ตอนที่ 245 ช่างสาแก่ใจจริงๆ + ตอนที่ 246 ความไม่แน่ใจในไฝสีแดงชาด

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 245 ช่างสาแก่ใจจริงๆ + ตอนที่ 246 ความไม่แน่ใจในไฝสีแดงชาด โดย Ink Stone_Romance

ตอนที่ 245 ช่างสาแก่ใจจริงๆ

เหยียนหมิงซุ่นรีบเก็บมือกลับมา พูดอย่างไม่พอใจว่า “พี่ก็ระวังแล้ว ยังจะมาพูดอีกว่าไม่เจ็บ”

“ไม่โดนก็ไม่เจ็บ จริงๆ นะ” อู่เหมยสูดหายใจ อยากจะก้มหัวหลบ หน้าเธอตอนนี้น่าเกลียดดูไม่ได้เป็นอย่างมาก รู้สึกเขินเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเหยียนหมิงซุ่น

“เสร็จแล้ว ยาขี้ผึ้งนี่พี่ให้เธอ ก่อนนอนตอนกลางคืนค่อยทาอีกรอบ แป๊บเดียวเดี๋ยวก็หายแล้ว แล้วก็อย่ากินอาหารจำพวกรสจัดเผ็ดฉุน กินอาหารรสอ่อนๆ หน่อย ไม่อย่างนั้นบาดแผลจะหายช้า” เหยียนหมิงซุ่นกำชับอย่างระมัดระวัง แล้วก็เอายาขี้ผึ้งยัดลงไปในกระเป๋าเรียนของอู่เหมย

“อืม ขอบคุณค่ะพี่หมิงซุ่น” อู่เหมยพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง ในใจรู้สึกอบอุ่นยิ่งนัก

“เด็กดี!”

เหยียนหมิงซุ่นยิ้มพลางลูบหัวอู่เหมยเบาๆ ผมของเด็กน้อยนี่นุ่มลื่นมาก เวลาลูบขึ้นมาให้ความรู้สึกดีไม่เลว เหยียนหมิงซุ่นอดไม่ไหวลูบแล้วลูบอีก

อู่เหมยอดไม่ได้ที่จะทำปากมุ่ย เธอไม่ใช่หมาสักหน่อย  เหยียนหมิงซุ่นก็ไม่เก็บมือสักที ยังคงลูบหัวไปลูบมาไม่จบไม่สิ้น อู่เหมยเองก็ไม่กล้าต่อต้านอนาคตหัวหน้าผู้นำระดับสูงคนนี้ แต่อดทนมาได้สักพักใหญ่ เธอก็มีความคิดดีๆ ผุดขึ้นมา เปลี่ยนเรื่องว่า “พี่หมิงซุ่น สอบวิชาภาษาครั้งนี้ฉันได้ตั้ง 74 คะแนนแน่ะ”

“ก้าวหน้าไปมากเลย ครั้งหน้าพยายามสอบให้ได้แปดสิบคะแนนนะ”

เหยียนหมิงซุ่นชมเชยอย่างจริงใจ พร้อมกับล้วงลูกอมถั่วออกมาจากกระเป๋าหนึ่งเม็ดส่งให้อู่เหมย ครั้งที่แล้วตอนอยู่บนภูเขาเฟิ่งหวง เหมยซูหานให้เด็กน้อยคนนี้กินขนมถั่วตัด พอเห็นว่าอู่เหมยชอบกิน เวลาเขาออกจากบ้านก็ตั้งใจไปซื้อที่ห้าง

“ขอบคุณพี่หมิงซุ่น”

มือที่ลูบอยู่บนหัวก็ละออกมาแล้ว อู่เหมยรับลูกอมถั่วมาอย่างดีใจ แกะกระดาษห่อแล้วเอาลูกอมเข้าปาก พอใจจนตาหยี เหยียนหมิงซุ่นอดไม่ไหวหัวเราะออกมา ไม่รู้จริงๆ ว่าไอ้ลูกอมถั่วนี่มีอะไรน่าอร่อย ยัยเด็กบื้อนี่ถึงได้ทำท่าเหมือนกินผลไม้วิเศษก็ไม่ปาน

“ลูกอมพวกนี้พี่ให้เธอทั้งหมด กินครั้งหนึ่งก็อย่ากินเยอะ ระวังฟันผุล่ะ”

เหยียนหมิงซุ่นหยิบลูกอมที่เพิ่งซื้อเมื่อกี้หยิบออกมาทั้งหมด ยัดให้อู่เหมยไปทั้งหมด คิดซะให้ว่าเด็กบื้อนี่เป็นรางวัลแล้วกัน สอบได้ 74 คะแนนไม่ใช่เรื่องง่ายๆ นะ!

“อืม วันหนึ่งฉันจะกินแค่สามเม็ด ไม่กินเยอะหรอก”

ใบหน้าของอู่เหมยมีความสุขเหมือนกับดอกไม้บาน แกะเปลือกลูกอมป้อนให้ฉิวฉิวที่ทำตาปริบๆ เจ้าตัวเล็กนี่ชอบกินลูกอมมากกว่าเธออีก ช่วงระยะเวลาสั้นๆ ที่อยู่บ้านสยงมู่มู่นั้นไม่รู้ว่ากินไปเยอะเท่าไรแล้ว ทุกครั้งที่กลับมาจากข้างนอก ในปากก็มีแต่กลิ่นช็อกโกแลต

“พี่หมิงซุ่น เดือนหน้าฉันต้องเข้าร่วมการแข่งวาดภาพระดับมณฑล อาจารย์เฮ่อบอกว่าฉันคงจะสามารถคว้าอันดับดีๆ มาได้แหละ แต่สมมติว่าถ้าฉันสามารถได้สามอันดับแรก ฉันก็จะสามารถเข้าร่วมการแข่งขันระดับประเทศที่เมืองหลวงด้วยล่ะ” อู่เหมยมีความกระตือรือร้นที่จะแบ่งปันข่าวดีให้กับเหยียนหมิงซุ่นฟัง เก็บเอาไว้ในใจแค่คนเดียวรู้สึกอึดอัดจริงๆ

เหยียนหมิงซุ่นแปลกใจจนเลิกคิ้ว เพิ่งจะเรียนวาดรูปก็สามารถเข้าร่วมการแข่งขันแล้ว ดูแล้วพรสวรรค์การวาดรูปของเด็กน้อยคนนี้คงจะสูงมากจริงๆ!

“เหมยเหมยเก่งจริงๆ เธอต้องตั้งใจเรียนศิลปะนะ พยายามให้ได้สามอันดับแรก แบบนี้อาจารย์อู่คงจะไม่คัดค้านเรื่องที่เธอเรียนศิลปะแล้วล่ะ”

อู่เหมยพยักหน้าอย่างแรง ทำปากมุ่ยพูดว่า “อืม ฉันก็คิดอย่างนี้เหมือนกัน พี่สาวฉันสอบได้ที่หนึ่ง วันหลังฉันก็จะวาดรูปให้ได้ที่หนึ่ง ฉันจะไม่แย่ไปกว่าพี่หรอก”

เหยียนหมิงซุ่นอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ครั้งนี้พี่สาวเธอสอบไม่ได้ที่หนึ่งนะ แต่ว่าได้ที่สิบสอง แย่กว่าปกติที่เคยได้ตั้งเยอะ เหมยเหมยขอเพียงเธอตั้งใจพยายาม วันหลังจะไม่แย่กว่าใครคนไหนแน่นอน”

อันดับที่สิบสอง?

อู่เหมยเบิกตากว้าง ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง เธอคิดมานับไม่ถ้วนเห็นจะได้ คิดว่าอู่เยวี่ยคงจะได้ที่สี่ ที่ห้า หรือที่หก แต่ไม่มีทางออกจากอันดับที่สิบ อย่างไรแล้วพื้นความรู้ของเธอก็เห็นๆ กันอยู่ว่า ต่อให้ท้องเสียยังไง ก็คงไม่ถึงกับหลุดจากอันดับสิบหรอก!

ด้วยความหยิ่งทะนงของอู่เยวี่ยแล้ว สอบได้ที่สิบสองก็เหมือนกับสอบได้ที่โหล่ มิน่าล่ะ ก่อนหน้านี้ถึงได้ร้องไห้เสียใจขนาดนั้น!

อู่เหมยดีใจจนหันไปจุ๊บฉิวฉิวที่อยู่ในอ้อมกอดของเหยียนหมิงซุ่น จุ๊บแล้วจุ๊บอีก เป็นเพราะคุณงามความดีของเจ้าหนุ่มน้อยทั้งหมด ช่างสาแก่ใจจริงๆ!

………………………………………………………….

ตอนที่ 246 ความไม่แน่ใจในไฝสีแดงชาด

จมูกของเหยียนหมิงซุ่นได้หอมกลิ่นจางๆ อีกทั้งยังมีกลิ่นนม แก้มของเขาร้อนขึ้นเล็กน้อย อีกอย่างนี่เป็นครั้งแรกที่อยู่ใกล้กับผู้หญิงขนาดนี้ แน่นอนว่าอู่เหมยไม่ควรจะนับว่าเป็นผู้หญิง ยังเป็นเด็กน้อยที่ดื่มนมอยู่เลย แต่ก็ยังทำให้เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเอง อยู่ดีๆ ภายในใจก็รู้สึกตื่นเต้นสั่นไหวขึ้นมา

พิลึกมากจริงๆ ตัวเขานั้น แม้กระทั่งภูเขาไท่พังทลายลงมาต่อหน้าก็ยังไม่กะพริบตา แต่ทำไมวันนี้ความสุขุมถึงหายไปได้นะ?

อู่เหมยจุ๊บฉิวฉิวไปหลายทีแล้วก็ออกมา เหยียนหมิงซุ่นถึงจะสงบจิตใจลงมาได้ เขาสูดลมหายใจลึกๆ อยู่หลายครั้ง กลิ่นนมก็ไม่มีแล้ว

เหยียนหมิงซุ่นไม่แน่ใจกับความคิดของตัวเองในเวลานี้ เขาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว จิตใต้สำนึกทำให้เขาส่งฉิวฉิวให้กับอู่เหมย “นี่ก็เย็นแล้ว รีบกลับบ้านเถอะ พรุ่งนี้ตอนเช้าเก้าโมงพี่จะรอเธออยู่ที่ประตูหน้าโรงเรียน พวกเราไปดูบ้านกันแล้วก็ให้เงินด้วย”

“อืม!”

อู่เหมยหัวเราะจนตาโค้งแทบจะปิด ในที่สุดเธอก็จะมีบ้านของตัวเองแล้ว ระยะนี้มีแต่เรื่องที่น่ายินดีติดต่อกันหลายอย่าง ดีจริงๆ เลย!

ระหว่างทางกลับบ้าน อู่เหมยเล่าเรื่องที่จ้าวอิงหนานรับเธอเป็นลูกบุญธรรม เหยียนหมิงซุ่นได้ยินคุณย่าหยางพูดก่อนแล้ว ก็ดีใจแทนอู่เหมยมาก มีจ้าวอิงหนานปกป้องคุ้มครอง เหอปี้อวิ๋นคิดอยากจะตีอู่เหมย ก็ต้องมีกังวลอยู่บ้างล่ะ

แต่ว่าเหยียนหมิงซุ่นรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย ถ้าเป็นแบบนี้ อู่เหมยกับสยงมู่มู่ก็จะเป็นพี่น้องกันมิใช่หรือ แบบนั้นวันหลังพวกเขาก็จะสนิทสนมกันมากขึ้น เหยียนหมิงซุ่นไม่ชอบเห็นสยงมู่มู่กับอู่เหมยอยู่ใกล้กันเลยแม้แต่นิดเดียว รู้สึกขวางหูขวางตาตลอด

“งั้นเธอก็ต้องเรียกสยงมู่มู่ว่าพี่ชายแล้ว” เหยียนหมิงซุ่นพูดยิ้มๆ

อู่เหมยเบะปาก “ฉันไม่เรียกเขาว่าพี่หรอก คนที่ความคิดเหมือนเด็กขนาดนั้น!”

เหยียนหมิงซุ่นยิ้มอย่างพอใจ สยงมู่มู่เจ้านั่นความคิดยังเหมือนเด็กจริงๆ อู่เหมยพูดไม่ผิด

“พี่หมิงซุ่น พี่ว่าฉันหน้าตาเหมือนกับป้าจ้าวไหม? พวกเขาต่างก็บอกว่าฉันหน้าตาคล้ายกับป้าจ้าว แต่ฉันไม่เห็นจะรู้สึกเลย” อู่เหมยถาม

เหยียนหมิงซุ่นมองอู่เหมยอย่างละเอียดอยู่หลายครั้ง ก็หวนนึกถึงหน้าตาของจ้าวอิงหนาน การสังเกตของเขาดีกว่าคนทั่วไปมาก แต่เทียบดูความเหมือนและความต่างของทั้งคู่ เพียงแค่ครู่เดียวก็พบส่วนที่คล้ายกันของอู่เหมยและจ้าวอิงหนาน

“ตากับจมูกก็คล้ายกันอยู่นะ แสดงให้เห็นว่าเธอเหมยเหมยกับอาจารย์จ้าวมีวาสนาต่อกันนะ”

อู่เหมยมีหัวเราะอย่างมีความสุข พูดเองเออเองว่า “แปลกจริงๆ หน้าตาของฉันไม่เหมือนพ่อแม่เลยสักนิด ตรงข้ามกลับเหมือนน้าจ้าวซะงั้น”

เหยียนหมิงซุ่นคิ้วกระตุก เขาถึงนึกขึ้นมาได้ว่าเขามองข้าม ไม่ได้สังเกตข้อเท็จจริงนี้ อู่เหมยและอู่เจิ้งซือสองสามีภรรยานั้นกลับไม่มีส่วนที่คล้ายกันเลยแม้แต่นิดเดียว

ถ้าเป็นโดยทั่วไป ต่อให้ลูกไม่เหมือนพ่อแม่แค่ไหน ก็ยังสามารถหาจุดเล็กๆ น้อยๆ ที่คล้ายกันได้ เช่น ติ่งหู คิ้ว รูปปาก นิ้วมือหรือว่านิ้วเท้า เป็นต้น แม้กระทั่งไฝหนึ่งเม็ดก็สามารถบอกได้ว่าเป็นกรรมพันธุ์ที่ตกทอดมาจากพ่อแม่

“ไฝ?”

เหยียนหมิงซุ่นมองดูไฟสีแดงชาดที่อยู่กึ่งกลางระหว่างคิ้วของอู่เหมย ตามที่เขารู้ พวกตำแหน่งความงามนี่ต่างก็มาจากการสืบทอดพันธุกรรมของพ่อแม่หรือมาจากบรรพบุรุษ อู่เจิ้งซือสองสามีภรรยาคู่นี้ไม่มีไฝสีแดงทั้งคู่

“เหมยเหมย ครอบครัวญาติๆ เธอมีใครมีไฝสีแดงชาดนี่บ้างไหม?” เหยียนหมิงซุ่นถาม

อู่เหมยเอียงหัวคิดแล้วคิดอีกพลางส่ายหัว “น่าจะไม่มีนะ พ่อฉันและแม่ฉันไม่มีใครมีเลย มีแค่ฉันคนเดียว”

เหยียนหมิงซุ่นใจเต้นแรง ทั้งสองฝั่งต่างไม่มีใครมีไฝสีแดงชาดเลย มีแต่อู่เหมยคนเดียวที่มี หรือว่า…

เขารีบปฏิเสธความคิดไร้สาระที่พุ่งขึ้นมาเมื้อกี้ จะเป็นไปได้อย่างไร?

เขาคิดมากเกินไปแล้วแน่นอน!

อู่เหมยเพิ่งจะอายุสิบสองปี คงยังรู้จักญาติๆ ในบ้านไม่หมด เธอคงจำได้ไม่หมดแน่นอน

ถึงแม้เหยียนหมิงซุ่นจะปฏิเสธความคิดของตัวเอง แต่เมล็ดพันธุ์แห่งความสงสัยก็ได้ฝังลงไปแล้ว และซ่อนเอาไว้ในก้นบึ้งของหัวใจ รอโอกาสที่เมล็ดพวกนี้จะหยั่งรากลึก ใบอ่อนโผล่พ้น แตกกิ่งก้าน และเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาในวันหนึ่ง

………………………………………………………….