บทที่ 447 เสียงแห่งอาร์คานา

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

บทที่ 447 เสียงแห่งอาร์คานา
ในปีนักบุญที่ 823 ช่วงปลายเดือนแห่งการพักตัว (กุมภาพันธ์) ภายในเขตซาร์ดนี นครเรนทาโต

แต่เดิมเขตซาร์ดนีเป็นหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ ที่มีชาวประมงและพ่อค้าที่ค้าขายปลาจากช่องแคบสตอร์มอาศัยอยู่ จากนั้นหมู่บ้านก็เจริญรุ่งเรืองขึ้นเพราะการพัฒนาทางอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกันทั้งการผลิต จำแนก และขายผลิตภัณฑ์ปลาที่ผ่านกรรมวิธีถนอมอาหาร ทั้งยังมีความสัมพันธ์อันดีกับอาณาจักรโฮล์มและสภาเวทมนตร์ ในระหว่างการขยายอาณาเขตเป็นครั้งที่สองของนครเรนทาโต หมู่บ้านนี้ถูกรวมเข้าไปและตั้งชื่อตามปลาทะเลประจำท้องถิ่นที่ชื่อซาร์ดนี

แต่เมื่อรถไฟหัวจักรเวทมนตร์ระหว่างท่าเรือแพทเรย์และนครเรนทาโตเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น พ่อค้าผู้ร่ำรวยก็ค่อยๆ เข้าควบคุมอุตสาหกรรมการประมงของท้องถิ่นโดยใช้สินค้าสดใหม่และราคาถูกๆ ระบบผูกขาดทำให้ร้านค้าเล็กๆ และตลาดในท้องถิ่นต้องปิดตัวลง ชาวประมงบางคนยอมเลิกทำในสิ่งที่ทำมาหลายสิบปี บ้างก็ทำงานให้กับพ่อค้ารายใหญ่ในตอนนี้ บ้างก็ตกอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่เพราะไม่มีงานทำ

โชคดีที่การส่งเสริมด้านของวิเศษได้ช่วยเหลือผู้ไม่มีงานทำเอาไว้ โรงงานสิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์ที่เพิ่งสร้างขึ้นใหม่รับพวกเขาเข้าทำงาน และภายในไม่กี่ปี ซาร์ดนีก็กลายเป็นเขตกึ่งการประมงกึ่งผลิตของวิเศษ

ท่ามกลางราตรีอันมืดมืด แสงเทียนสลัวรางส่องลอดออกมาจากบ้านและกระท่อมของเหล่าผู้ยากไร้ที่ตั้งเรียงรายบนถนนเพราะพวกเขาไม่มีเงินพอจะซื้อคริสตัลเวทมนตร์ ทว่า โคมไฟข้างถนนที่เชื่อมโยงด้วยสายไฟฟ้าเหมือนกับใยแมงมุมก็ทำให้ถนนสว่างไสวและอบอุ่น แสงที่โคมไฟผลิตออกมานั้นถักทอผสานไปกับความมืดมิดยามค่ำคืน

“หน้าไม่อาย!”

วัยรุ่นอายุราวๆ สิบสี่หรือสิบห้าปีถ่มน้ำลายลงบนพื้น ขณะจ้องมองคู่รักหนุ่มสาวที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดหลังโคมไฟ แม้ว่าผู้คนในอาณาจักรโฮล์มจะเป็นพวกอนุรักษ์นิยม ถึงคู่รักจะทำเพียงกอดกันและกระซิบพูดคุยแผ่วเบา และไม่ได้ทำอะไรเกินเลยอย่างการจูบหรือลูบไล้ แต่สายตาเด็กหนุ่มวัยรุ่นก็ยังเต็มไปด้วยความริษยาและโหยหา

“แอนดี้! หยุดมองได้แล้ว! มันจะเริ่มแล้วนะ!”

เสียงแผ่วเบาดังมาจากด้านหลังต้นไม้ที่เรียงรายไปตามถนน

แอนดี้สะดุ้ง และเมื่อหันกลับไปก็เห็นศีรษะของสหายทั้งสามโผล่ออกมาจากหลังต้นไม้ใหญ่ด้วยความระแวดระวังอย่างยิ่งยวด

“อะไรนะ มันจะเริ่มแล้ว…” สีหน้าแอนดี้พลันเปลี่ยนไป ดูทั้งวิตกกังวลและตื่นเต้น มันดูเหมือนว่าพวกเขากำลังจะทำอะไรที่อันตรายแต่ก็ชวนให้เนื้อเต้น

เขาเข้าไปใกล้ต้นไม้อย่างระมัดระวังพลางบ่นพึมพำ “วิลเลียม มิกกี้ มาร์ติน… เหตุใดพวกเจ้ามาช้านัก”

มาร์ตินผู้มีผมสีน้ำตาลหัวเราะคิกคัก “เราจะกล้าขัดเจ้าได้อย่างไร เจ้ากำลังแอบมองคนอื่นพลอดรักอยู่เห็นๆ”

“ใช่” วิลเลียมผู้มีผมสีบลอนด์กระแอมไอ “…ฤดูใบไม้ผลิมาเยือนแล้ว และเหล่าสิ่งมีชีวิตก็เริ่มกระสับกระส่าย รวมถึงแอนดี้ ผู้กำลังกลัดมัน…”

“เจ้าอยากจะลองงั้นสิ!” แอนดี้ไม่สบอารมณ์อย่างแรง เขายกหมัดขึ้นข้างหนึ่ง ทว่าในดงวตาสีฟ้าของเขากลับฉายชัดถึงความขัดเขินอับอาย

“ชู่ว!” มิกกี้ที่ตัวเตี้ยที่สุดในกลุ่มรีบกดมือแอนดี้ลง

แอนดี้สูดหายใจเข้าลึกแล้วปิดปากเงียบ เขาชี้ไปยังทิศทางที่พวกเขากำลังจะไป

“ไปกันเถอะ มิเช่นนั้นเราอาจจะพลาดเพลงช่วงต้นของท่านหญิงไนติงเกล” วิลเลียมเอ่ยเสียงเพ้อๆ

มาร์ตินมองสหายด้วยสายตารังเกียจ “วิลเลียมก็กำลังกลัดมันเช่นกัน”

เด็กหนุ่มทั้งสี่หัวเราะขันก่อนจะหลบเข้าไปในความมืดและเคลื่อนไหวไปข้างหน้าอย่างลับๆ ล่อๆ

ในขณะที่พวกเขาเลี้ยวตรงหัวมุมและตัดผ่านแมกไม้ เสียงของพวกเขาก็เงียบลงและลมหายใจก็เริ่มหนักหน่วงขึ้น

พวกเขามาถึงบ้านหลังเตี้ยที่ตั้งเป็นเป็นแถวแนวตรงมุมเงียบของซาร์ดนี แล้วตรงไปยังบ้านสองชั้นที่อยู่ท้ายสุด

หลังจากดึงคอเสื้อขึ้นจนมันปิดบังใบหน้าครึ่งหนึ่ง แอนดี้ก็เคาะประตูหกครั้งเป็นจังหวะสั้นสองและยาวสาม

ประตูเปิดออกอย่างเงียบงัน ชายวัยกลางคนมองไปรอบๆ ด้วยความตื่นตัวระแวดระวัง ก่อนจะส่งสายตาบอกให้เด็กหนุ่มเข้าไปด้านใน

แอนดี้ มาร์ติน มิกกี้ และวิลเลียมรู้จักสถานที่แห่งนี้ดีและพวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องมีคนนำทาง ห้องนั่งเล่นนั้นเต็มไปด้วยผู้คนมากมายจนแทบล้น บ้างยืนบ้างนั่งก่อรูปเป็นวงกลม ผ้าม่านทุกด้านปิดสนิท มีเพียงเทียนไขเท่านั้นที่ทำให้ทั้งห้องมีแสงสว่างวูบวาบคล้ายกับจะดับได้ทุกเมื่อ บรรยากาศภายในนี้ช่างเหมาะแก่การเล่าเรื่องสยองขวัญเสียจริง

ในกลุ่มนั้นมีทั้งผู้ใหญ่ทั้งชายหญิง เด็กเล็ก ผู้เฒ่า และเด็กหนุ่ม ‘กลัดมัน’ อย่างแอนดี้ และสาวน้อยวัยสะพรั่งอีกหลายคน

หลังจากแลกเปลี่ยนสายตากัน กลุ่มเด็กชายก็แทรกตัวไปด้านหน้าฝูงชนและในที่สุดก็เข้าไปอยู่ข้างๆ กลุ่มเด็กสาวหลังจากพยายามอย่างหนัก

เด็กหนุ่มคนหนึ่งส่งยิ้มให้อย่างเก้อเขินเล็กน้อย “สการ์เล็ต เซลมา… ดีใจที่ได้เจอพวกเจ้าที่นี่นะ”

เด็กสาวผมบลอนด์ถลึงตาใส่เขาแล้วยกนิ้วมือขึ้นมาทาบริมฝีปาก “ชู่ว… เงียบเสีย มันจะเริ่มแล้ว”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น กลุ่มเด็กหนุ่มก็พลันตัวสั่นสะท้าน พวกเขาเลิกพยายามจะเข้าใกล้เหล่าเด็กสาวชั่วคราว แล้วเฝ้ารออย่างใจเย็นระคนคาดหวัง

เจ้าของบ้าน หรือชายวัยกลางคนหน้าตาเคร่งขรึมในเสื้อเชื้อตัวเก่าเข้ามากลางห้องและเริ่มทำอะไรบางอย่างกับกล่องหน้าตาประหลาดขนาดเท่าศีรษะคน

กล่องสีเทานั้นมีลวดลายลึกลับสลักเอาไว้ ซึ่งบนนั้นยังมีปุ่มสีดำอยู่แถวหนึ่งกับแกนหมุนทรงกลมอีกสองอัน นอกจากนี้ยังมีไม้โลหะสองแท่งยื่นออกมาด้านบนเหมือนกับเขาแกะตัวผู้ พวกมันยาวครึ่งเมตรและมีลวดลายกับสัญลักษณ์แปลกๆ กำกับไว้เช่นกัน

มิมีผู้ใดพูดในขณะที่ชายผู้นั้นสารวนกับกล่อง ไม่ว่าจะชายหรือหญิง เด็กหรือแก่ ไม่มีใครเอื้อนเอ่ยแม้เพียงคำเดียว ทุกคนต่างกลั้นหายใจ ท่าทางตั้งใจราวกับกำลังสวดภาวนาอยู่ในโบสถ์ สำหรับพวกเขาแล้ว กล่องใบนี้เป็นเหมือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์

ซู่… เสียงกระแสไฟฟ้าที่คุ้นเคยดังขึ้น

ทุกคนในห้องพลันยืดกายขึ้นตรง

เสียงของสตรีนางหนึ่งที่ฟังคล้ายลอยมาจากที่ไกลๆ ดังมาจากกล่องใบนั้นและไม่ค่อยชัดเจน แต่ด้วยการปรับเทียบอย่างใจเย็นของชายวัยกลางคน คุณภาพเสียงก็เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ

“สายัณสวัสดิ์ทุกท่าน นี่คือ FM 592.6M ยินดีต้อนรับสู่ ‘เสียงแห่งอาร์คานา’ ขณะนี้เป็นเวลาสี่ทุ่มในอัลลินและข้าคือไนติงเกล สหายของท่าน ยินดีอย่างยิ่งที่จะได้อยู่กับท่านตลอดสี่ชั่วโมงต่อจากนี้ สหายข้า”

เสียงหวานหยดของสตรีทำให้หัวใจเด็กหนุ่มทั้งหลายคันคะเยอะ พวกเขาต่างนึกสงสัยว่าท่านหญิงไนติงเกลจะงดงามเพียงใด

“ช่วงแรกของรายการเราในวันนี้คือ ความรู้ทั่วไปในชีวิตประจำวัน ข้าจะแนะนำวิธีการใช้ชีวิตที่ดีกว่าและทำให้สุขภาพแข็งแรงยิ่งขึ้น และจะช่วยให้ท่านห่างไหลจากกับดักทั้งหมดที่อาจเกิดขึ้นในชีวิตท่าน

“…ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ภายในนครเรนทาโต และเมืองอื่นๆ ในโฮล์ม พ่อค้าผิดกฎหมายหลายคนได้นำยาสีฟันและสบู่ที่มี ‘กัมมันตภาพรังสี’ มาเร่ขายโดยอ้างว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้เป็นของตามสมัยนิยม ทำความสะอาดได้ดีกว่า และช่วยให้เรามีชีวิตยืนยาว นั่นเป็นเรื่องจริงหรือไม่

“เพื่อที่จะค้นหาความจริง เรามาเริ่มจากงานวิจัยที่เขียนโดยท่านลูเซียน อีวานส์ สมาชิกคณะกรรมการตรวจสอบอาร์คานา จอมเวทระดับสูง ผู้ชนะรางวัลมงกุฎแห่งโฮล์มถึงสามครา ผู้ชนะรางวัลบัลลังก์นิรันดร คทาอาร์คานา และเหรียญน้ำแข็งและหิมะ ท่านลูเซียน อีวานส์ ได้เขียนงานที่มีหัวข้อว่า ‘ธาตุใหม่ที่แผ่กระแสอิเล็กตรอนและรังสีอีกสองอย่าง’ เมื่อสามปีก่อน แต่ท่านเพิ่งจะตีพิมพ์มันเมื่อห้าเดือนก่อน มันยังเป็นงานวิจัยที่ทำให้ท่านชนะรางวัลเหรียญน้ำแข็งและหิมะอีกด้วย ในเนื้อหานั้น ท่านได้คิดคำว่า ‘กัมมันตภาพรังสีตามธรรมชาติ’ ขึ้นมา และท่านเชื่อว่าแร่ธาตุบางประเภทที่มีโครงสร้างไม่มั่นคงอาจแผ่ธาตุใหม่และกระแสอิเล็กตรอนออกมา”

“เซลมา เจ้าได้ยินหรือไม่! ท่านอีวานส์ไม่เพียงเป็นผู้ประพันธ์บทเพลงโปรดของเราใน ‘นิทรรศกาลเพลง’ แต่ยังเป็นนักวิชาการผู้ชนะรางวัลมากมายอีกด้วย! เจ้ารู้จักนักดนตรีผู้ใหญ่แห่งอัลโต้หรือไม่ พวกเขาชื่อเหมือนกันเลย!” สการ์เล็ตอุทานด้วยความชื่นชมอย่างเปี่ยมล้น

หลังจากฟังรายการนี้มาตลอดปี สการ์เล็ตจึงเข้าใจถึงคุณค่าของรางวัลที่กล่าวมา และนางก็หาใช่คนเพียงคนเดียวภายในห้องนี้ที่รู้สึกประทับใจเหนือคำบรรยาย เสียงอุทานด้วยความชื่นชมสรรเสริญดังไปทั่วห้อง

แต่แอนดี้กลับมีความรู้สึกครึ่งๆ กลางๆ ต่อลูเซียน อีวานส์ ผู้นี้ เขาชื่นชมพรสวรรค์ของลูเซียน อีวานส์ แต่สการ์เล็ตก็เป็นเด็กสาวที่เขาชอบ

คนในห้องนั่งเล่นต่างรู้ดีว่าท่านหญิงไนติงเกลกำลังพูดถึงอะไร เพราะพวกเขาต้องใช้ชีวิตภายใต้การโฆษณาชวนเชื่อของเหล่าพ่อค้ามาหลายเดือนแล้ว จากคำพูดของพวกพ่อค้า ยาสีฟันที่มี ‘กัมมันตรังสี’ เหล่านั้นสามารถขจัดคราบบนฟันได้หมดจดและทำให้ฟันของพวกเขากลับมาขาวอีกครั้ง นอกจากนี้ ธาตุใหม่ที่อยู่ในยาสีฟันยังทำให้พวกเขามีร่างกายแข็งแรง พ่อค้าทั้งหลายยังอวดอ้างอีกด้วยว่าชนชั้นสูงหลายคนได้เริ่มใช้ยาสีฟันตัวใหม่นี้มาสักพักแล้ว

“…เพื่อให้ได้รู้ความจริง เราจึงได้ไปพูดคุยกับท่านอีวานส์ ผู้อธิบายคำว่า ‘กัมมันตภาพรังสีตามธรรมชาติ’ ให้เราทราบอย่างละเอียด ตามที่ท่านอีวานส์ว่าไว้นั้น ในขณะที่มันแผ่ธาตุใหม่และกระแสอิเล็กตรอนออกมา ส่วนประกอบเหล่านี้ยังปล่อย ‘คำสาป’ ออกมาอีกด้วย ซึ่งอาจทำให้ผมกับฟันของท่านร่วงลงมา ทำให้ร่างกายอ่อนแอ และไปขัดขวางระบบการไหลเวียนของเลือดในร่างกายท่าน ธาตุใหม่และกระแสอิเล็กตรอนที่แผ่ออกมานั้นยังก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงต่อร่างกายท่านอีกด้วย” เสียงหวานๆ เอ่ยต่อไป

ผู้ฟังทุกท่านต่างตกตะลึงและหวาดผวา

“…อันตรายร้ายแรงนี้จะไม่หยุดเพียงที่ท่าน ทารกแรกเกิดก็อาจมีความผิดปกติเพราะสารกัมมันตรังสีนี้ได้ เพราะฉะนั้นทุกท่านได้โปรดอย่าใช้ผลิตภัณฑ์ที่ขายโดยพ่อค้าที่ไม่ซื่อสัตย์จริงจังพวกนั้น อย่าซื้อเพียงเพราะว่าใครหลายคนใช้มันอยู่”

ท่านหญิงไนติงเกลชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะกล่าวสรุป “ท่านอีวานส์กล่าวไว้ว่า ‘ในขณะที่นักบุญสัจธรรมทำให้ทั้งชีวิตท่านแย่ลง รังสีจะทำให้คนในตระกูลท่านสามรุ่นแย่ลง!’

ผู้ฟังทั้งหวาดกลัวและตื่นตะลึง แต่พวกเขาก็ยังรู้สึกโชคดีที่ ‘เสียงแห่งอาร์คานา’ บอกความจริงกับพวกเขา ในหัวพวกเขาเต็มไปด้วยความคิดที่ว่าจะต้องไปโยนยาสีฟันนั้นทิ้งทันทีที่กลับถึงบ้าน พวกเขาจึงไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะเห็นแย้งกับความเห็นเกี่ยวกับศาสนาของอีวานส์

ฉับพลันนั้น สการ์เล็ตก็คร่ำครวญว่า “ข้าใช้มันมาหนึ่งเดือนแล้ว… ถ้าเกิดว่า…”

ท่านหญิงไนติงเกลกล่าวต่อ “แต่ผู้ที่ฟังอยู่ในขณะนี้สบายใจได้เจ้าค่ะ ข่าวดีก็คือ เพราะยาสีฟันและสบู่เหล่านี้ใส่สารนั้นลงไปในปริมาณที่น้อยมาก จนแทบเหมือนไม่มี ทันทีที่ท่านหยุดใช้ ก็จะไม่ผลอะไรตามมาแน่นอนเจ้าค่ะ”

ผู้ฟังภายในห้องนั่งเล่นถอนหายใจด้วยความโล่งอกอย่างยิ่งยวด!

“หลังจากบทเพลงอันยอดเยี่ยมจบลง ท่านนักปราชญ์จะนำเราไปสู่ช่วง ‘คลี่คลาย’ จากประสบการณ์ในฐานะกงสุลกว่าสามสิบแปดปี ท่านนักปราชญ์จะบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเหล่านักบวชและพระคาร์ดินัลที่เขาเคยติดต่อทำงานด้วย และจะแสดงให้เราเห็นถึงสิ่งที่อยู่ใต้รัศมีศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาต่างมีความรู้สึกและความปรารถนาเป็นของตนเอง เหมือนกับมนุษย์ทั่วๆ ไป” ท่านหญิงไนติงเกลเกริ่นนำ

“ว้าว! เรื่องชู้สาวกับแม่ชีอีกแล้วงั้นหรือ” แอนดี้พลันตื่นเต้น

ชายร่างกำยำที่แขนข้างหนึ่งหนาเท่าต้นขาของแอนดี้มองมาที่เขาแล้วเอ่ยหยอกล้อ “หรืออาจจะกับเด็กผู้ชายอย่างเจ้าก็ได้นะ”

ก่อนที่แอนดี้จะทันได้โต้แย้ง กล่องประหลาดที่เรียกว่าวิทยุก็เริ่มมีเสียงท่วงทำนองชวนผ่อนคลายและสงบสุขดังออกมา

“‘เมืองลอยฟ้า’ ดนตรีเลานจ์ของท่านอีวานส์” สการ์เล็ตเอ่ยเสียงแผ่วหวิว ด้วยเกรงว่านางอาจไปรบกวนเสียงเพลงอันไพเราะเข้า

หลังจากที่ช่วง ‘คลี่คลาย’ ‘เข้าถึงอาร์คานา’ และ ‘ห้องเวทมนตร์’ จบลง เสียงหวานหยดของไนติงเกลก็กลับมาอีกครั้ง “ต่อไปจะเป็นช่วง ‘ปริศนาแห่งร่างกาย’ และข้ารู้ดีว่านี่เป็นช่วงที่ผู้ฟังหลายๆ ท่านโปรดปราน ค่ำคืนนี้ เราโชคดีที่ยังมีผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาร่างกายมนุษย์อยู่กับเรา ขอบคุณท่านเฟลิเปที่ให้เกียรติเป็นแขกรับเชิญของเราเจ้าค่ะ”

“ข้าชอบท่านเฟลิเปนะ ถึงจะเย็นชา แต่ข้าก็ชอบ!” เซลมายิ้มกว้างด้วยความปิติ

“สวัสดีเจ้าค่ะท่านเฟลิเป”

“สายัณสวัสดิ์ ไนติงเกล

“อย่างที่ทุกท่านทราบนะคะ ร่างกายมนุษย์เริ่มพัฒนาอย่างรวดเร็วในช่วงอายุสิบสองปี และจะเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างใหญ่หลวง ช่วงเวลานี้อาจกวนใจเหล่าวัยรุ่นชายหญิงไม่น้อย ดังนั้น ท่านเฟลิเปคะ ข้าหวังว่าท่านจะช่วยบอกเล่ารายละเอียดเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนี้และทำให้พวกเขาเข้าใจว่านี่คือการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติ และไม่มีอะไรต้องกังวลจะได้หรือไม่คะ”

“…”

“ท่านเฟลิเปคะ”

“…”

“ท่านเฟลิเป… ท่าน! ได้โปรดใจเย็นก่อน…”