ตอนที่ 471: ประตูโลกวิญญาณ

Crazy Leveling System

ภายใต้การนำทางของหนอนใต้พิภพ พวกเขาก็คืบไปข้างหน้าได้อย่างง่ายดาย นอกจากสัตว์อสูรก็ที่กระโจนเข้าใส่ไม่หยุดแล้ว ก็ไม่มีปัญหาอะไรอีก แต่หากผู้มาเป็นผู้ที่มีระดับต่ำแล้วล่ะก็ นี่ก็เปรียบได้กับฝันร้ายเลยทีเดียว แต่สำหรับเขา เรื่องนี้ถือว่าสบายอย่างมาก ไม่เพียงแต่จะมีหนอนใต้พิภพนำทางให้ แต่พลังของมันก็ถือว่าไม่ด้อยเลย

 

ดังนั้น หมอกแห่งความตายที่คอยขัดขวางการก้าวเดินของพวกเขาจึงไม่มีผล เขาก็อยากจะพึ่งวิญญาณนำทางอยู่หรอก ตามทฤษฎีแล้ว มันสามารถนำเขาไปถึงจุดหมายได้ แต่วิญญาณนำทางนี้ กลับบอกเส้นทางเพียงคร่าวๆ เท่านั้น ไม่ได้บอกอย่างละเอียด

 

แน่นอนว่าหากเขาเปิดใช้งานโชคดีแล้วเดินแบบสุ่ม เขาก็สามารถไปถึงจุดหมายได้เช่น ภายใต้ความแข็งแกร่งอันน่าสะพรึงของโชคดี เขาย่อมสามารถไปถึงจุดหมายได้อย่างง่ายดาย แต่ว่านี่จะเป็นการผลาญค่าความคลั่งที่มหาศาลเกินไป ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะไม่ใช้มันดีกว่า

 

เพียงแค่มีหนอนใต้พิภพคอยนำทาง แค่นี้ทุกอย่างก็กลายเป็นง่ายดายอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

 

หลังจากเดินมาได้ช่วงใหญ่ หมอกก็เริ่มเบาบางลง ไม่ใช่เพราะหมอกเตรียมจะสลายตัว แต่เป็นเพราะพวกเขาใกล้จะหลุดออกมาจากหมอกได้แล้ว!

 

อย่างรวดเร็ว ภายใต้การนำของอี้เทียนหยุน พวกเขาก็ออกมาจากหมอกแห่งความตายได้ในที่สุด ที่ปรากฏต่อสายตาของพวกเขาไม่ใช่ภาพที่อันตรายอะไร แต่กลับเป็นที่พักที่เหล่าผู้ฝึกตนมารวมตัวกันพักผ่อนอยู่ไกลๆ ดูแล้วมีชีวิตชีวาอย่างมาก

 

อี้เทียนหยุนกวาดตามอง แล้วก็พบว่าระดับของพวกเขาไม่ต่ำเลย แต่ละคนต่างก็มีระดับผันแปรวิญญาณขั้นที่ 6 ที่ 7 บางคนกระทั่งมีระดับผันแปรวิญญาณขั้นสูงสุด และผู้คนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่ คร่าวๆ ก็เกิน 20 คน ถือว่ามีกันไม่น้อยเลย

 

หากให้คนพวกนี้ไปอยู่ข้างนอก พลังของพวกเขาสามารถเทียบได้กับขุมอำนาจที่ทรงพลังอย่างมากได้ ดูแล้วที่พักแต่ละแห่งเหมือนจะไม่ใช่พวกเดียวกัน และเมื่อพวกเขาใกล้เข้าไป สายตาของทุกคนก็มองที่พวกเขาอย่างระวัง และเมื่อเห็นพวกเขาสี่คนเดินออกไป พวกเขาก็พากันเผยสีหน้าตกใจออกมา

 

ผ่านหมอกแห่งความตายมา แต่ก็ยังออกมาได้หลายคน นี่มันช่างไม่น่าเชื่ออย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การออกมาจากหมอกแห่งความตาย ยิ่งเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อเข้าไปใหญ่

 

ปกติคนอื่นๆ จะออกมาตอนที่หมอกสลายตัวไปแล้ว แต่ตอนนี้หมอกสลายตัวแล้วอย่างงั้นเหรอ? แน่นอนว่าไม่ หมอกยังคงปกคลุมพื้นที่ด้านหลังอย่างหนาแน่น หลังจากออกมาแล้ว ที่นี่ก็ไม่มีร่องรอยของหมอกแม้แต่น้อย กระทั่งพลังงานสีดำก็เบาลงมาก ทำให้เดินได้สะดวกขึ้น

 

ยังไงก็ตาม ฉากที่ปรากฏตรงหน้าก็ได้บอกพวกเขาอย่างชัดเจน ว่าไม่มีทางไปต่อ

 

ตรงหน้าอี้เทียนหยุนไม่ไกลมีหน้าผาที่สูงชันตั้งตระหง่านอยู่ จากนี้ไปไม่มีเส้นทางไปต่อ นั่นหมายความว่าพวกเขาจะต้องข้ามหน้าผานี้ไป ไม่อย่างนั้นก็ไม่สามารถผ่านไปได้!

 

หน้าผานี้สูงทะลุเมฆ และที่เหนือขึ้นไปปกคลุมไปด้วยเมฆดำ 1 ชั้น ทำให้มองไม่เห็นบนสุดว่าเป็นยังไง

 

แต่ที่นี่เป็นจุดหมายสุดท้าย ประตูโลกวิญญาณ!

 

หากผ่านที่นี่ไป ก็จะสามารถไปถึงโลกวิญญาณได้สำเร็จ และในจุดหมายสุดท้ายนี้ พลังงานสีดำของที่นี่ก็ได้ถูกหน้าผาดูดกลืนไปเสียเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นจึงทำให้รอบๆ ไม่มีพลังงานสีดำปล่อยออกมา ทำให้พวกเขาสามารถอาศัยอยู่ที่นี่ได้นาน โดยที่ไม่จำเป็นต้องเสียพลังวิญญาณ

 

หันกลับไปมองด้านหลัง กลับพบว่าเต็มไปด้วยหมอกที่หนาจนไม่สามารถมองทะลุผ่าน ทางอย่างนี้ยังผ่านมาได้ ถึงจะน่าตกใจก็ไม่อันตราย

 

“ในที่สุดพวกเราก็ผ่านมาได้ นี่ช่างราบรื่นจริงๆ โชคดีที่มีน้องอี้อยู่ ไม่อย่างนั้น พวกเราคงเจอปัญหาแล้วจริงๆ บางทีอาจต้องตายอยู่ในนั้นก็ได้…..” เริ่นเหลียงเฉินพูดอย่างเต็มไปด้วยความรู้สึก

 

ที่พวกเขาออกมาได้ง่ายดายอย่างนี้ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นความช่วยเหลือของอี้เทียนหยุน แต่หากไม่มีพวกเขา อี้เทียนหยุนก็คงได้แต่เดินสุ่มๆ หาทางออก ยังไงก็ตาม หากว่าพวกเขารู้ว่าอี้เทียนหยุนมีแผนที่อยู่แล้วนั้น ไม่รู้ว่าพวกเขาจะพากันคิดยังไง?

 

แต่ไม่ว่ายังไง พวกเขาต่างก็พากันแสดงสีหน้ากระอักกระอ่วน ตอนแรกก็ตกลงกันไว้เสียดิบดี ว่าพวกเขาจะเป็นคนนำทาง แต่ใครจะรู้ว่าสุดท้ายก็ต้องให้อี้เทียนหยุนลงมือ นี่ทำให้พวกเขาไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี

 

หากเป็นอย่างนี้ อี้เทียนหยุนไม่จำเป็นต้องรวมกลุ่มกับพวกเขาก็ยังได้ ตัวคนเดียว พูดไปแล้วไม่ใช่ว่ายิ่งสบายอย่างงั้นเหรอ

 

“คำพูดพวกนี้ไม่จำเป็นต้องกล่าวถึง ไม่ใช่ว่านี่ใกล้จะจบแล้วอย่างงั้นเหรอ? หากผ่านที่นี่ไป พวกเราก็จะไปถึงโลกวิญญาณได้สำเร็จ” อี้เทียนหยุนพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ

 

“ใช่แล้ว ตราบเท่าที่ผ่านประตูโลกวิญญาณนี้ไป พวกเราก็จะไปถึงโลกวิญญาณได้สำเร็จ” เริ่นเหลียงกวาดตามองรอบๆ แล้วพูดอย่างจริงจัง “เพียงแต่ว่าที่นี่เป็นที่ที่ยากที่สุด ผู้ฝึกตนที่อยู่ที่นี่ แท้จริงแล้วต่างก็ถูกขัง หากไม่หวนกลับเส้นทางเดิม ก็จำเป็นต้องปีนหน้าผานี้ ไม่มีทางเลือกอื่น”

 

พวกเขาต่างก็มีสีหน้าหดหู่ หน้าผานี้สำหรับพวกเขาแล้วเหมือนจะปีนไม่ง่ายเลย ผู้ฝึกตนที่อยู่ที่นี่จำนวนมากล้วนแต่ไม่สามารถผ่านไปได้ พวกเขาก็คิดว่าไม่สามารถปีนขึ้นไปได้ในทันที ยังไงก็ตาม สำหรับเรื่องนี้ ก่อนหน้านี้พวกเขาก็ได้มีการเตรียมการไว้ก่อนแล้ว

 

ในขณะที่พวกเขาเดินเข้าไป ผู้ฝึกตนอื่นๆ ก็มองมา แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรพวกเขา นอกจากเหลือบมองคราหนึ่งแล้ว ก็ไม่มีสนใจพวกเขาอีก พร้อมกลับไปสนใจต่อการดูดซับพลังของตนต่อ

 

จากสายตาของอี้เทียนหยุน เขามองเห็นแววตาเหยียดหยามจากหลายคน ทั้งยังมากไปด้วยความอันตราย เพราะต้องถูกขังอยู่ที่นี่ จึงทำให้พลังวิญญาณของพวกเขาลดลง ทำให้พวกเขาไม่อยากจะเคลื่อนไหว

 

และในขณะที่พวกเขาเข้าไปใกล้หน้าผา ทันใดนั้นก็สัมผัสได้ถึงพลังงานสีดำที่ข้นคลั่ก ไหลซึมออกมาจากหน้าผา เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่แค่หน้าผาธรรมดา หากคิดจะปีน แน่นอนว่าต้องเผชิญกับการรุกรานของพลังงานสีดำนี้ ยิ่งปีนขึ้นสูง ก็จะยิ่งเผชิญกับการรุกรานที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น หากไม่สามารถทนได้ ก็จะต้องตกลงมาจากข้างบน

 

หากว่าบินได้ตามปกติ เรื่องหน้าผานี้ย่อมไม่มีปัญหา สามารถบินผ่านไปได้อย่างง่ายดาย แต่ตอนนี้ต่างออกไป เพราะไม่สามารถบินได้ จึงทำได้เพียงปีนขึ้นไปด้วยมือเปล่าๆ

 

ขณะเดียวกัน ก็ได้มีผู้ฝึกตนปีนขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปีนขึ้นไปอย่างช้าๆ แม้ความเร็วจะไม่เร็วนัก แต่ก็ไม่ถือว่าช้าเช่นกัน และในขณะที่ปีน พลังงานสีดำก็ได้ไหลออกมาจากหน้าผา พร้อมกับทะลวงเข้าไปร่างกายของพวกเขา

 

ตอนแรกอาจจะขับไล่ไอดำนี้ออกมาได้ง่าย แต่ยิ่งสูงเท่าไหร่ ก็ยิ่งขับไอดำนี้ออกมายากขึ้นเท่านั้น หากว่าให้ปีนหน้าผาทั่วไป ต่อให้ปีนหลายวันก็ไม่มีปัญหา ต่อให้หน้าผานั้นจะชันแค่ไหน พวกเขาก็สามารถพิชิตมันได้อย่างง่ายดาย

 

แต่การปีนที่นี่แต่ละครั้งล้วนแต่ยากลำบาก ตรงนั้นมีผู้เชี่ยวชาญระดับผันแปรวิญญาณขั้นที่ 7 กำลังปีนอยู่ ดูท่าอีกไม่นานก็คงทนไม่ไหวแล้ว ยังไงก็ตาม เขาก็ยังคงฝืนปีนขึ้นไป และเมื่อกำลังจะปีนขึ้นไปถึงเมฆดำอยู่นั้น อยู่ๆ เมฆดำนั้นก็หมุนวนอย่างบ้าคลั่ง พร้อมกับทะลวงเข้าไปในร่างของเขาในทันที

 

หน้าของผู้ฝึกตนคนนั้นเปลี่ยนสี จากใบหน้าที่ขาวเนียน พริบตาก็ดำทะมึน หลังจากปีนไปได้ไม่เท่าไหร่ สุดท้ายก็ทนไม่ไหว ต้องปล่อยมือออก พร้อมกับหล่นลงมาจากกลางอากาศอย่างช้าๆ เพิ่งจะมาถึงพื้น ก็พลันทรุดเข่าลง

 

“ฮ่าห์……ล้มเหลว ข้าล้มเหลวอีกแล้ว…..” ผู้ฝึกตนคนนั้นหายใจหอบ พร้อมกับทำการขับไอสีดำออกจากร่าง แต่การขับไล่เป็นไปอย่างเชื่องช้า ขับไล่ออกมาได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

 

เขาเป็นเหมือนกับคนทั้งหลายที่อยู่ที่นี่ ผู้คนที่พากันนั่งฟื้นพลังอยู่นี้ เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้ได้เคยลองปีนหน้าผานี้มาแล้ว ยิ่งกว่านั้นยังคว้าน้ำเหลว จึงได้พากันนั่งฟื้นพลังอยู่ที่นี่

 

หลังจากฟื้นฟูเสร็จ พวกเขาก็พากันปีนขึ้นไปใหม่ ซึ่งไม่รู้ว่าต้องปีนไปถึงเมื่อไหร่

 

แต่ที่นี่มีประตูโลกวิญญาณอยู่ หากผ่านไปได้ ก็จะสามารถเข้าไปยังโลกวิญญาณสำเร็จ ดังนั้น บททดสอบยิ่งต้องยากเป็นธรรมดา หลายคนจึงพยายามที่จะผ่านไปให้ได้ แม้จะเป็นเรื่องยากก็ตามที