หลังจากมื้ออาหารกลางวันจบลงไปเป็นที่เรียบร้อย เขาก็เรียกให้คนเข้ามาเก็บจานไปก่อนจะกล่าวขึ้นว่า “หลังจากที่ข้ากลับจวนไปเมื่อวานนี้ อวี้เอ๋อร์ได้ยกของว่างมาให้ข้าจานหนึ่ง ข้าจำสิ่งที่เจ้าพูดได้จึงไม่ได้กินมันลงไปและให้อี้เอ๋อร์ห่อมันมาด้วย เจ้าดูสิว่ามีพิษอยู่ในของว่างพวกนี้หรือเปล่า?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้าให้อย่างเงียบๆ

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนตะโกนออกไปข้างนอก “อี้เอ๋อร์ เข้ามา”

 

 

หวงฝู่อี้ขานรับแล้วเดินเข้าไปในห้องทันที “พี่ใหญ่ แม่นางเมิ่ง”

 

 

“เอาขนมเมื่อวานที่ข้าให้เจ้าห่อเก็บไว้ออกมาให้โยวเอ๋อร์ดูสิ”

 

 

หวงฝู่อี้หยิบขนมออกมาจากแขนเสื้อของเขา วางมันไว้บนโต๊ะ ก่อนจะค่อยๆ คลี่ปมที่ผูกไว้ออก

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหยิบขนมขึ้นมาชิ้นหนึ่ง ดมมันอย่างระมัดระวัง แต่ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติอะไร จึงได้ลองหักมันเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วโยนมันเข้าปาก แต่ก็ถูกมือของหวงฝู่อี้เซวียนยกขึ้นมากั้นไว้เสียก่อน “ถ้าหาไม่เจอก็ช่างเถอะ บางทีอาจเป็นข้าที่คิดมากไปเอง พวกเขาคงไม่ได้วางยาพิษลงในของว่างพวกนี้หรอก”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวรู้ว่าเขาเป็นห่วงตัวเอง จึงพูดออกไปให้อีกฝ่ายคลายกังวลว่า “ข้ากินเพียงชิ้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่เป็นไรหรอก อีกอย่างหากไม่ตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีพิษหรือเปล่า แล้วพวกเราจะสืบเสาะต่อไปอย่างไร?”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนปล่อยมือลง ได้แต่มองไปที่นางอย่างเป็นห่วง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวโยนขนมชิ้นนั้นเข้าไปในปากแล้วเคี้ยวมันอย่างระมัดระวัง ทันใดนั้นเองคิดของนางก็ขมวดแน่น

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนรู้ได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติจึงได้รีบพูดออกไปว่า “คายมันออกมา!”

 

 

แต่เมิ่งเชี่ยนโยวกลับยื่นมือออกไปเป็นสัญญาณบอกให้เขาเงียบแทน นางยังคงเคี้ยวขนมชิ้นนั้นในปากอย่างระมัดระวัง ทันทีที่ขนมในปากถูกบดละเอียดจนหมด ความเย็นชาก็พลันฉายขึ้นบนใบหน้างาม ซากขนมถูกคายทิ้งอย่างไม่ใยดี ก่อนเมิ่งเชี่ยนโยวจะผละออกไปอีกทางเพื่อบ้วนปาก ไม่นานนางก็กลับมานั่งที่เก้าอี้ตัวเดิม แล้วพูดไปด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบว่า “อำมหิตจริงๆ”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนกับหวงฝู่อี้มองไปที่นางเป็นตาเดียว

 

 

ความโกรธที่อธิบายไม่ได้ฉายชัดขึ้นในน้ำเสียงของเมิ่งเชี่ยนโยว “ดูเหมือนว่าพวกนั้นจะกลายเป็นสุนัขจนตรอกแล้วสินะ นอกจากจะเพิ่มปริมาณของพิษเรื้อรังแล้ว พวกมันยังเพิ่มตัวยาสิ้นบุตรลงไปอีก”

 

 

หวงฝู่อี้หลุดร้องอุทานออกมาทันที แต่พอรู้ตัวก็รีบยกมือขึ้นมาอุดปากไว้

 

 

สีหน้าของหวงฝู่อี้เซวียนก็เย็นลงเช่นกัน

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหันมากล่าวกับเขา “ดูท่าข่าวลือที่ปล่อยไปในช่วงสองสามวันนี้จะได้ผลแล้ว ไปกระตุ้นพวกนั้นได้อย่างจังเลย ถึงขั้นลงมืออำมหิตขนาดนี้ คงคิดจะกำจัดเจ้าแล้วจริงๆ”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนเม้มปากลงแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวส่งสัญญาณบอกให้หวงฝู่อี้ออกไปยืนเฝ้าอยู่ที่หน้าประตู

 

 

หวงฝู่อี้หันหลังเดินออกไปอย่างว่าง่าย หลังจากช่วยปิดประตูลงเบาๆ เขาก็ยืนเฝ้าอยู่ตรงนั้นไม่ไปไหน

 

 

สีหน้าของหวงฝู่อี้เซวียนดูน่าเกลียดอย่างไม่อาจบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ เขานั่งลงบนเก้าอี้โดยไม่พูดอะไรสักคำ

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเองก็ไม่พูดอะไรออกมา นั่งลงข้างๆ เป็นเพื่อนเขาอย่างเงียบๆ

 

 

ใช้เวลาพักใหญ่ก่อนที่เสียงของหวงฝู่อี้เซวียนจะดังขึ้น “หลังจากที่ข้ากลับมา ข้าก็ได้รับแต่งตั้งขึ้นเป็นซื่อจื่อ แต่เพราะพวกเขาไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรเลย ดังนั้นข้าจึงไม่เคยเก็บมาใส่ใจ ไม่คิดว่าจิตใจของพวกเขาจะชั่วร้ายมากขนาดนี้ คิดจะกำจัดข้าไปแบบไม่ทันให้ข้าได้รู้สึกตัวเลยสินะ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่พูดอะไร

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนกล่าวขึ้นอีกครั้ง “ความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับอวี้เอ๋อร์ดีมากเสมอมา ตลอดหกเดือนที่ผ่านมาเขามาเยี่ยมข้าพร้อมกับขนมทุกครั้ง และบอกว่ามันเป็นของว่างชนิดใหม่ที่ทำขึ้นโดยพระชายารองให้ข้าลองชิมดู ข้าไม่สามารถทนเห็นเขาเศร้าใจได้ ทุกครั้งจึงหยิบกินครั้งละหนึ่งถึงสองชิ้น คิดไม่ถึงว่านี่จะเป็นหลุมทางที่พวกนางที่พวกนางจงใจขุดขึ้นมาให้ข้าตกลงไป ตอนนี้ยิ่งแล้วใหญ่ชั่วร้ายถึงขั้นพิษที่ร้ายแรงขนาดนี้ก็ยังกล้าใช้ นางไม่กลัวว่าลูกชายของตัวเองจะกินมันเข้าไปด้วยเลยหรือ?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวได้ยินที่เขาพูดก็เข้าใจทันทีว่าเขาหมายถึงอะไร จึงได้ขมวดคิ้วแล้วถามออกไปว่า “เจ้าหมายถึง หวงฝู่อวี้ก็กินมันด้วย?”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนพยักหน้า “เขาบอกข้าว่ากินมื้อเย็นไม่อิ่ม จึงกินมันลงไปสองชิ้นต่อหน้าต่อตาข้าเลย”

 

 

“ความหมายของเจ้าก็คือ หวงฝู่อวี้ไม่รู้ว่าในขนมนี้มีพิษอยู่?” เมิ่งเชี่ยนโยวไล่ถามอีกครั้ง

 

 

“ข้าเห็นเขากินไปแบบไม่ลังเลเลย บางทีคงไม่รู้เหมือนกัน”

 

 

“เช่นนั้นแต่ก่อนขนมที่เขายกมาให้ท่านเขาได้กินด้วยหรือเปล่า?”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนส่ายหัว “ปกติแล้วเขาจะยกของว่างมาส่งหลังจากที่ทานอาหารเสร็จ ไม่เหมือนเมื่อวานที่หิ้วท้องมาหา ดังนั้นเขาจึงไม่เคยได้กินเลย”

 

 

พูดถึงตรงนี้ถึงเพิ่งฉุกคิดขึ้นได้ จึงรีบถามออกไปด้วยความลนลานว่า “เมื่อคืนอวี้เอ๋อร์กินมันเข้าไปสองชิ้น เขาจะเป็นไรหรือไม่?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวตอบ “ในส่วนของยาพิษไม่เป็นไรหรอกเพราะขนาดของยาข้างน้อย แต่ว่ายาสิ้นบุตรนี่สิ…” คำพูดต่อไปแม้จะละเว้นไว้แต่ก็ชัดเจนในตัวของมันเอง

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนรู้สึกนั่งไม่ติดขึ้นมาเล็กน้อยแล้วในเวลานี้ “มีวิธีแก้บ้างหรือไม่?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวได้แต่ส่ายหัวให้ “ตั้งแต่เมื่อคืนวานจนถึงตอนนี้ก็ผ่านมาสิบสองชั่วยามแล้ว ฤทธิ์ยาคงส่งผลไปนานแล้ว เกรงว่าแม้แต่หมอเทวดาก็คงไม่อาจช่วยได้อีก เพียงแต่ในเมื่อนี่เป็นพิษที่พระชายารองใส่ลงไปเอง ในมือของนางก็น่าจะมียาถอนพิษอยู่ ไม่แน่ว่าพิษในตัวของหวงฝู่อวี้อาจถูกพระชายารองกำจัดไปตั้งนานแล้ว”

 

 

เมื่อนึกถึงคำพูดของหวงฝู่อวี้ที่ว่าจะกลับไปนั่งพูดคุยเป็นเพื่อนพระชายารองที่เรือน ใจที่ค้างเติ่งอยู่ของหวงฝู่อี้เซวียนจึงค่อยวางใจลง “เขาบอกกับข้าว่าจะกลับไปนั่งพูดคุยเป็นเพื่อนพระชายารองที่เรือน แต่ไม่รู้ว่าเขาจะพูดเรื่องที่ตัวเองกินขนมไปหรือเปล่า”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นว่าเขาเป็นกังวลมากจึงได้กล่าวออกไปว่า “ถ้าเจ้ายังไม่วางใจเช่นนั้นก็ให้อี้เอ๋อร์ไปเรียกเขามาที่นี่ พวกเราถามเขาสักคำ แบบนี้ก็ได้คำตอบแล้วไม่ใช่หรือ”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนตะโกนขึ้นทันที “อี้เอ๋อร์”

 

 

หวงฝู่อี้เปิดประตูเข้ามา แต่ยังไม่ทันที่ขาของเขาจะก้าวเข้ามาในห้อง คำสั่งของหวงฝู่อี้เซวียนก็ตกลงไปเสียก่อน “เจ้ารีบกลับไปที่จวนไปพาตัวคุณชายรองมาที่นี่โดยเร็วที่สุด หากว่าเขาไม่ยอมมา เจ้าก็บอกเขาไปว่าถ้าเขาไม่มาอีกหน่อยก็ไม่ต้องมาเรียกข้าว่าพี่ใหญ่อีกแล้ว”

 

 

หวงฝู่อี้ตอบรับกลับมาคำหนึ่ง เท้าที่เพิ่งก้าวเข้ามาก็ถูกชักกลับไปทันที ประตูห้องถูกปิดลงอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นที่หน้าประตูจวน หวงฝู่อี้กระโดดขึ้นหลังม้ามุ่งหน้าไปยังทิศทางของจวนอ๋องฉีราวกับสายฟ้าแลบ

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวมองไปที่หวงฝู่อี้เซวียนแล้วพูดกับเขาไปว่า “หวังว่าเขาจะไม่ทรยศหักหลังต่อความเมตตาที่เจ้ามีให้”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนไม่กล้ายืนยัน จึงได้แต่เม้มปากลงแล้วไม่พูดอะไร

 

 

หวงฝู่อี้กลับมาถึงหน้าจวนอ๋องฉี เขาผูกม้าไว้กับหมุดที่ตรึงอยู่หน้าจวนแล้วรีบเดินเข้าไปถามคนที่เฝ้าประตูอยู่ด้วยน้ำเสียงรีบร้อนว่า “คุณชายรองกลับมาหรือยัง?”

 

 

คนเฝ้าประตูเห็นว่าเขามีท่าทีเป็นกังวลนัก รู้ว่าน่าจะมีเรื่องสำคัญจึงได้รีบตอบกลับไปโดยเร็วว่า “กลับมาแล้ว ตอนนี้น่าจะอยู่ที่เรือน”

 

 

หวงฝู่อี้ได้ยินแบบนั้นก็เดินตรงเข้าไปที่เรือนพักของหวงฝู่อวี้ทันที และพอมาถึงหน้าเรือนของเขา ก็หันไปพูดกับสาวใช้ที่เฝ้าประตูอยู่ว่า “ไปรายงานคุณชายรองให้ที บอกว่าซื่อจื่อฝากคำข้ามาส่งต่อให้เขา”

 

 

ตอนนี้เองเหมือนกับว่าหวงฝู่อวี้ที่อยู่ในห้องจะได้ยินคำที่เขาพูด จึงได้ตะโกนและเปิดปากอนุญาตให้โดยตรง “ปล่อยเขาเข้ามา”

 

 

หวงฝู่อี้เดินเข้าไปในห้องก่อนจะโค้งคารวะให้เขาด้วยความเคารพ

 

 

หวงฝู่อวี้ถามออกไป “พี่ใหญ่ฝากให้เจ้ามาส่งต่อคำพูดให้ข้า?”

 

 

หวงฝู่อี้ชำเลืองมองสาวใช้ในห้องแวบหนึ่ง

 

 

หวงฝู่อวี้คล้ายกับจะเข้าใจเจตนาจึงได้มีคำสั่งลงไป “เจ้าออกไปก่อน ไม่มีคำอนุญาตจากข้าใครก็ห้ามเข้ามาโดยเด็ดขาด”

 

 

สาวใช้ขานรับหนึ่งที จากนั้นก็ถอยออกไป

 

 

“พูดมาได้แล้ว” หวงฝู่อวี้กล่าว

 

 

หวงฝู่อี้ลดเสียงลงแล้วพูดออกไปว่า “ซื่อจื่อตอนนี้อยู่ที่จวนของแม่นางเมิ่ง บอกให้ข้ารีบมาพาคุณชายรองไปที่นั่นโดยเร็วขอรับ”

 

 

หวงฝู่อวี้เต็มไปด้วยความขัดขืน “ไม่ใช่ว่าข้าบอกกับพี่ใหญ่ไปแล้วหรือว่าข้าไม่ไป? นางดุออกขนาดนั้น ข้าไม่ไปบ้านนางหรอก”

 

 

เสียงของหวงฝู่อี้ลดลงยิ่งกว่าเดิมมาก “ซื่อจื่อบอกว่าหากท่านไม่ไปวันนี้ วันหน้าจะไม่อนุญาตให้ท่านเรียกเขาว่าพี่ใหญ่อีก”

 

 

หวงฝู่อวี้ผงะไปครู่หนึ่ง จากนั้นดวงตาของเขาก็เบิกกว้างขึ้น ถามกลับไปด้วยความรู้สึกไม่อยากจะเชื่อว่า “พี่ใหญ่พูดอย่างนั้นจริงๆ?”

 

 

หวงฝู่อี้พยักหน้า

 

 

หลังจากกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ หวงฝู่อวี้ก็ถามกลับไปอีกครั้งเป็นเชิงถามทาง “เจ้ารู้ไหมว่าพี่ใหญ่ต้องการพบข้าด้วยเรื่องอะไร?”

 

 

หวงฝู่อี้ส่ายหัวของเขา

 

 

หวงฝู่อวี้คาดเดาและพูดกับตัวเอง “คงไม่ใช่ว่านังตัวดีนั่นจำเรื่องที่ข้าสั่งคนไปฆ่านางได้แล้วหรอกนะ เพราะแบบนี้เลยต้องการจะใช้ประโยชน์จากการสนับสนุนของพี่ใหญ่มาจัดการข้า?”

 

 

หวงฝู่อี้ยังคงเงียบเหมือนเดิม

 

 

หวงฝู่อวี้พยายามดิ้นรนอยู่พักหนึ่ง ทว่าสุดท้ายก็กัดฟันแล้วตอบกลับไปว่า “เอาเถอะ ถึงจะมีพี่ใหญ่อยู่แต่ก็ใช่ว่านางจะทำอะไรข้าได้ ข้าจะตามเจ้าไปด้วยก็แล้วกัน”

 

 

ทั้งสองคนออกจากประตูจวน หลังจากสั่งให้บ่าวรับใช้ไปจูงม้ามาทั้งหวงฝู่อี้และหวงฝู่อวี้ก็พลิกตัวขึ้นควบม้ามุ่งหน้าไปยังจวนที่พักของเมิ่งเชี่ยนโยว

 

 

เพิ่งมาถึงหน้าประตู หวงฝู่อวี้ก็เกิดอาการประหม่าขึ้นมาเสียแล้ว แม้จะลงจากหลังม้ามาได้สักพักแล้ว แต่หวงฝู่อวี้ก็ยังลังเลที่จะเข้าไปข้างใน

 

 

หวงฝู่อี้เปิดปากกระตุ้นเขาออกไป “คุณชายรองรีบเข้าไปเถิดขอรับ ซื่อจื่อคงรอแย่แล้ว”

 

 

หวงฝู่อวี้ไม่มีทางเลือกอื่น แม้จะไม่เต็มใจแต่ก็ได้แต่เดินตามหลังหวงฝู่อี้เข้าไปในลานบ้านอย่างจนปัญญา

 

 

ด้วยอยู่ต่อหน้าหวงฝู่อวี้ หวงฝู่อี้จึงเลือกใช้คำกล่าวอย่างให้เกียรติ “ซื่อจื่อ แม่นางเมิ่ง คุณชายรองมาถึงแล้วขอรับ”

 

 

ได้ยินเพียงแต่เสียงของหวงฝู่อี้เซวียนดังตอบกลับมาว่า “ให้เขาเข้ามา”

 

 

หวงฝู่อวี้ก้าวเข้าไปในห้องอย่างไม่ยินยอมพร้อมใจ สายตาของเขาเหลือบมองไปทางเมิ่งเชี่ยนโยวแวบหนึ่ง แล้วจึงหันไปถามหวงฝู่อี้เซวียนตรงๆ ว่า “พี่ใหญ่ ท่านหาข้าหรือ?”

 

 

แต่ก่อนที่หวงฝู่อี้เซวียนจะได้ตอบกลับมา สายตาของหวงฝู่อวี้ก็พลันหันไปเห็นของว่างที่วางอยู่บนโต๊ะ จึงได้พูดออกไปด้วยความไม่พอใจว่า “นี่เป็นของว่างที่ข้านำมาให้ท่านเป็นพิเศษนี่ ทำไมท่านต้องเอามาแบ่งนังตัวดีนี่ด้วย?”

 

 

—————————-