แดนนิรมิตเทพ บทที่ 706
หวงเจิ้นหลงผู้ทรงอิทธิพลแห่งไห่ตง และเสิ่นฉีเซิ่งผู้ทรงอิทธิพลแห่งไห่ซี ยืนขึ้นทันทีและกล่าวด้วยรอยยิ้มประจบว่า “ขอแสดงความยินดีกับคุณหนูฉีด้วย ตอนที่มารีบร้อนจึงไม่ได้นำของขวัญมาด้วย หลังจากกลับไปแล้ว ผมจะนำของขวัญชิ้นใหญ่ส่งไปถึงบ้านอย่างแน่นอน!”

และคนที่คบหากับตระกูลฉีก็ได้สติกลับคืนมา ต่างยืนขึ้นและกล่าวแสดงความยินดีด้วยรอยยิ้มว่า “ขอแสดงความยินดีกับคุณหนูฉีด้วย!”

คนเหล่านี้ล้วนเป็นคนฉลาดหลักแหลม และพวกเขามองออกว่าเฉินโม่ไม่ได้มีความรู้สึกดีต่อคนทั้งตระกูลฉี แต่เขาดูแลคุณหนูฉีเป็นพิเศษคนเดียวเท่านั้น ดังนั้นพวกเขาเพียงแค่แสดงความยินดีกับฉีเยว่หยูคนเดียว ละเลยฉีฉางเฟิงกับฉีหมิงซาน

ถึงแม้ว่าฉีฉางเฟิงจะรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย แต่ไม่เห็นเป็นไร? เพราะฉีเยว่หยูเป็นลูกสาวของเขา ซึ่งมันไม่ต่างไปจากการแสดงความยินดีกับเขา

“ผมยังมีธุระ ต้องขอตัวก่อน!” หลังจากเฉินโม่กล่าวจบ เขาก็เดินจากไปด้วยท่าทางที่ไม่แยแส และไม่แม้แต่จะมองฉีหมิงซานด้วยซ้ำ

“ลาก่อน!” ฉีเยว่หยูมองแผ่นหลังที่ผอมบางของเฉินโม่ รู้สึกเหมือนกับว่าเขานั้นสูงเท่าภูเขา และเกรงว่าต่อจากนี้ไปเธอคงไม่สามารถชอบใครได้อีกแล้ว

เฉินโม่เดินไปหามู่หรงยานเอ๋อร์ แล้วพวกเขาสองคนก็เดินออกไปจากห้องโถงท่ามกลางสายตาของทุกคน

ทุกคนสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามู่หรงยานเอ๋อร์ควงแขนเฉินไต้ซือ สัญญาณนี้เหมือนระเบิดลูกหนึ่ง ซึ่งมันน่าตกใจยิ่งกว่าคำพูดที่เฉินโม่พูดกับฉีเยว่เมื่อสักครู่!

หวงเจิ้นหลง กู้เฟิง เสิ่นฉีเซิ่ง รวมถึงเศรษฐีและผู้ทรงอิทธิพลที่มีชื่อเสียง มองมู่หรงเค่อด้วยสายตาริษยาอีกครั้ง

กู้เฟิงยิ้มด้วยความขมขื่น “มู่หรงเค่อเลี้ยงลูกสาวได้ดีมาก เกรงว่าต่อไปไม่มีความจำเป็นต้องจัดงานพันธมิตรสี่ฝ่ายอีกแล้ว!”

เสิ่นฉีเซิ่งมองแผ่นหลังของมู่หรงยานเอ๋อร์ที่เดินจากไป แล้วหันมามองเสิ่นหยูปิงที่ตกตะลึงจนตัวแข็งทื่อ และน้ำตานองหน้า เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกผิดหวังในตัวลูกสาวของตนเอง

เมื่อมองแผ่นหลังของเฉินโม่ที่เดินจากไป เสิ่นหยูปิงรู้สึกอารมณ์หลากหลาย “เฉินไต้ซือ ฉันคิดว่าคุณจะมาแก้แค้นฉันเสียอีก ที่แท้คุณไม่เคยเห็นฉันอยู่ในสายตาเลย! เพราะการโจมตีที่ดีที่สุดคือการเพิกเฉย เฉินไต้ซือ คุณช่างโหดเหี้ยมจริง ๆ!”

หลังจากเฉินโม่เดินจากไปสักพัก ฉีหมิงซานเงยหน้าขึ้นและถามว่า “เสี่ยวหยู เฉิน..เฉินไต้ซือไปแล้วใช่ไหม?”

ฉีเยว่หยูมองพี่ชายตนเองด้วยสายตาเหยียดหยาม เมื่อเทียบกับเฉินโม่แล้ว พี่ชายของตนเองถึงจะเป็นคนที่ขี้ขลาดอย่างแท้จริง!

“ค่ะ” ฉีเยว่หยูตอบคำหนึ่ง และไม่อยากจะสนใจฉีหมิงซานอีกต่อไป

มู่หรงเค่อเหลือบมองอินทรีคู่ขาวดำที่สั่นอยู่ข้างหลัง มีความเหยียดหยามอยู่ในสายตาเล็กน้อย

“คุณอินทรีทั้งสอง ตามข้อตกลงของพวกเราแล้ว พวกคุณไม่ได้สร้างผลประโยชน์ให้ตระกูลมู่หรงแม้แต่น้อย คราวนี้เป็นความดีความชอบของเฉินไต้ซือทั้งหมด พวกคุณจะได้รับแค่เงินมัดจำที่พวกเราตกลงกันตอนแรกเท่านั้น พวกคุณสองคนมีอะไรคัดค้านไหม?”

อินทรีคู่ขาวดำพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “ไม่…ไม่มีอะไรคัดค้าน คุณมู่หรงจัดการได้ดีมาก!”

“ถ้าเช่นนั้นก็ดีแล้ว!” มู่หรงเค่อพยักหน้าเบา ๆ ความเหยียดหยามที่อยู่ในสายตายิ่งหนาแน่นขึ้น

อินทรีคู่ขาวดำรู้สึกว่าร่างกายของตนเองกำลังจะหมดแรง ก่อนหน้านั้นพวกเขาเหยียดหยามเฉินโม่เสมอมา แต่ตอนนี้เมื่อพวกเขาเห็นว่าเฉินโม่ทรงพลังดั่งเทพเจ้า ทำให้พวกเขาตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ และกลัวว่าเฉินโม่จะฆ่าพวกเขาเป็นการแก้แค้น แล้วพวกเขาจะกล้าต่อรองกับมู่หรงเค่อได้อย่างไร?

ถ้าจะฆ่าคนธรรมดาเหล่านั้น เฉินโม่อาจจะกังวลเจ้าหน้าที่ของหัวเซี่ย แต่การฆ่านักบู๊อย่างพวกเขา เฉินโม่ไม่ต้องกังวลเลยสักนิด

ไม่สามารถดูหมิ่นปรมาจารย์ได้! แต่พวกเขาดูหมิ่นปรมาจารย์ครั้งแล้วครั้งเล่า เป็นโทษที่สมควรตาย!

ตอนนี้พวกเขาสามารถรักษาชีวิตเอาไว้ได้ พวกเขาสองคนก็รู้สึกดีใจมากแล้ว

งานพันธมิตรสี่ฝ่ายคราวนี้ ตระกูลมู่หรงได้ผลประโยชน์มากมาย แต่มู่หรงเค่อเป็นคนที่รู้จักประมาณตนเอง เขายังคงให้หวงเจิ้นหลงกับเสิ่นฉีเซิ่งดูแลอาณาเขตของตนเองต่อไป แต่ทรัพย์สินภายใต้ชื่อของพวกเขาถูกเปลี่ยนเป็นชื่อของเฉินโม่แล้ว