บทที่ 446 ผลการไต่สวน
สมองลูเซียนขาวโพลนไปชั่วขณะ ก่อนที่เขาจะเข้าใจในที่สุดว่าเฟอร์นันโดกำลังหมายความถึงอะไร

“อาจารย์… ท่านจะบอกว่าวิเซนเตสัมผัสได้ถึงแผนการของข้าอย่างนั้นหรือขอรับ แม้ว่ามันจะเป็นเพียงความคิดอย่างนั้นน่ะหรือ!”

นี่มันมากเกินไปสำหรับลูเซียน

จนถึงตอนนี้ ลูเซียนสามารถเข้าถึงเอกสารส่วนใหญ่ในห้องสมุดอาร์คานาชั้นสูงที่มีระดับต่ำกว่าตำนาน แต่ความรู้เกี่ยวกับระดับตำนานนั้นยังจำกัดอยู่แค่เพียงในตำรา ‘โหราศาสตร์และเวทธาตุ’ ที่กล่าวถึงการเลื่อนระดับตำนานสองขั้นและการสร้างคาถาเวทมนตร์ระดับตำนานที่สอดคล้องกัน จริงอยู่ว่าลูเซียนได้รับรู้เพิ่มเติมมาจากเฟอร์นันโด แต่พวกมันก็เป็นเพียงชิ้นข้อมูลไม่ปะติดปะต่อ เขาไม่ได้มีองค์ความรู้แน่นหนาจนสามารถเห็นภาพความเป็นบุคคลระดับตำนานได้อย่างชัดเจน

ดังนั้น ลูเซียนจึงประหลาดใจอย่างยิ่งกับความรอบรู้ราวกับพระเจ้าของวิเซนเต แม้ว่าเขาจะรู้เท่าทันแผนร้ายของบารอนฮาเบโรด้วยการใช้ ‘เวททำนายชะตา’ มาก่อน แต่ในตอนนั้น บารอนฮาเบโรก็ได้เริ่มลงมือทำไปแล้วและพวกเขาก็อยู่ในปราสาทหลังเดียวกัน ในครั้งนี้ ลูเซียนเพิ่งจะวางแผนการในหัวเมื่อสิบนาทีก่อนและยังไม่มีโอกาสได้หารือกับเฟอร์นันโด แต่ธานาทอสกลับสัมผัสได้ถึงภัยอันตรายที่กำลังจะเกิดขึ้นและลงมือจัดการได้รวดเร็วกว่าเขา

เฟอร์นันโดกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “การเลื่อนขึ้นเป็นระดับตำนานจะนำความเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพมาสู่ชีวิต ในตอนที่สงครามแห่งรุ่งอรุณเพิ่งเริ่มขึ้น ศาสนจักรบรรยายเอาไว้ว่าผู้อยู่ในระดับตำนานนั้นเทียบเท่ากับมนุษย์ครึ่งเทพ หากว่าแผนการของเจ้าใช้ได้ผลจริงๆ และส่งผลอันตรายถึงชีวิตต่อวิเซนเต การคลาดเคลื่อนในเส้นทางโชคชะตาของเขาแม้เพียงนิดก็จะขยายชัดในโลกแห่งปัญญาของเขาและกลายเป็นการเตือนภัยที่รุนแรงมาก”

เฟอร์นันโดหยุดเพียงตรงนี้ครู่หนึ่ง ครุ่นคิดหาตัวอย่างที่เป็นไปได้เพื่อให้ลูเซียนใส่ใจกับเรื่องนี้มากขึ้น

“ตอนที่เจ้าพยายามช่วยผู้สังเกตการณ์ ขณะที่เจ้าวางแผนเบี่ยงเบนความสนใจแดรกคูลา เจ้าเคยคิดจะสังหารเขาหรือไม่ เจ้าเคยวางแผนที่จะมีผลลัพธ์เป็นความตายของเขาหรือไม่” เฟอร์นันโดถาม

“ไม่ขอรับ” ลูเซียนตอบ เป้าหมายเพียงหนึ่งเดียวของเขาคือการช่วยเหลือไรน์มาตั้งแต่ต้น ซึ่งไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับแดรกคูลา เจ้าชายแวมไพร์เลย หากว่าแดรกคูลาไม่เข้ามาขวางทาง ลูเซียนย่อมอยู่ให้ห่างจากเขาที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และนาตาชาก็คงไม่ต้องเสี่ยงชีวิตถึงเพียงนั้น

ลูเซียนไม่มีทางสังหารบุคคลระดับตำนานอย่างแดรกคูลาได้ด้วยตนเอง เว้นแต่ว่าเขาจะมีบุคคลระดับตำนานอยู่ฝ่ายเขามากกว่า นอกจากนี้เขายังปฏิเสธข้อเสนอของนาตาชาที่ว่าให้ใช้ซาร์ดสังหารเจ้าชายแวมไพร์เสีย

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ลูเซียนก็พลันเข้าใจว่าเหตุใดไรน์จึงวางแผนการทั้งหมดให้เป็นไปในทางนี้ กว่าลูเซียนจะเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าตนกำลังเผชิญหน้ากับอะไรก็ต่อเมื่อ ‘พระเจ้าแห่งจันทราสีเงิน’ และสิ่งมีชีวิตลึกลับจาก ‘โลกแห่งวิญญาณ’ เริ่มต่อสู้กัน

จากสุสานสฟิงซ์ไปยังปราสาทใต้ดินของราชันย์แห่งสุริยาและไปจบที่แท่นบูชาของเผ่าคัวโทน ลูเซียนรู้เพียงว่าเขาต้องช่วยไรน์ให้หลุดพ้นจากพันธนาการกักขังเพื่อให้โลกแห่งวิญญาณเป็นภัยน้อยลง ไรน์ไม่เคยบอกเรื่องราวทั้งหมดกับเขา เห็นได้ชัดว่าไรน์พยายามจะทำให้ลูเซียนปลอดภัยจากการไปกระตุ้นการสัมผัสถึงภัยร้ายของสิ่งมีชีวิตลึกลับในโลกแห่งวิญญาณ โชคยังดีที่พลังของมันยังฟื้นคืนไม่เต็มที่ พวกเขาจึงผ่านมันมาได้

แต่แล้วลูเซียนก็นึกขึ้นได้อีกว่า ราชาแห่งฝันร้ายได้ค้นพบโจทย์คณิตศาสตร์แสนซับซ้อนที่ฝังลึกอยู่ในสมองลูเซียนเนื่องจากการกระทำของตนเอง ในตอนที่ลูเซียนเผชิญหน้ากับราชาแห่งสฟิงซ์ มันยังไม่ตื่นขึ้นจากการหลับใหลนับพันๆ ปีอย่างเต็มที่ ส่วนซาร์ด ลูเซียนเพียงใช้มือทั้งสองข้างสังหารคลาวน์ แต่ไม่เคยคิดทำร้ายเขาเลย และสำหรับบุคคลระดับตำนานคนอื่นๆ รวมถึงอาจารย์และท่านประธาน ลูเซียนมักจะระมัดระวังอย่างมากและคอยเกริ่นนำเวลาที่เขาจะนำเสนองานวิจัยหักล้าง

เมื่อเห็นสีหน้าครุ่นคิดของลูเซียน เฟอร์นันโดก็รู้ได้ทันทีว่าตนได้บรรลุเป้าหมายแล้ว “เอาล่ะ หากมีครั้งต่อไป ห้ามเจ้าวางแผนด้วยตัวเอง จงมาหาข้าโดยตรง”

ราวกับว่าเขายังไม่มั่นใจเต็มที่ เฟอร์นันโดจึงเสริมอีกว่า “แต่การส่งงานวิจัยหักล้างนั้นต่างออกไป มันต้องได้รับการพิจารณาก่อน และการลดการกระแทกให้มากพอก็เป็นเรื่องจำเป็น”

ในสายตาเฟอร์นันโด ลูเซียน อีวานส์ ลูกศิษย์ของเขาคือคนที่สามารถโยนงานวิจัยที่ทำให้ศีรษะระเบิดใส่ผู้คนได้ทุกเมื่อ

“บุคคลระดับตำนานไม่สามารถสัมผัสถึงภัยอันตรายที่เกิดจากงานวิจัยหักล้างหรือขอรับ” ลูเซียนมึนงงสับสนอีกครา นี่มันช่างต่างจากสิ่งที่เขาคิดเอาไว้

ดวงตาสีแดงของเฟอร์นันโดจ้องเขม็งที่ลูเซียน “โลกแห่งปัญญาที่รวมตัวเป็นปึกแผ่นกึ่งหนึ่ง มันจะผสานความจริงและเหนือจริงเข้ากับดวงจิต และมันจะมีปฏิกิริยากับโลกแห่งความเป็นจริงและดวงดาวแห่งโชคชะตาบนท้องฟ้า… นี่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับนักเวทเมื่อเลื่อนขึ้นสู่ระดับตำนาน จากสิ่งเหล่านี้ รวมกับภาพจำลองของดาวแห่งโชคชะตาประจำตัวภายในและองค์ความรู้ทางโหราศาสตร์ระดับตำนาน คือแหล่งพลังของความสามารถในการรับรู้ถึงภัยร้ายที่คืบคลานเข้ามาหาของเหล่าบุคคลในตำนาน หากว่างานวิจัยหักล้างจะเป็นอันตรายต่อพวกเขาได้ งานชิ้นนั้นก็จะต้องขัดแย้งกับโลกแห่งปัญญาของพวกเขา หรืออีกในหนึ่งก็คือ โลกแห่งปัญญาของคนคนนั้นไม่ยอมรับผลลัพธ์นั้นๆ จึงมองว่ามันมิใช่ภัยร้าย ดังนั้นมันจึงสัมผัสถึงไม่ได้”

“เป็นเช่นนี้นี่เอง…” ในที่สุดลูเซียนก็เข้าใจมากขึ้น แต่แล้วเขาก็ถามด้วยความกังวล “เช่นนั้น… ธานาทอสจะรู้หรือไม่ขอรับว่าเป็นข้า แล้วเฟลิเปล่ะขอรับ”

การเป็นศัตรูกับมหาจอมเวทนั้นแย่ยิ่งกว่าการหักหลังบุคคลระดับตำนาน เพราะมหาจอมเวทจะมีวิธีการลับจำนวนนับไม่ถ้วนในการพรากชีวิตคนผู้หนึ่ง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าธานาทอสคือมหาจอมเวทผู้เชี่ยวชาญทางด้านศาสตร์มืด คำสาป และการเปลี่ยนแปลงชีวิต

เฟอร์นันโดยิ้มกริ่ม “เจ้าโง่ ลืมไปแล้วหรือว่าเจ้าคือ ‘ผู้มีชะตาลี้ลับ’ เป็นไปได้มากว่าผลจาก ‘เวททำนายชะตา’ ของวิเซนเตจะมาตกที่ข้า มันสมเหตุสมผลกว่ามาก เมื่อพิจารณาจากความสัมพันธ์ใกล้ชิดระหว่างเจ้ากับข้า มีความเป็นไปได้มากว่าข้าจะเป็นผู้ลงมือทำตามแผนการของเจ้า เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลไป หากว่าวิเซนเตหาเจ้าไม่พบ เขาก็ไม่มีทางหาเฟลิเปพบได้”

และนั่นก็แตกต่างจากความเป็นจริงอย่างมาก… ลูเซียนพนักหน้า แต่ในวินาทีต่อมา เขาก็เริ่มกังวลอีกครั้ง “แต่อาจารย์ขอรับ… ธานาทอสจะโกรธท่านเพราะเรื่องนี้ได้”

“แล้วอย่างไร ข้าดูขลาดกลัวอย่างนั้นรึ” ดวงตาของเฟอร์นันโดเบิกกว้าง “…เอาล่ะ เจ้าไปได้แล้ว ข้าต้องไปร่วมการประชุมสภาสูงสุดเพื่อหารือกันเรื่องนี้ และจากนั้นก็ต้องไปไต่สวนปีศาจจากโลกแห่งสีขาวดำนั่นอีก”

“ข้าอยากรู้จริงๆ ว่าแผนการของพวกมันคืออะไร…” ลูเซียนเอ่ยด้วยความสงสัย นึกอยากรู้ว่าเขาคือหนึ่งในเป้าหมายของพวกมันหรือไม่ เพราะว่าเขาได้สังหารปีศาจระดับสูงที่โง่เง่าตนหนึ่งไปภายในถ้ำอันเป็นอนุสรสถานของเหล่าคนแคระ

เฟอร์นันโดตวาด “หากว่าเจ้าควรรู้ เจ้าก็จะได้รู้ แต่ข้าไม่คิดว่าเราจะได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์อะไรหรอกนะ วิเซนเตเป็นผู้ส่งปีศาจพวกนั้นมา ความทรงจำที่หลงเหลืออยู่คงถูกปรับแต่งโดยเขาแล้ว เราคงจะได้เห็นในสิ่งที่เขาอยากให้เห็นเท่านั้น”

ลูเซียนพลันนึกขึ้นได้ว่าวิเซนเต มิรันดา คือผู้เชี่ยวชาญชั้นแนวหน้าในด้านสมองและความทรงจำ คงมีเพียงปลาหมึกยักษ์ที่มีพลังควบคุมจิตใจในเทือกเขาไร้แสงเท่านั้นที่พอจะเป็นคู่ปรับกับเขาได้ ธานาทอสเก่งกาจด้านการแทรกแซงความคิดและค้นดูความทรงจำ และยังปรับเปลี่ยนหรือลบพวกมันได้อีกด้วย

เฟอร์นันโดกับดักลาสสามารถบอกได้ว่าความทรงจำส่วนนั้นเป็นของปลอม แต่พวกเขาไม่อาจรู้ได้ว่าส่วนไหนที่หายไป

ภายในห้องทำงาน ลูเซียนนั่งอ่านผลการไต่สวนบางส่วนที่เฟอร์นันโดส่งมาให้เขา

พวกปีศาจพยายามจะสร้างความขัดแย้งภายในสภาเวทมนตร์โดยใช้ลูเซียน หากว่าเฟลิเปไม่ส่งข้อความมา มันอาจกลายเป็นปัญหาใหญ่ไปแล้วก็ได้

หากเฟลิเปไม่เลือกที่จะหักหลังองค์กร ลูเซียนย่อมไม่มีทางคิดแผนการ และหากไร้ซึ่งแผนการของเขา ธานาทอสย่อมไม่มีทางสัมผัสได้ถึงภัยอันตราย และแผนการของ ‘หัตถ์ไร้ชีวา’ ก็อาจประสบผลสำเร็จ หากเป็นเช่นนั้น ลูเซียนย่อมเป็นผู้ที่ตกอยู่ในปัญหาใหญ่หลวง

ทว่า ลูเซียนปลอดภัยขึ้นมากเนื่องจากสิ่งที่เกิดขึ้น ผู้ใดก็ตามที่หาญกล้าใช้ข้อสันนิษฐานของลูเซียนเป็นข้ออ้างในการก่อการทะเลาะวิวาทจะกลายเป็นผู้ต้องสงสัยหรือสายลับจากศาสนจักรในทันที

‘พวกนั้นรู้เรื่องเกี่ยวกับโลกแห่งวิญญาณมากกว่าข้า และรู้ดีถึงภัยร้ายแรงในส่วนลึกสุด ภาพที่ได้จากความทรงจำของปีศาจที่ชื่ออะดอลเกี่ยวกับสถานที่ที่ลึกที่สุดของโลกนั้นคงจะทำให้สมาชิกสภาสูงสุดทุกคนตกตะลึง…’

ลูเซียนไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลในส่วนของภาพที่สภาสูงสุดได้เห็น แต่เฟอร์นันโดบอกชัดว่าทางสภาจะทำอะไรบ้าง พวกเขาตัดสินใจจะพัฒนาเวทมนตร์ใหม่ๆ ที่จะตรวจจับช่องว่างอันเป็นทางเข้าโลกแห่งวิญญาณโดยใช้เบาะแสจากความทรงจำกับรูปพรรณของปีศาจระดับสูงที่พวกเขาจับมาไต่สวน พวกเขาจะสร้างฐานไว้ใกล้ๆ กับทางเข้านั้นและค่อยๆ สำรวจไปเรื่อยๆ มีเพียงตอนที่พวกเขาสามารถระบุโลกใหม่ที่ ‘พระเจ้าแห่งจันทราสีเงิน’ และสิ่งมีชีวิตลึกลับจากโลกแห่งวิญญาณตกลงไปได้ ค้นพบเศษเสี้ยวของเหล่าเทพเจ้า และได้รับผลจากการวิจัยแล้วเท่านั้นที่พวกเขาจะลงไปยังพื้นที่ส่วนลึกของโลกแห่งวิญญาณ

ดูเหมือนว่าธานาทอสจะยังไม่เข้าข้างโลกแห่งวิญญาณอย่างเต็มตัวเพราะเขามิได้วางแผนลวงนักเวทระดับตำนานให้เข้าไปยังส่วนที่ลึกสุด ทว่า มิมีเรื่องราวเกี่ยวมัสเคลินย์และไรน์ที่ติดอยู่ในส่วนลึกของโลกแห่งวิญญาณถูกพูดถึง ซึ่งนั่นทำให้ลูเซียนสงสัยว่าอะดอลคงไม่มีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลส่วนนี้

ลูเซียนคิดมาตลอดว่าถ้าสภาเวทมนตร์ทราบเรื่องที่ไรน์ติดอยู่ในโลกแห่งวิญญาณ เขาจะทำทีเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราวต่อหน้าเฟอร์นันโด แต่ตอนนี้มันไม่จำเป็นแล้ว

ผลการไต่สวนส่วนที่เหลือทำให้ลูเซียนนึกขัน มันเขียนว่าความขัดแย้งหลายอย่างภายใน ‘หัตถ์ไร้ชีวา’ นั้นเป็นเหล่าปีศาจจากโลกแห่งวิญญาณที่จงใจก่อขึ้น

ลูเซียนนึกภาพออกเลยว่าธานาทอสจะเดือดดาลเพียงใดหลังจากทราบเรื่องนี้ แต่ข้อดีก็คือในตอนนี้ธานาทอสได้รู้แล้วว่าพวกปีศาจเองก็มีเจตนามุ่งร้ายต่อ ‘หัตถ์ไร้ชีวา’ เช่นกัน

ลูเซียนมั่นใจขึ้นมากในตอนนี้ เมื่อรู้ว่าสภาเวทมนตร์ได้ทราบถึงสิ่งที่พวกตนกำลังเผชิญหน้าอยู่

หลังจากที่ลูเซียนอ่านรายงานการไต่สวนจบ กลุ่มก้อนเปลวไฟเล็กๆ ก็ปรากฏขึ้นบนปลายนิ้วเขา กระดาษหนังถูกเผาจนเหลือเพียงเถ้าถ่านและถูกกวาดลงท่อไป

ลูเซียนยืนขึ้น กำลังจะออกจากสถาบันอะตอมในตอนที่ลาซาร์เดินเข้ามาพอดี

“เจ้าอยู่ดึกนะ ลูเซียน” ลาซาร์มองลูเซียนจากศีรษะจรดปลายเท้าด้วยสายตาสงสัย “…ข้าโยงเจ้ากับนักดนตรีผู้ยิ่งใหญ่ไม่ได้จริงๆ นึกไม่ออกเลยจริงๆ ข้านึกว่าเจ้ารู้เพียงเรื่องเวทมนตร์และอาร์คานาศาสตร์! ข้ารู้ว่าผลงานเพลงหลายชิ้นของเจ้าค่อนข้างโรแมนติก… อย่าง ‘แด่ซิลเวีย’ และ ‘แสงจันทร์!’ เหตุใดเจ้ายังอยู่ที่นี่เล่า ผู้หลงใหลคลั่งใคล้ในเสียงเพลงของเจ้าคงไปรออยู่หน้าบ้านเจ้าแล้วกระมัง ข้ามั่นใจว่าท่านหญิงชนชั้นสูงมากมายจากเรนทาโตคงกำลังตั้งตาคอยจะได้พบเจ้าตัวเป็นๆ อยู่เป็นแน่!”

“เพราะเหตุนี้ข้าจึงยังอยู่ที่นี่อย่างไรเล่า” ลูเซียนลูบหน้าผากตนเอง

ลาซาร์ถอนหายใจด้วยท่าทางเกินจริง “เสียของจริงๆ!”

จากนั้นเขาก็ทำหน้าชวนขันแล้วถามว่า “แล้วเรื่องข่าวลือนั่น… เจ้ากับเจ้าหญิงแห่งออร์วาริตรักกันจริงหรือ เพราะอย่างนี้เจ้าถึงไม่สนใจบรรดาท่านหญิงผู้งดงามอย่างนั้นรึ”

ลูเซียนไม่เคยคิดเลยว่าลาซาร์จะชอบเรื่องซุบซิบนินทาเช่นนี้ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับคำถาม ลูเซียนก็ไม่อยากจะปฏิเสธ จึงเลือกที่จะเงียบ

ลาซาร์เข้าใจในทันที จึงลากเสียงยาว “อู้วววว”

“คนหนึ่งอยู่ทางตะวันออก ส่วนอีกคนอยู่ทางตะวันตก คนหนึ่งอยู่ในสภาเวทมนตร์ ส่วนอีกคนอยู่ในเมืองแห่งซาล์ม… ข้าขอบอกว่ายากจริงๆ น้องชาย เจ้าพยายามให้หนักและกลายเป็นนักเวทระดับตำนานให้เร็วที่สุด จากนั้นเจ้าก็นำสภาเวทมนตร์ไปพิชิตศาสนจักรและเดินหน้าต่อไปให้ถึงเมืองแห่งซาล์ม แล้วเจ้าก็จะได้ตัวเจ้าหญิง!” ลาซาร์พูดไม่หยุดขณะที่ทั้งสองเดินออกไปด้วยกัน

เมื่อพวกเขาเดินเข้ามาในลิฟต์ ลูเซียนก็เห็นเฟลิเปยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาโดยสวมเสื้อโค้ตตัวยาวสีดำ

“มารับเหรียญตราอาร์คานาอันใหม่ ข้าจึงอยู่ที่นี่” เฟลิเปขยับเหรียญตราอาร์คานาระดับหกที่อยู่บนอก ใบหน้าเขายังคงเย็นชาไร้รอยยิ้ม

นับแต่ที่มีการใช้คะแนนอ้างอิง เฟลิเปก็ได้รับค่าชื่อเสียงเพิ่มขึ้นมาก

ลูเซียนนึกสงสัยว่าเฟลิเปมารออยู่ที่นี่เพื่อพบเขาเป็นการเฉพาะ เห็นได้ชัดว่าเฟลิเปยังไม่สงบลงอย่างเต็มที่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่กี่วันก่อน

ลูเซียนหัวเราะอย่างรู้ทัน “น่าผิดหวังนิดๆ ที่ได้เห็นเจ้ายังมีชีวิตอยู่”

เฟลิเปส่งเสียงขึ้นจมูก แม้ว่าตอนนี้ในใจเขาจะโล่งขึ้นมากแล้วก็ตาม ไม่นานหลังจากที่เขาส่งข้อความมา จู่ๆ ธานาทอสก็ลงมือทำอะไรหลายๆ อย่าง มันทำให้เขารู้สึกกดดันจนแทบประสาทเสียและทำให้เขารู้สึกเหมือนสัตว์อสูรที่ถูกต้อนให้จนมุม เป็นโชคดีที่เขามีจิตใจอันกล้าแข็ง จึงหยุดตัวเองไม่ให้กระโจนไปอยู่ตรงหน้าธานาทอสได้

“ข้ากำลังพยายามพัฒนาเวทบทใหม่สำหรับการกระจายเสียง หากทุกอย่างเป็นไปด้วยดี บางทีอีกสามหรือสี่ปีจากนี้ เราอาจได้รูปแบบที่ดีกว่านั้น รูปแบบสำหรับระดับสูง” ลูเซียนบอก ขณะมองตรงไปข้างหน้า

เฟลิเปเบนสายตาไปด้านข้างเล็กน้อย และมือทั้งสองข้างที่อยู่ในกระเป๋าก็กำแน่น “เจ้ากำลังหมายถึงอะไรกันแน่”

“ข้ากำลังเตรียมรายการอยู่ หวังว่าเจ้าจะมาเป็นแขกรับเชิญให้ข้าได้นะ” ลูเซียนแย้มยิ้มเจ้าเล่ห์ เขาไม่อยากจะติดค้างอะไรกับเฟลิเปอีกและเขาก็ไม่คิดจะเป็นมิตรกับอีกฝ่ายเลยสักนิด ลูเซียนหวังว่าเขาจะตอบแทนเฟลิเปให้ได้โดยเร็วที่สุด จะได้ไม่ติดค้างอะไรกันอีก

เฟลิเปไม่ค่อยเขาใจที่ลูเซียนพูดเสียเท่าไหร่ “รายการ? แขกรับเชิญ?”

“แล้วเจ้าจะได้รู้” ลูเซียนตอบด้วยน้ำเสียงแฝงนัยน์

จากนั้นเขาก็เดินออกจากลิฟต์ไปพร้อมกับลาซาร์และก้าวเข้าไปยังห้องโถงหลัก