ตอนที่ 474 เผยหนานเจวี๋ยที่เปลี่ยนไป / ตอนที่ 475 สมองพิการไปแล้ว

กับดักรักในรอยแค้น

ตอนที่ 474 เผยหนานเจวี๋ยที่เปลี่ยนไป

 

 

           ได้ยินน้ำเสียงที่ห่างเหินและการแสดงออกที่เย็นชาของฉู่เจียเสวียนแล้ว เผยหนานเจวี๋ยรู้สึกผิดหวัง หัวใจดำดิ่งลงไปทีละน้อยๆ ไม่ว่าเขาพยายามอย่างไร ฉู่เจียเสวียนก็ยังคงยังคงมีทัศนคติที่เป็นห่างเหินเย็นชาต่อเขา

 

 

           ไฟร้านอาหารส่งสว่างขึ้น ผ้าม่านก็ถูกดึงขึ้นและพระอาทิตย์สาดแสงเข้ามา ครู่หนึ่งแสงไฟในร้านอาหารสว่างขึ้น ดวงอาทิตย์ยังคงส่องแสงอยู่ข้างนอก 

 

 

           ฉู่เจียเสวียนสามารถรับของขวัญของเผยหนานเจวี๋ยในที่มืดได้ แต่ว่าเมื่อพระอาทิตย์ส่องแสงเข้ามาแล้ว ความรู้สึกไม่ดีก่อตัวขึ้นในหัวใจของเธอ           

 

 

           มองของขวัญที่ส่องสว่างอยู่ในมือ ถ้าหากไม่ใช่เพราะเธอตัดใจจากเขาแล้ว เธอจะต้องดีใจมากแน่ๆ

 

 

           เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า ขณะที่ฉู่เจียเสวียนตื่นขึ้นมาจากความโรแมนติก ก็เป็นเวลาบ่ายสามแล้ว

 

 

           ขณะที่กินข้าวมื้อนี้อย่างยาวนานนั้น เธอสงสัยว่าเผยหนานเจวี๋ยได้วางแผนไว้นานแล้ว

 

 

           การที่สามารถคิดแผนโรแมนติกเช่นนี้ได้ภายในระยะเวลาอันสั้นนั้น จะต้องมีคนช่วยเขาแน่ๆ แต่ว่าสีหน้าของเขาไม่มีอาการอื่นเลย แววตาที่มองเธอยังคงเปี่ยมด้วยความรัก

 

 

           อาจเป็นเพราะปฏิกิริยาที่เย็นชาของฉู่เจียเสวียน ทำให้เผยหนานเจวี๋ยรู้สึกพ่ายแพ้ ผ่านไปเนิ่นนานฉู่เจียเสวียนจึงเอ่ยขึ้นช้าๆ “ฉันพาคุณไปที่ที่นึงเถอะ”

 

 

           แทนที่จะอยู่ที่นี่ สู้ออกไปจากที่นี่จะดีกว่า เมื่อครู่ยังไม่รู้สึก แต่ตอนนี้รู้สึกว่าสถานที่แห่งนี้ทำให้เธอหายใจลำบาก

 

 

           เผยหนานเจวี๋ยไม่ได้ตอบทันที แต่ก้มหน้ามองโทรศัพท์มือถือ ฉู่เจียเสวียนสังเกตเห็นท่าทางขึงขังของเผยหนานเจวี๋ย อดไม่ได้ที่จะเดาว่าเขามีเรื่องงานต้องการจัดการหรือเปล่า จะต้องจากไปแล้ว

 

 

           ในโทรศัพท์มือถือของเผยหนานเจวี๋ยมีข้อความหนึ่ง ใจความว่า “ถ้านายต้องการได้คนที่นายรักกลับมา จงพาเธอไปค้นหาความทรงจำ ให้เธอได้ระลึกถึงความดีของนาย…คุณหมอซ่ง”

 

 

           เพื่อตามจีบฉู่เจียเสวียนแล้ว เผยหนานเจวี๋ยได้แต่ขอคำแนะนำจาก ‘ผู้มีประสบการณ์’

 

 

           เขาส่งอีเมลทุกอย่างระหว่างเขากับฉู่เจียเสวียน รวมถึงปัญหาระหว่างพวกเขาไปให้คุณหมอซ่งผู้เชี่ยวชาญด้านความรักที่อยู่ต่างประเทศ

 

 

           ผู้เชี่ยวชาญด้านความรักได้จัดทำแผนสำหรับเขาในการกู้ฉู่เจียเสวียนคืนมา ข้อแรก ต้องดึงดูดความสนใจของเธอเสียก่อน ปรากฏตัวในหลายๆ ทางในเวลาที่มีจำกัดของเธอ ข้อสอง ใช้ความอ่อนโยนทำให้เธอหวั่นไหว บวกบรรยากาศความโรแมนติกและเซอร์ไพร้ ข้อสามคือพาเธอไปหาความทรงจำที่สวยงามในอดีต ให้ทุกอย่างเริ่มต้นอีกครั้งในแบบย้อนกลับ

 

 

           เผยหนานเจวี๋ยสงสัยว่าเขาควรจะลองใหม่หรือเปล่า หรือว่าควรไปขั้นตอนที่สาม แต่ว่ายังไม่ทันเริ่มต้น เขาก็เหมือนกับเห็นผลลัพธ์แล้ว

 

 

           ระหว่างเขากับฉู่เจียเสวียนมีความทรงจำที่ดีที่ไหนกัน สิ่งที่พวกเขามี มีเพียงความเจ็บปวดที่เขามอบให้เธอ

 

 

           เผยหนานเจวี๋ยเงยหน้าขึ้น ตัดสินใจแล้ว “ครั้งหน้าเถอะ ครั้งหน้าคุณค่อยพาผมไป ผมมีคำขอน้อยๆ ของผม ไม่รู้ว่าคุณจะรับปากได้หรือเปล่า”

 

 

           “คำขอ?” นี่เป็นครั้งแรกที่ฉู่เจียเสวียนได้ยินเผยหนานเจวี๋ยพูดจาอย่างระมัดระวังแบบนี้ เขาใช้คำว่า ‘คำขอ’ เป็นด้วยเหรอ ฉู่เจียเสวียนรู้สึกท่วมท้นจริงๆ ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ เผยหนานเจวี๋ยก็อ่อนโยนลงแบบนี้

 

 

           “คุณว่ามาเถอะ มีอะไร” เอ่ยปากอย่างสงสัย ฉู่เจียเสวียนไม่รู้ว่าเผยหนานเจวี๋ยอยากจะขออะไรจากเธอ

 

 

           เนื่องจากไม่สามารถปฏิเสธเผยหนานเจวี๋ยที่เป็นแบบนี้ได้ งั้นก็มองเขาเป็นเพื่อนเก่าคนหนึ่งก็แล้วกัน ถึงอย่างไรพวกเขาก็ยังต้องร่วมงานธุรกิจกันในอนาคต ต้องเจอหน้ากันบ่อยๆ

 

 

           “ขอเวลาที่เหลือของวันนี้ให้ผมได้ไหม ผมอยากใช้เวลาอยู่กับคุณสักหน่อย” ขณะที่เผยหนานเจวี๋ยพูดประโยคนี้ มองเธออย่างกระตือรือร้น ความหวังล้ำลึกในแววตาทำให้ฉู่เจียเสวียนไม่อาจปฏิเสธได้

 

 

 

 

       ตอนที่ 475 สมองพิการไปแล้ว

 

 

           เขาต้องการเล่นอะไรกันแน่ เผยหนานเจวี๋ยในตอนนี้แปลกมากจริงๆ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น แค่วันนี้ที่เขาลงแรงมากมายขนาดนั้นเพื่อนัดกับเธอ

 

 

           ทันใดนั้นในสมองก็นึกได้ว่าเขาต้องการตามจีบเธออีกครั้ง หรือว่านี่จะเป็นแผนของเขา

 

 

           เฮ้อ ทำไมเขาถึงเป็นแบบนี้

 

 

           “พวกเราอยู่ด้วยกันในวันแห่งความรักเกรงว่าจะไม่เหมาะมั้ง ฉันมีแฟนแล้วนะ” ฉู่เจียเสวียนยังจำได้ว่าตอนนี้เธอมีแฟนแล้ว จึงเตือนสติเขาด้วยความหวังดี

 

 

           “ถ้าวันนี้คุณไม่สะดวก งั้นพรุ่งนี้หรือว่ามะรืนหรือวันอื่นๆ ผมก็ไม่รังเกียจ ผมแค่อยากอยู่ตามลำพังกับคุณวันนึงหรือครึ่งวัน แค่นัดของพวกเราสองคน” สายตาของเผยหนานเจวี๋ยยังคงเฝ้าดูอยู่ ราวกับว่าหากเธอไม่รับปากเขาก็จะพูดต่อไปเรื่อยๆ

 

 

           “เผยหนานเจวี๋ย คุณไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้” ฉู่เจียเสวียนสูดหายใจลึก เสียงที่ชัดเจนดังออกมาจากปากของเธอ เผยหนานเจวี๋ยที่เป็นแบบนี้ทำให้เธอปฏิเสธไม่ลง ทำให้เธอดูเหมือนคนเลวอย่างไรอย่างนั้น

 

 

           เผยหนานเจวี๋ยเดินเข้ามาใกล้ฉู่เจียเสวียน ฉู่เจียเสวียนต้องการถอยหลังไปตามสัญชาตญาณ แต่ว่ากลับถูกเผยหนานเจวี๋ยกอดไว้ เขาเอาศีรษะวางไว้บนศีรษะของเธอ เสียงทุ่มต่ำมีเสน่ห์ดังขึ้น “เสวียนเสวียน เพราะคุณ เพราะคุณที่ทำให้ผมเปลี่ยนไปแบบนี้ เพราะคุณทำให้ผมไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ เพราะคุณ ทำให้ผมรู้ว่าที่แท้ผมก็สามารถอยู่อย่างมีความสุขได้…”

 

 

           “อย่าพูดเลย เผยหนานเจวี๋ย เอาเถอะ ฉันรับปากคุณ” ฉู่เจียเสวียนไม่อยากฟังต่อไปแล้วจริงๆ เธอกลัวว่าตัวเองจะไม่ระวัง แล้วตกลงไปในกับดักที่อ่อนโยนของเขา

 

 

           การรักเขาทำให้เธอใช้พลังงานทั้งชีวิตของเธอ การรักเขามันอันตรายขนาดนั้น เธอจะไม่ปล่อยให้ตัวเองทำผิดซ้ำสองเด็ดขาด

 

 

           “ปล่อยฉันนะ” ฉู่เจียเสวียนไม่อยากโดนเผยหนานเจวี๋ยกอด แบบนี้เธอรู้สึกว่าทำผิดต่อกงจวิ้นฉือ แม้ว่าพวกเขาไม่ได้ทำอะไรกัน แต่ว่าเธอก็มีความรู้สึกผิดอย่างประหลาด

 

 

           “เพราะผมเสียมารยาทเอง” เผยหนานเจวี๋ยกล่าว แม้ว่าในใจยังไม่อยากปล่อย แต่ว่าเขาก็ยังต้องรักษาความเป็นสุภาพบุรุษ

 

 

           เพราะผู้เชี่ยวชาญด้านความรักกล่าวไว้ การจู่โจมอย่างก้าวร้าวไม่เหมาะสมกับผู้หญิงท่านนั้น การร่ำร้องที่เอาแต่ใจมีแต่จะทำให้เธอยิ่งไกลออกไปเรื่อยๆ

 

 

           เพื่อให้เธอกลับมาหาเขา เขาสามารถทำหลายสิ่งหลายอย่างที่เขาไม่เคยทำมาก่อน รวมทั้งการเป็นตัวของตัวเองน้อยลง

 

 

           หากเขาไม่เปลี่ยน ฉู่เจียเสวียนก็จะไม่มีวันกลับไปหาเขา

 

 

           หลังจากฉู่เจียเสวียนรับปากแล้ว เผยหนานเจวี๋ยก็ขับรถพาฉู่เจียเสวียนกลับบ้าน เมื่อถึงลานจอดรถก็เปลี่ยนเป็นรถคันที่เขาชอบมากกว่า อย่างน้อยสำหรับพวกเขาแล้ว มันก็มีความทรงจำที่พิเศษอยู่บ้าง

 

 

           “ลงรถ” เผยหนานเจวี๋ยกล่าว น้ำเสียงอ่อนโยนจนแทบจะหยดน้ำออกมาได้

 

 

           ฉากในอดีตทำให้หัวใจของเผยหนานเจวี๋ยมีอารมณ์ที่ต่างออกไป จำได้ว่าตอนที่เขาพาฉู่เจียเสวียนมาที่โรงจอดรถครั้งแรก ตอนนั้นหลังจากเห็นเธอถูกหวังอวิ๋นไฉ่ด่าแล้ว เขาก็กลับมาโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว เห็นเธอนั่งเหม่ออยู่บนโซฟา จึงลากให้เธอออกไปเดินเล่น ตอนนี้คิดดูแล้ว ความทรงจำครั้งนี้ก็นับว่าไม่เลวเท่าไร

 

 

           ฉู่เจียเสวียนลงมาจากรถด้วยสีหน้าสงสัย มองเขาอย่างประหลาด เธอรู้สึกว่าเผยหนานเจวี๋ยแปลกมากจริงๆ

 

 

           ยังไม่ทันจะนึกอะไรออก เสียงของเผยหนานเจวี๋ยก็ดังขึ้น “ยังจำตอนนั้นที่ผมพาคุณออกไปเดินเล่นได้ไหม”

 

 

           “ตอนไหน” คำพูดที่ไร้ปี่ไร้ขลุ่ยของเผยหนานเจวี๋ย ทำให้ฉู่เจียเสวียนงุนงงเล็กน้อย

 

 

           คนนี้สมองพิการไปแล้วเหรอไง คำพูดก็แปลกๆ