลย

วูบ…ร่างของยอดฝีมือคนแรกพุ่งเข้าไปอย่างรู้งานทันที เพียงแต่ก่อนจะถึงตัวไป๋หลินร่างของมันก็เหมือนจะโดนดึงเสียก่อน

ตูม!! อยู่ๆร่างของชายที่ใช้ลูกไฟก็โดนดึงไปตามแรงของยอดฝีมือคนแรก ทำให้ชายคนนั้นเสียการควบคุมจนปล่อยลูกไฟระเบิดหายไป เมื่อตรวจสอบดีๆก็พบว่าร่างของมันกับสหายนั้นโดนใยแมงมุมมัดติดกันเอาไว้จนไปไหนไม่ได้

“ใยอะไรกัน ทำไมมันแข็งแบบนี้”ชายคนแรกว่าพลางพยายามตัดใยแมงมุมออก แต่อาวุธของมันกลับทำอะไรไม่ได้เลย

“ใจเย็น รีบแกะมันออกก็พอ”ชายคนที่สองว่าพลางพยายามปลดใยแมงมุมออก โชคดีที่ใยแมงมุมของไป๋หลินไม่ได้เหนียวมากทำให้ยังสามารถแกะได้

“อากกกก”ยังไม่ทันได้ทำอะไรเสียงร้องโหยหวนก็ดังมาจากฝั่งของไป๋ไป่ เมื่อมองดีๆแล้วก็พบว่าเพื่อนอีก 10 คนของมันนอนล้มอยู่กับพื้นท่าทางจะไม่ได้สติกันหมดแล้ว แสดงว่าพวกมัน 2 คนไม่มีตัวช่วยอะไรอีกแล้วนั่นเอง

พรึบ!!! ปีกทั้งหกของไป๋หลินกางออกอย่างสวยงาม แต่ภาพอันแสนสวยงามนั้นกลับทำให้ยอดฝีมือทั้งสองขนลุกวาบ พวกมันต้องโจมตีเดี๋ยวนี้เพราะหากไป๋ไป่เข้ามาพวกมันต้องโดนจัดการอย่างแน่นอน

ฟุบ…ร่างของคนทั้งสองทะยานเข้าหาไป๋หลินโดยปล่อยไป๋ไป่ไว้เบื้องหลัง พวกมันพุ่งออกมาด้วยความเร็วสูงมากเพราะกลัวว่าไป๋ไป่จะตามพวกมันมาทัน

กึด…ร่างของพวกมันทั้งสองโดนใยแมงมุมของไป๋หลินสกัดเอาไว้ทำเอาพวกมันฝ่าเข้าไปได้เพียงตรงหน้าไป๋หลินเท่านั้น อีกเพียงนิดเดียวก็จะแตะตัวไป๋หลินได้อยู่แล้วเชียว

“พวกท่าน”ไป๋หลินพูดพลางยิ้มหวานออกมา นางมองไปทางยอดฝีมือทั้งสองที่สามารถฝ่าไป๋ไป่มาได้อย่างชื่นชม

“อย่าจับตัวข้าเลยนะเจ้าคะ”ไป๋หลินพูดพร้อมรอยยิ้ม แน่นอนพวกมันสมควรจะปฏิเสธคำขอร้องของไป๋หลิน เพราะมันรับใช้องค์ชายอยู่ แต่ทันทีที่โดนขอร้องพวกมันก็มือไม้อ่อนขึ้นมาเสียอย่างนั้น

“องค์หญิง พวกเรา”ชายคนแรกพูดด้วยท่าทีตะกุกตะกัก เพียงคำขอร้องสั้นๆพวกมันก็เหมือนจะหมดแรงจูงใจในการจับตัวไป๋หลินไปเสียอย่างนั้น

เปรี้ยง!! หางของไป๋ไป่ฟาดใส่ร่างของชายทั้งสองในทันทีหลังจากไป๋ไป่ตามมาทัน นางปักเสียร่างของทั้งสองคนลอยไปตืดกำแพงสวนก่อนบินขึ้นฟ้าแล้วทิ้งตัวลงมาใช้เท้ากระทืบร่างของพวกมันให้สลบในทันที

“ที่เหลือก็จับตัวองค์ชายสินะ”ไป๋ไป่ว่าพลางมองมาทางองค์ชายอินสิง พลังของไป๋ไป่น่ากลัวกว่าที่อินสิงคิดเอาไว้มาก ไม่นึกเลยว่าแค่นางตนเดียวก็สามารถจัดการยอดฝีมือ 12 ตนได้รวดเร็วถึงเพียงนี้ ทั้งๆที่พวกมันเป็นองครักษ์ที่เก่งที่สุดของอาณาจักรอินแล้วแท้ๆ

ฟุบ…อินสิงกระโดดวูบขึ้นมาบนต้นไม้พลางพยายามหาทางหลบหนี ถึงคนของมันจะไม่เหลือแล้ว แต่มันก็ยังไม่อยากยอมรับความพ่ายแพ้อยู่ดี หากมันหนีไม่ให้ไป๋ไป่จับตัวได้จนหมดเวลา มันก็ยังพอจะมีโอกาสที่คนของตนจะฟื้นก่อน

หมับ…ขณะกำลังจดจ้องไป๋ไป่อยู่นั้นองค์ชายอินสิงก็ถูกมือข้างหนึ่งสัมผัสลงบนไหล่ของตนเสียอย่างนั้น ทำเอาตัวอินสิงตะลึงวูบไปทันที

“นี่เจ้า…”อินสิงมองไปด้านหลังก็พบกับชิงชิวเข้าอย่างจัง เจ้าหมอนี่เข้ามาตอนไหน แถมยังแตะตัวมันไปแล้วอีกต่างหาก

“องค์ชาย เสียมารยาทแล้วขอรับ”ชิงชิวปล่อยมือพลางกระโดดลงจากต้นไม้กลับไปหาไป๋หลินในทันที เท่านี้ก็เป็นอันจบ การท้าพนันครั้งนี้ฝ่ายไป๋หลินชนะไปได้อย่างงดงามทีเดียว

“องค์ชาย หวังว่าท่านจะรักษาคำพูดนะเจ้าคะ”ไป๋หลินพูดพลางปล่อยองค์ชายอินสิงที่มัวตะตะลึงอยู่บนต้นไม้เอาไว้แบบนั้นแล้วพาไป๋ไป่ที่กลับมาอยู่ในร่างมนุษย์แล้วกับชิงชิวเข้าไปในงานอีกรอบ

“ยินดีด้วยขอรับองค์หญิง เท่านี้ก็กำจัดตัวร่ารำคาญไปได้หนึ่งแล้ว”ชิงชิวตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีสบายใจ

“แต่หนทางก็ยังอีกยาวไกลทีเดียว”ไป๋ไป่ว่าพลางมองประตูลานจัดงานที่ค่อยๆเปิดออก ไม่ใช่แค่อินสิงที่เข้ามาตามจีบไป๋หลินแต่อย่างไร แม้จะกำจัดอินสิงไปได้แต่ก็ยังเหลือองค์ชายอีกจำนวนมากที่ยังอยากจะได้เคียงคู่ไป๋หลินอยู่ เรียกได้ว่าแทบจะทันทีที่เปิดประตูเข้ามาพวกองค์ชายต่างก็เริ่มเข้ามาห้อมล้อมกันเสียแล้ว

“องค์หญิงไป๋หลิน ไม่ได้พบกันนานเลยนะขอรับ”ชายคนหนึ่งพูดพลางเดินเข้ามาหาด้วยท่าทียิ้มแย้มเช่นเดียวกับชายหนุ่มที่เหลือออีกหลายๆคน ท่าทางสภาพเช่นนี้ไป๋หลินจะสลัดไม่พ้นเสียแล้ว

“พี่หญิง”อยู่ๆที่ด้านหลังกลุ่มชายหนุ่มพวกนี้ ไป๋ชินอี้ก็เดินเข้ามาหาไป๋หลินด้วยท่าทีนิ่งเฉยราวกับพวกชายหนุ่มรอบๆไม่มีตัวตนอยู่ แน่นอนว่าพวกมันไม่กล้าต่อว่าหรือทำอะไรองค์ชายรัชทายาทของอาณาจักรไป๋อยู่แล้ว

“คนพวกนี้มาทำอะไรงั้นเหรอ”ไป๋ชินอี้ถามพลางมองไปทางเหล่าชายหนุ่มไม่ว่าจะเป็นองค์ชายหรือขุนนางต่างเมืองก็ตาม

“พวกเรา….”

“พวกท่านคิดจะมาแย่งพี่หญิงไปจากข้างั้นเหรอ”ไป๋ชินอี้พูดด้วยท่าทีไม่ชอบใจนักทำเอาเหล่าชายหนุ่มรอบๆเงียบไปทันที

“ข้าไม่ยอมให้ใครแย่งพี่หญิงไปจากข้าทั้งนั้น เพราะฉะนั้นห้ามใครเข้าใกล้พี่หญิงของข้าอีก”ไป๋ชินอี้ว่าพลางกอดเอวของไป๋หลินเอาไว้แน่นพลางมองเหล่าชายหนุ่มรอบๆด้วยสายตาดุดัน พวกมันส่วนใหญ่เป็นองค์ชายอาณาจักรรองๆที่อยากจะเสี่ยงดวงเผื่อได้เป็นคนรักของไป๋หลิน แต่หากต้องกลายเป็นศัตรูกับไป๋ชินอี้รัชทายาทของอาณาจักรไป๋ด้วยเรื่องนี้ละก็พวกมันก็ไม่คิดว่ามันคุ้มค่าแต่อย่างไร

“ชินอี้ไม่ต้องห่วงหรอก พี่สาวไม่ไปกับพวกนั้นหรอก”ไป๋หลินว่าพลางลูบหัวน้องชายเบาๆ สำหรับไป๋หลินตอนนี้แล้วเหมือนได้ชินอี้มาช่วยเอาไว้ไม่มีผิด

“จริงนะพี่หญิง ข้าไม่อยากให้พี่หญิงไปอยู่ที่อื่นนะ”ไป๋ชินอี้ว่าพลางช้อนสายตามองมาทางไป๋หลินด้วยท่าทางกังวลทำเอาหัวใจไป๋หลินแทบจะละลาย เห็นน้องชายหวงตัวเองแบบนี้ทำเอาอยากจะอุ้มชินอี้ขึ้นมากอดมาหอมแก้มเสียให้พอใจ ถ้าไม่ติดว่าอยู่พวกนางกำลังอยู่ในงานพิธีละก็

“จริงจ่ะ พี่จะอยู่กับชินอี้ไปตลอดเลย”ไป๋หลินว่าพลางพาชินอี้กลับไปตรงที่นั่งของตนเอง ท่าทางนางต้องพาชินอี้มาออกงานด้วยบ่อยๆเสียแล้ว พวกองค์ชายจะได้ไม่เข้ามายุ่งกับนาง