ตอนที่ 322 เจียงมู่เฉินกระอักเลือด / ตอนที่ 323 ให้เขาไป

(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์

ตอนที่ 322 เจียงมู่เฉินกระอักเลือด 

 

 

           ประโยคไม่กี่ประโยคนี้ของเขา ราวกับคมมีดที่ค่อยๆ ทิ่งแทงเข้าไปกลางใจของเจียงมู่เฉินทีละนิดๆ เลือดแดงฉานหลั่งรินทีละหยดๆ 

 

 

           เขาคิดไม่ตกว่าทำไมพอแม่เขาคัดค้าน ซือเหยี่ยนก็ยอมแพ้อย่างไม่ลังเลไปได้มาจนถึงตอนนี้ 

 

 

           ‘ที่แท้… 

 

 

           …ตั้งแต่ต้นจนจบเขาก็แค่เล่นกันเท่านั้นเอง’ 

 

 

           ดังนั้นถึงไม่อยากจะแบกชื่อเสียงแบบนี้ ถึงได้เลือกจะเลิกกับเขาอย่างไม่ลังเลได้ 

 

 

           เจียงมู่เฉินหัวใจบีบรัดแน่น เจ็บจนหายใจติดขัด 

 

 

           เขามองซือเหยี่ยน ยังคงเป็นใบหน้าเมื่อก่อนนั้น ทั้งๆ ที่เป็นใบหน้านั้นที่เขาคุ้นเคยขนาดนั้น กลับแปลกหน้าถึงขั้นนี้ไปได้ในเพียงชั่วพริบตา 

 

 

           เจียงมู่เฉินอดจะคิดไม่ได้ ว่าตอนแรกเริ่มนั้นเรื่องพวกนั้นที่ซือเหยี่ยนทำกับเขา ที่สุดแล้วมีความจริงสักแค่ไหนกันแน่ 

 

 

           หรือว่าตั้งแรกจนสุดท้าย สำหรับซือเหยี่ยนแล้ว ก็เป็นแค่เกมเกมหนึ่ง 

 

 

           เป็นเขาเองที่ถลำลึกเกินไปในเกมนี้ 

 

 

           ถูกเขาทำร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่าขนาดนี้ ยังจะหาเหตุผลให้เขาอีก 

 

 

           ถึงขั้นที่ว่ายินดีจะก้าวเข้าไปเหยียบกับดักของซูเตอร์เพื่อซือเหยี่ยน เพราะอยากรู้ว่าซือเหยี่ยนจะยินดียินร้ายที่เขาโดนซูเตอร์กักขังหรือเปล่า 

 

 

           ทุกอย่างที่เขาทำไปในสายตาของซูเตอร์กับซือเหยี่ยนจะตลกมากเป็นพิเศษเลยใช่ไหม 

 

 

           หรือบางทีตอนนั้นที่เขาตกในห้วงความรักความหลงของซือเหยี่ยน ซือเหยี่ยนกลับรู้สึกว่าเขาหลอกง่ายเกินไป 

 

 

           หรือบางทีในใจของซือเหยี่ยน คุณชายเจียงผู้เย่อหยิ่งก็เป็นเพียงแค่เจ้าโง่ พูดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ตัวเองก็เชื่อไปเสียทุกอย่าง 

 

 

           ซังจิ่งเห็นสีหน้าเขาแปลกไป ก็รีบเอ่ย “เจียงมู่เฉิน ผมจะพาคุณออกไปก่อนนะ” 

 

 

           เจียงมู่เฉินกดเก็บลมหายใจ ปัดมือซังจิ่งออก 

 

 

           เขามองซือเหยี่ยน ความเด็ดเดี่ยวที่ซือเหยี่ยนไม่เคยเห็นมาก่อนปรากฏในแววตา เขาเดินเข้าใกล้ซือเหยี่ยนทีละก้าวๆ 

 

 

           ซังจิ่งเป็นห่วง คว้ามือของเจียงมู่เฉินไว้ แต่กลับโดนเขาดึงออกอย่างไม่ลังเล 

 

 

           เขาเดินมาถึงตรงหน้าซือเหยี่ยนอย่างช้าๆ นัยน์ตาดอกท้อคู่นี้มองเขาตรงๆ “ที่เขาพูดมาเป็นความจริงทั้งหมดเหรอ” 

 

 

           ซือเหยี่ยนกำมือแน่น ความต่อสู้ดิ้นรนแฝงในแววตา 

 

 

           “นี่เป็นที่เขาพูดกับฉันเองในวันนั้นทั้งหมด จะไม่จริงได้เหรอ” ซูเตอร์เอ่ยตอบอย่างอดรนทนไม่ได้ 

 

 

           เจียงมู่เฉินมองเขาปราดเดียวด้วยความเย็นชา “หุบปาก ฉันให้เขาพูด” 

 

 

           การมองปราดเดียวนี้ของเขาทำเอาซูเตอร์ใจสั่นสะท้าย ไม่กล้าตอบในบัดดล ยืนอยู่ด้านข้างอย่างว่าง่าย 

 

 

           เจียงมู่เฉินเบนสายตากลับมามองซือเหยี่ยน 

 

 

           เขาถามอีกครั้ง “คำพูดพวกนั้นที่เขาพูดมาเมื่อกี้เป็นความจริงทั้งหมดใช่ไหม” 

 

 

           ปลายนิ้วของซือเหยี่ยนสั่นเล็กน้อย เขาพยายามให้ตัวเองครองสติมองไปยังเจียงมู่เฉิน 

 

 

           “ฉันก็แค่ต้องการคำตอบเดียวจากนาย ไม่ได้ยากขนาดนั้นหรอกมั้ง” 

 

 

           เวลาเงียบลงสักพัก ผ่านไปนานพอควร ซือเหยี่ยนถึงเค้นคำหนึ่งออกมาจากลำคอ “ใช่” 

 

 

           “เพราะว่าไม่คุ้มค่าที่นายต้องแบกรับเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่ ดังนั้นตอนนั้นนายถึงเลิกกับฉันได้โดยไม่ลังเลสักนิดใช่ไหม” 

 

 

           ซือเหยี่ยนไม่พูดจา 

 

 

           เจียงมู่เฉินตะเบ็งสียงเย็น “ใช่ไหม!” 

 

 

           ซือเหยี่ยนหลับตาเอ่ย “ใช่” 

 

 

           เจียงมู่เฉินอดจะยกมุมปากขึ้นไม่ได้ เขาตลกเสียจริง คิดไปเองว่าสุดท้ายก็หาคนที่จะอยู่เคียงกันไปตลอดชีวิตเจอแล้ว 

 

 

           แต่จนถึงวันนี้เขาถึงเพิ่งเข้าใจ ซือเหยี่ยนไม่เคยคิดจะอยู่กับเขาจนแก่เฒ่ามาตั้งแต่แรก 

 

 

           เจียงมู่เฉินหัวเราะเสียงต่ำ รู้สึกว่าตัวเองช่างน่าขันไม่เบา 

 

 

           กลิ่นคาวเลือดตีขึ้นมาอยู่ในช่องคอ เจียงมู่เฉินตัวสั่นวูบ กระอักเลือดออกมา 

 

 

           เลือดสีแดงสดไหลตามมุมปากลงมาอย่างช้าๆ ตกกระทบเสื้อเชิ้ตบนตัวที่เปื้อนเปรอะจนดูไม่ได้มาก่อนหน้านี้แล้ว เจียงมู่เฉินหลับตาลง หงายหลังล้มลงไปอย่างช้าๆ… 

 

 

           ซือเหยี่ยนหัวใจเจ็บปวดอย่างรุนแรงทันที เกือบจะพุ่งตัวเข้าไปกอดเจียงมู่เฉินเอาไว้ 

 

 

           ซังจิ่งเอาแต่จ้องมองเจียงมู่เฉิน เห็นเขากระอักเลือดเป็นลมกะทันหัน ก็รีบเข้าไปกอดเขาเอาไว้ 

 

 

           เจียงมู่เฉินในอ้อมกอดได้หมดสติไปแล้ว เขาไม่พูดต่อเป็นคำที่สอง ช้อนอุ้มร่างเจียงมู่เฉินขึ้นมาทันที 

 

 

           ซูเตอร์เห็นซังจิ่งคิดจะพาเจียงมู่เฉินออกไป เขากำลังเตรียมจะไปขวาง กลับถูกมือซือเหยี่ยนดึงเอาไว้ 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 323 ให้เขาไป 

 

 

           “พอได้แล้ว ให้เขาไป” 

 

 

           ซูเตอร์มองซือเหยี่ยนอย่างไม่กล้าจะเชื่อได้ “นายไม่กลัวว่าวันหลังเขาเกิดไม่ยอมโดยดีแล้วแก้แค้นนายขึ้นมาหรือไง” 

 

 

           ซือเหยี่ยนยืนตัวตรงอยู่ตรงนั้น สายตาไม่ห่างจากเจียงมู่เฉินไปไหน เขาเอ่ยเน้นคำต่อคำ “วันหลังเขามาแก้แค้นผม ก็เป็นสิ่งที่ผมควรจะได้รับ” 

 

 

           “ซือเหยี่ยน…” ซูเตอร์ยังอยากพูดอะไรต่อ 

 

 

           เขาเอ่ยตัดตอน “ก่อนหน้านี้คุณรับปากอะไรผมไว้ หวังว่าคุณคงยังไม่ลืม”  

 

 

           ซูเตอร์พูดไม่ออกในทันใด เดิมเขารับปากซือเหยี่ยนว่าจะไม่ไปหาเรื่องเจียงมู่เฉินอีก 

 

 

           แต่ตอนนี้เขาพาตัวเจียงมู่เฉินมากักขังไว้ ก็เป็นการผิดข้อห้ามของซือเหยี่ยนไปแล้ว เขากลัวจะทำให้ซือเหยี่ยนโกรธเคืองจริงๆ สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรอีก 

 

 

           ท่านเชนเห็นสถานการณ์ก็เดินเข้าไปหาซังจิ่ง “นายรีบพาเขาไปเร็ว” 

 

 

           ซังจิ่งชำเหลืองมองซือเหยี่ยนอย่างมีนัยยะลึกซึ้ง แล้วอุ้มตัวคนออกไปโดยไม่ลังเลสักนิด 

 

 

           ซือเหยี่ยนมองดูเจียงมู่เฉินถูกคนพาตัวไปทั้งอย่างนี้ ทั้งยังไม่ทิ้งร่องรอยไว้แม้แต้น้อย 

 

 

           รอจนซังจิ่งขับรถออกไป ซือเหยี่ยนกำมือแน่นเดินเข้าห้องไป 

 

 

           เขาพิงประตู รู้สึกว่าทั้งตัวโดนควักออกทั้งหมดจนไม่เหลืออะไรสักอย่าง 

 

 

           ผ่านเรื่องวันนี้ไปแล้ว เจียงมู่เฉินต้องไม่มีทางจะให้อภัยเขาได้อีกต่อไป 

 

 

           ซือเหยี่ยนปิดดวงตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ความสิ้นหวังที่ไร้หนทางจะพรรณนาได้ปรากฏขึ้นมาในใจ 

 

 

           เฉินเฉินของเขา อาจจะกลับมาหาเขาไม่ได้อีกแล้ว 

 

 

           …… 

 

 

           ซังจิ่งขับรถเร็วราวจะบินทะยานขึ้นไป รีบส่งตัวเจียงมู่เฉินไปโรงพยาบาล 

 

 

           เขารออยู่ข้างนอก ในมือเต็มไปด้วยเลือดสีแดงสดของเจียงมู่เฉิน ซังจิ่งกำมืออย่างช่วยอะไรไม่ได้ 

 

 

           คิดไม่ถึงว่าจะมีวันหนึ่งที่เจียงมู่เฉินหมดสติอยู่ในอ้อมกอดของเขา แล้วตัวเองจะกระวนกระวายใจขนาดนี้ 

 

 

           ภาพเจียงมู่เฉินสีหน้าซีดเซียวลอยขึ้นมาในหัวอย่างไม่หยุดหย่อน 

 

 

           ซังจิ่งยกมุมปากขึ้นอย่างจนใจ ถ้าเป็นเมื่อก่อน เขายังคงไม่เข้าใจความคิดของตัวเองที่มีต่อเจียงมู่เฉิน 

 

 

           แต่นาทีนี้ ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้ว 

 

 

           ที่แท้เขาชอบเจียงมู่เฉินไปแล้วตั้งแต่แรก 

 

 

           ไม่ใช่เพราะรู้สึกว่าถูกรสนิยม ไม่ใช่เพราะรู้สึกว่าเขาไม่เหมือนคนอื่น 

 

 

           แต่เป็นเพราะคุณชายน้อยผู้เย่อหยิ่งคนนี้ อยู่ในส่วนที่ลึกที่สุดของหัวใจ 

 

 

           เพียงแต่ว่าสถานะของพวกเขาไม่เหมือนกัน ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงอดทนอดกลั้นบอกตัวเองว่าเจียงมู่เฉินเป็นแค่เป้าหมายในภารกิจ 

 

 

           ซังจิ่งยกมุมปากขึ้นอย่างทำอะไรไม่ได้ บางทีตั้งแต่เขาพาตัวคนส่งให้ฟู่เหยี่ยน เขาก็วางเจียงมู่เฉินไม่ลงแล้ว 

 

 

           ดังนั้นถึงได้สับสนว้าวุ่นใจไม่เป็นสุข ถึงขนาดอยากฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามภารกิจ 

 

 

           ซังจิ่งยืนอยู่หน้าประตูห้องฉุกเฉิน มองดูแสงไฟสีแดงสว่างข้างบนนั้น หัวใจก็บีบคั้นแน่นโดยไม่ตั้งใจ 

 

 

           ผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมง เจียงมู่เฉินถึงได้ถูกเข็นออกมาเข้าห้องพักผู้ป่วยไป 

 

 

           เจียงมู่เฉินเพิ่งจะถูกส่งตัวเข้าห้องพักผู้ป่วยไป ท่านเชนก็รีบตามมา 

 

 

           เขามองซังจิ่งเอ่ยถามเสียงต่ำ “เขาเป็นยังไงบ้างแล้ว” 

 

 

           ซังจิ่งส่ายหัวพร้อมใบหน้าอันเหนื่อยล้า “ไม่เป็นไรแล้วครับ พ้นขีดอันตรายแล้ว” 

 

 

           ท่านเชนโล่งใจไปที “ฉันเข้าไปดูเขาหน่อยได้ไหม” 

 

 

           ซังจิ่งพยักหน้า “เขายังไม่ตื่น ถ้าคุณอยากเข้าไปก็เข้าไปเถอะครับ” 

 

 

           เขาพูดจบ ท่านเชนก็ใช้มือผลักประตูเข้าไป เจียงมู่เฉินนอนหลับสนิทสงบนิ่งอยู่บนเตียง ท่านเชนเห็นใบหน้าซีดเซียวของเจียงมู่เฉิน ขอบตาก็แดงก่ำ 

 

 

           เขาค่อยๆ เดินเข้าไปทีละก้าวๆ มองเจียงมู่เฉิน ภาพใบหน้าห้าวหาญกับใบหน้าซีดเซียวในตอนนี้ของเขาซ้อนทับกันในหัว 

 

 

           คิดถึงสมัยนั้น เจียงมู่เฉินเป็นลูกศิษย์ที่เขาภาคภูมิใจที่สุด 

 

 

           เดิมทีเขาคิดว่ารอให้ตัวเองอายุมากแล้ว ก็จะเกษียณตัวเองสละตำแหน่งของตัวเองส่งต่อเจียงมู่เฉินและซือเหยี่ยน 

 

 

           แต่ใครจะรู้ อุบัติเหตุครั้งเดียว ตายหนึ่ง เจ็บหนึ่ง ไม่มีร่องรอยอะไรเหลือทั้งนั้น 

 

 

           ท่านเชนมองเจียงมู่เฉิน ขอบตาเจือความเจ็บปวด 

 

 

           เขายื่นมือไปดึงผ้าห่มผืนบางที่ห่มบนตัวเจียงมู่เฉินขึ้นเล็กน้อย ยืนมองอยู่ข้างๆ อีกครั้ง 

 

 

           ผ่านไปอีกหลายนาที เขาถึงได้หันกลับหลังเดินออกจากห้องพักผู้ป่วยไป